ต้นไม้ที่ใหญ่มากๆ ต้นหนึ่งที่มีกิ่งไม้และใบไม้ขนาดใหญ่ที่ใหญ่พอที่จะห่อตัวของจิมโดยที่มองไม่เห็นแม้แต่นิดเดียวแต่เมื่อใบไม้นั้นห่อตัวของจิมได้หมดแล้ว ใบไม้ที่มีขนาดใหญ่ก็เริ่มหดเล็กลง และเล็กลงจนมีขนาดเล็กกว่าใบไม้ทั่วไปแต่จิมที่ถูกห่ออยู่ด้านในนั้นกลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่ด้านในนั้นนุ่มมาก ไม่นานเมื่อใบไม้นั้นห่อตัวของเด็กน้อยจนเหลือเพียงตัวเล็กจิ๋วแล้ว จากที่ใบไม้ที่ถูกห่อปิดทุกทางที่เด็กน้อยสามารถออกได้แต่อยู่ๆ มันก็แบออกมาเหมือนใบไม้ทั่วไป
เมื่อจิมที่เดินออกมาจากการที่ถูกใบไม้ห่ออย่างมิดชิดก็ถึงกับต้องตกใจเมื่อเข้ามองออกไปจากที่มีวิวที่งดงาม ภายในป่าเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหน้าเต็มไปหมดแต่เมื่อเขามองเห็นกลับมีแต่ต้นไม้ที่ขนาดใหญ่มาก หรือแม้แต่ใบไม้เองก็ยังใหญ่กว่าเขา มีสัตว์มากมายผ่านไปผ่านมาที่เขาไม่เคยเห็น หรือแม้แต่นกที่ตัวใหญ่กว่าปกติหรือก็คือตัวของเขาหดลง
จิมมองอย่างตกตะลึงอย่างมาก แต่เมื่อต้นไม้ใหญ่ที่สังเกตเห็นเด็กชายกำลังตกใจกับสิ่งที่เห็นอยู่ก็อดนึกเอ็นดูเสียไม่ได้
‘ใบไม้นี้นะ มันสามารถหดเล็กหรือใหญ่ก็ได้เมื่อมันห่ออะไรเอาไว้แล้วสิ่งที่มันห่อจะมีขนาดเล็กไปด้วย แต่เจ้าไม่ต้องห่วงมันแค่อยากให้เจ้าสบายขึ้นและมองเห็นสิ่งต่างๆ จากตรงนี้’ ต้นไม้ใหญ่บอก
‘ใช่มันคงชอบเจ้าแล้วล่ะเด็กน้อย สัตว์ทุกชนิดที่อยู่บริเวณนี้นั้นต่างเป็นพืชทั้งนั้นไม่ต้องห่วงเพียงแต่พวกมันไม่เคยสัมผัสหรือเห็นมนุษย์มาก่อน มันเลยกลัวเจ้าเป็นอันตรายเจ้านอนพักเถอะ ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารเดียวพวกพืชกับสัตว์ต่างๆ จะนำมาให้เจ้า’
ต้นไม้อีกต้นที่อยู่ไม่ไกลมากนักเพราะต้นไม้แต่ละต้นมีขนาดใหญ่มากจึงมีต้นไม้อยู่ห่างจากกันไม่มากนักแค่พอที่จะให้ต้นไม้แต่ละต้นไม้เติบโตมากขึ้นและขยายใหญ่ขึ้นเท่านั้น
“ฮะ ผมจะรออยู่แถวนี้นะ”
จิมตอบกลับอย่างว่าง่ายก่อนที่จะเดินตามทางไปเพราะจากมุมของคนตัวเล็กไม่ว่าอะไรก็ใหญ่ไปเสียหมดแต่เจ้าใบไม้นั้นก็ยังตามเด็กน้อยอยู่ แต่ไม่นานเจ้าใบไม้นั้นที่อยู่เดินตามมาก็หยุดลงก่อนที่จะทำท่าทางอะไรบางอย่างพร้อมเอาปลายใบไม้ของมันมาจับที่มือของจิมพร้อมลากเข้าให้เข้าไปด้านในของคุณต้นไม้ใหญ่ที่มันจะมีหญ้าต่างๆ บังอยู่ แต่เมื่อจิมตามมาถึงก็รู้ทันทีว่าเจ้าใบไม้นี้พาเขามาทำไม
นั่นก็เพราะที่ตรงนี้มีอาหารที่พวกนกในป่าบินเอามาให้กับเขาตรงนี้ ผลไม้ที่นกคาบเอามาให้มันมีขนาดปกติแต่ตอนนี้จิมตัวหดอยู่เมื่อมองมาจึงดูมีขนาดใหญ่มาก สัตว์ต่างๆ ที่มีขนาดเล็กก็ไม่มีสัตว์ตัวไหนที่ทำร้ายเขา แต่กลับมานั่งกองอยู่กับเขาหมดเสียด้วยซ้ำ
สัตว์ในป่านี้ไม่เหมือนกับโลกภายนอกเพราะที่นี่จะพบสัตว์ที่หาได้ยากและไม่ค่อยจะมีมนุษย์คนไหนได้เห็นเพราะไม่เคยมีใครเดินเข้ากลางป่าเลย ทำให้ไม่มีใครได้พบเจอพวกมันสักเท่าไร จิมที่กำลังกินผลของอะไรบางอย่างอยู่อย่างมีความสุขสัตว์ตัวที่มีขนาดเล็กอื่นๆ ก็เช่นกันมีทั้งนกจิ๋ว
ใบไม้ขนาดเล็กอันที่จริงจะเรียกใบไม้ไม่ได้เพราะมันเป็นสัตว์ที่มีใบไม้ติดอยู่คล้ายเป็นปีกหรืออะไรบ้างอย่างที่คล้ายกับใบไม้มาก พวกนั้นก็กำลังกินผลไม้หรือไม่ก็พืชบ้างเช่นกัน เมื่อจิมกินจนรู้สึกว่าอิ่มก็เริ่มง่วงขึ้นมา
เมื่อเจ้าพวกสัตว์ต่างๆ เห็นจิมใกล้จะหลับแล้วก็เดินเข้าไปหา เพื่อให้เด็กชายนอนสบายขึ้นเพราะมีสัตว์ขนาดเล็กบ้างชนิดมีขนฟูและมีพืชบ้างชนิดที่มีขนาดเล็กและมีขนฟูเต็มไปหมด จิมที่รู้สึกสบายตัวก็หลับทันที
หาว…
จิมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอ้าปากหาววอดใหญ่ ก่อนจะลืมตาอย่างสะลึมสะลือเพราะแสงแดดส่องเข้ามาในตาทำให้เข้ารู้สึกว่านี้คือเช้าวันใหม่แล้ว พอได้สติทุกอย่างก็มีขนาดปกติเหมือนเดินนั้นหมายความว่าเขาได้กลับมาขนาดตัวเท่าเดิมแล้วโดยมีเจ้าใบไม้ตามติดอยู่ไม่ห่างจริงๆ
‘ตื่นแล้วรึ เด็กน้อย’
“ฮะ เมื่อคืนหลับสบายมากและล่ะฮะ” (^_^)
‘ข้ารู้ดูสีหน้าของเจ้าพวกเราก็ดูออกแล้ว เจ้าจะกินก่อนไหมล่ะแล้วค่อยเดินทางต่อผลนี้มาจากต้นไม้แก่ๆ แถวๆ นี้นั่นแหละเจ้านั้นเอาแต่นอนตลอดเวลาไม่ค่อยได้สนใจอะไรหรอก เจ้าไม่ต้องห่วงว่าเจ้านั้นจะมาหาเรื่องเจ้านะกินเถอะ” เสียงจากต้นไม้อีกต้นบอก
“อืม…อย่อยอะเอีย” (อร่อยนะเนี้ย) (^¤^)
“ข้าว่าเจ้านั้นคงจะอยากไปกับเจ้านะเจ้าหนู” ต้นไม้พูดกับเด็กน้อยที่กำลังยัดผลอะไรสักอย่างเข้าปากโดยข้างๆ จะมีใบไม้สีสดอยู่ข้างตลอดที่ไม่ยอมไปไหน
“ข้าว่าเจ้านั้นคงจะอยากไปกับเจ้านะ”
เจ้าอยากไปกับข้าเหรอ”
จิมที่ได้ยินที่ต้นไม้พูดจึงถามกับใบไม้นั้นออกไปพร้อมกับกินผลไม้ไปด้วย จนในที่สุดเจ้าใบไม้นั้นก็พยักไปของมันไปมาอย่างบอกว่ามันต้องการที่จะตามไปด้วย เมื่อจิมเห็นแบบนั้นก็ดีใจใหญ่ รีบกอดเจ้าใบไม้แน่น
“ดีจัง นี้เจ้าจะไปกับข้างั้นเจ้าขึ้นตะกร้าเลย เดี๋ยวข้าแบกเจ้าไปเอง” จิมทำท่าทางแข็งแรงบอกกับใบไม้นั้น แต่อยู่ๆ ใบไม้นั้นก็เอาใบของมันห่อตะกร้าทั้งใบและย่อขนาดของมันให้เล็กลง จนมองตาค้างที่คิดไม่ทันว่าเจ้าใบนี้สามารถทำแบบนี้ได้
“เจ้าเก่งจัง แบบนี้ข้าก็ไม่ต้องแบกแล้วสิ สุดยอดเลย…” (>_<)
พอกินเสร็จจิมก็บอกลากับต้นไม้บริเวณนั้นๆ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับใบไม้ที่ตามมาด้วยที่ตอนนี้เกาะอยู่ที่หัวของจิมไม่ยอมไปไหน จิมเดินทางมาถึงตรงบริเวณป่าชั้นนอกเรียบร้อยแล้ว ดูจากการมองป่าชั้นนอกนั้นเหมือนป่าธรรมดาไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากเดินต่างจากป่าชั้นกลางกับชั้นในสุดมากๆ
พับ พุบ
เสียงคล้ายมีคนกำลังเคลื่อนไหวและเดินมาทางเขา จากอีกด้านที่มีพุ่มไม้ขว้างอยู่บริเวณนั้น
“อ้าวเด็กจากไหนเนี่ย ทำไมมาอยู่ที่นี้ได้ละ”
เสียงของผู้หญิงที่ดูอายุแก่กว่า จิมประมาณ 10 กว่าปีถามพร้อมกับมองมาทางจิมที่กำลังยืนฟังเสมือนว่าไม่มีปากมา เสียงของพี่ผู้หญิงเรียกคนอื่นๆ ที่ตามมาด้วยให้ออกมาช่วยกันพาเด็กชายที่กำลังยืนมองอย่างงงอยู่ในป่า ชวนให้คนที่กำลังออกเดินทางเพื่อไปให้ถึงป่าชั้นกลางต้องหยุดชะงักลง
“เจ้าหนูมาจากไหนเนี่ย ฮึอ ทำไมถึงมาอยู่นี้รู้ไหมว่าที่นี้มันอันตรายนะเด็กน้อย” เสียงผู้ชายผมแดงหน้าคมแต่งกายแนวคนมีฐานะเดินทางมาพร้อมอุปกรณ์แบบจัดเต็มพร้อมกับการเดินทางในป่ามากๆ ถามกับจิม
“ใช่ มาจากไหนเนี่ย” ผู้ชายอีกคนถาม การแต่งกายคล้ายๆ กัน แต่หน้าตาออกจะหวานหรือไปทางหล่อแบบใสๆ ผมสีขาวตาสี เขียว ผิวขาวมากคนหนึ่งและยังมีอีก 2 คนที่อยู่ใกล้ๆ กับหญิงสาว
“ผมมาจากในนั้นฮะ”
จินมองไปทางคนอื่นๆ อย่างไม่เข้าใจก่อนจะชี้ไปทางป่าด้านใน เพราะการที่มนุษย์จะเข้าไปในป่าชั้นกลางหรือเขตป่าของวาเท็นด้านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปได้ เพราะก่อนที่จะถึงป่าเท็นด้านั้นจะมีสัตว์มากมายอาศัยอยู่ในแถวนั้นมากเป็นพิเศษและถึงจะไปถึงแต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปในป่าในเขตของวาเท็นด้าได้ถ้าหาทางเข้าไม่เจอ เพราะก่อนจะเข้าในเขตป่านั้นจะมีอะไรบางอย่างบังตาอยู่ถ้าหาไม่เจอก็จะเหมือนเดินป่าเล่นเฉยๆ ไม่มีทางเข้าไปได้ ทำให้จินที่ชี้ไปทางป่าด้านในคนอื่นๆ ถึงกับต้องตกใจเพราะถ้าเด็กผู้ชายในป่าคนเดียวโอกาสรอดมียากเพราะแค่ป่าธรรมดาสัตว์ป่ายังเยอะขนาดนี้ ไม่มีทางที่เด็กคนเดียวจะรอดออกมาจากป่าได้
“เจ้าหนูว่าอะไรนะ” ชายที่นั่งพิงผู้หญิงใบหน้าคมผมยาวสีน้ำเงินถามอย่างไม่เข้าใจ ที่จินชี้ไปด้านในป่า
“ผมมาจากในป่านะฮะ พึ่งเดินออกมาไม่นานนี้เองพวกพี่ถึงเห็นผมไงละฮะ” จิมบอกอย่างใส่ซื่อพร้อมส่งยิ้มตาปิดไปให้กลุ่มนักเดินทาง ที่กำลังยืนซุบซิบกันอยู่
“งั้นเจ้าหนูนี้ก็มาจากในป่าสินะ แล้วออกมาได้ยังไงไหนบอกพี่ชายคนนี้มาสิเด็กน้อย” ผู้ชายผมแดงถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับจิมอย่างตั้งใจจะฟังคำตอบจากเด็กชาย
“ผมก็เดินมาไงฮะ ทำไมเหรอ” (•_•) จิมตอบไปแบบเฉยๆ เพราะตัวเองก็เดินมาเรื่อยๆ จริงๆ
พวกพี่เขาเป็นอะไรน่ะ ทำไมถามแปลกๆ
“เอ่อ คือหนูเดินออกมาเฉยๆ เลยเหรอ” พี่ชายผมขาวถาม
“ฮะ (^_^) ”
“ข้าว่าเจ้าเด็กนี้ต้องโกหกแน่ๆ เลย ไม่ต้องไปสนใจหรอกเดินต่อเถอะน่า” ผู้ชายที่ยืนหลังสุดผมสีน้ำตาลหน้าตาบอกบุญไม่รับ พร้อมกับชวนเพื่อนของตัวเองเดินทางต่อ
“จะบ้าเหรอเด็กตัวแค่นี้จะปล่อยทิ้งเอาไว้ได้ยังไงกัน พวกนายนี้ใจร้ายกับเด็กจริงๆ เลยนะ” เสียงของพี่ผู้หญิงตะโกนบอกอย่างไม่สบอารมณ์กับคำพูดของเพื่อนที่เดินทางมาด้วยกัน
“เจ้าก็ได้ยินไม่ใช่หรือไงว่า เจ้าเด็กนี้เดินมาจากในป่าเองแค่จะเดินออกจากป่าแค่นี้คงไม่ยากเกินไปหรอกน่า…”
“อืม…แต่ข้าว่าเราน่าจะพาเด็กนี้ออกไปจากป่าก่อนนะ แล้วค่อยมาเดินใหม่ก็ได้” พี่ผมขาวบอก
“ฮะ ผมไปเองได้ฮะ พวกพี่ไม่ต้องห่วงเลยนะ แค่นี้สบายมาก” จิมบอก ก่อนจะเดินผ่านกับคน 6 แต่ก่อนที่จะเดินจากไปจิมก็คิดว่าน่าจะเตือนพวกพี่เข้าเรื่องสัตว์ด้านในป่าซะหน่อย เพราะกลัวว่าพวกเขาจะไปรบกวนเวลานอนของพวกมัน
“จริงด้วย ถ้าพวกพี่จะเดินเข้าไปเพื่อที่จะไปป่าเขตวาเท็นด้าละก็พวกพี่ไม่ควรไปทำร้ายหรือไปรบกวนพวกสัตว์นะฮะ พวกเขากำลังจะนอนพักกันนะฮะ พวกเขาฝากมาบอกคนที่จะเดินทางเข้าป่าวันนี้มาให้ผมบอกนะฮะ”
(•_•) หน้าของกลุ่มนักเดินทาง
(^_^) // หน้าจิมที่กำลังโบกมือลา
จากนั้นจิมก็เดินออกมาจากกลุ่มของนักเดินทางกลุ่มนั้น ส่วนเจ้าใบไม้ที่กำลังเกาะหัวของจิมอยู่อย่างสบายใจเหมือนกำลังพักร้อน ในระหว่างทางจิมเลยตั้งชื่อให้ว่า เจ้าสกับบี้ เพราะมันชอบนอนที่หัวของจินมากๆ แล้วเป็นใบไม้ที่ขี้เกียจที่สุดเพราะระหว่างทางมันเอาแต่นอน ถ้าไม่นอนมันก็จะหาของป่ามาให้จิมกินในระหว่างทางที่เดินมา
“นี้สกับบี้เจ้าว่าต้นไม้ต้นนี้สวยไหม”
จิมที่เดินมาใกล้จะออกจากป่าถามความคิดเห็นของสกับบี้ที่กำลังใกล้นอนอยู่ มันเพียงแค่ส่งเสียงคล้ายกับจิ้งหรีดตอบกลับมาเพียงเท่านั้น เพราะต้นที่จินกำลังยืนมองอยู่คือต้นฝ้ายที่มีผลตกลงมาเต็มไปหมด และต้นใกล้ๆ ก็จะเป็นดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมหรือไม่ก็ต้นที่มีผลออกมาเพราะเจ้าสกับบี้เด็ดผลของพวกเขามาให้กับจิมหมดแล้ว
อีกอย่างพวกเขาเองก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรที่เห็นเจ้าใบไม้นั้นเด็ดผลจากต้นพวกเขา เพราะพวกเขารู้ว่าจิมมีธาตุของพฤกษาอยู่ในตัวและยังได้รับคำอวยพรจากเหล่าต้นไม้อาวุโสจากป่าวาเท็นด้าชั้นในสุดมาด้วย พวกเขาจึงไม่ได้ทำร้ายหรือต่อว่า หรือแม้แต่พวกสัตว์เองก็เช่นกันเพราะพวกมันมีประสาทสัมผัสที่ดีมากจึงสัมผัสได้ว่าจิมเป็นเด็กที่มีธาตุที่สามารถเข้ากับพวกเขาได้หรือก็คือธาตุควบคุมสัตว์ชั้นสูงและบวกกับที่ธาตุทั้ง 2อย่างนั้นต่างช่วยเหลือจนกลมกลืนกันเพราะถ้าเป็นมนุษย์คนอื่น ถ้ามี 2 ธาตุ ในคนเดียวกันมักจะควบคุมไม่ได้หรือธาตุตีกันเองที่เวลาใช้ธาตุใดธาตุหนึ่งจะใช้ดีแต่อีกธาตุจะไม่ค่อยดีนักหรืออาจน้อยเสียด้วยซ้ำ
จิมเดินออกมาจากป่าแล้วก็จะเห็นเป็นหมู่บ้านที่มีคนอยู่อาศัยกันไม่ไกลมากนัก เด็กชายจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อหาที่พักผ่อนสำหรับวันนี้ เมื่อเดินเข้ามาทางหมู่บ้านจะเห็นเป็นบ้านของแต่ละหลังที่ถูกสร้างอย่างเรียบง่ายไม่ยุ่งยาก ตั้งกันเรียงแบบเป็นแถวแนวเดียวกันแต่แค่มีระยะห่างของบ้านแต่ละหลังด้วย พอเดินเข้ามาจะเห็นบ้านหลังแรกที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก ส่วนหลังอื่นๆก็คล้ายกัน
“อ้าวเจ้าหนูจิมนิ ไปไหนมาหายไปตั้งนาน” ป้าที่เดินผ่านถามอย่างสงสัย
“ผมไปในป่ามาฮะ” จิมตอบอย่างร่าเริง
“แต่หายไปตั้งนานป้าเลยสงสัยนะ” ป้าทำทีท่าไม่ใส่ใจอะไรมากนักก่อนจะเดินผ่านไป
“แกอยู่นี้เอง!” เสียงของป้าผู้หญิงตะโกนมาอย่างไม่ชอบใจมาทางเด็กน้อยที่กำลังมองด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“ถามผมเหรอฮะ” จินทำสีหน้างงใส่ผู้หญิงที่มองมา
“ก็ใช่นะสิ แกนี้นะคิดจะหายไปไหนก็ได้หรือไง มานี้!!”
พูดจบป้าผู้หญิงก็เดินมาลากเด็กน้อยกลับไป แต่จิมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพียงแค่เดินตามไปอย่างว่าง่าย เดินมาจนถึงบ้านหลังขนาดกลางที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก ป้าผู้หญิงที่ลากจินมาก็พาเด็กน้อยเข้าบ้านไป ภายในบ้านไม่ได้โทรมหรือมีอะไรเป็นพิเศษ มากนัก
“แกยังกลับมาได้อีกเหรอ ตายยากจริงเลยนะแกเนี่ย!!” เสียงผู้ชายวัยกลางคนตะโกนอย่างไม่พอใจเมื่อเด็กจิมเดินเข้ามาในบ้าน
“ฮะ” (•_•)
“ไปได้มาจากไหนอีกละ” เสียงของผู้ชายคนเดิมถาม
“ก็หน้าหมู่บ้านนะสิ กลับมาได้ยังไงก็ไม่รู้หน้ารำคาญจริงๆ”
ปัง !!
เสียงประตูดังขึ้นตามมาด้วยเด็กชายที่วิ่งเข้ามาอย่างดีใจ เเต่เมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ด้านในจึงทำทีท่าไม่พอใจด้วยอีกคน ก่อนจะเดินเข้าไปหาทั้ง 2 คนอย่างดีใจ
“แม่…ข้าไปทดสอบมาแล้วนะ ข้ามีธาตุดินล่ะ ท่านแม่ข้าจะได้ไปเรียนที่เมืองหลวงใช้หรือเปล่า” เด็กผู้ชายที่อายุน่าจะใกล้เคียงกับจิมบอกอย่างดีใจ
“จริงรึ ลูกของเรานี้มีความสามารถจริงๆเลย สมแล้วที่เป็นลูกพ่อกับแม่”
“จริงด้วย ลูกแม่นี่มีพรสวรรค์จริงๆ เลย แบบนี้เราต้องรีบหาเงินส่งลูกไปเรียนที่ในเมืองแล้วล่ะนะ” เมื่อทั้ง 2 คนพูดชมลูกของตัวเองเสร็จแล้วก็หันมามองจินที่ยืนนิ่งไม่ไปไหน
“ยิ่งแบบนี้เราต้องลดค่าใช้จ่าย” ผู้หญิงที่เมื่อพูดจบก็หันมามองทางจิมด้วยสายตาไม่ชอบจิมมากนัก
“ใช่ โดยเฉพาะแก ข้าอุสาเอาตัวแก่ไปปล่อยแกยังหาทางกลับมาได้อีก มาครั้งนี้ฉันจะบอกแกตรงๆ เลยว่าแกจะไปไหนก็ไป บ้านของเราไม่ต้องการเด็กอย่างแก” ผู้ชายบอกอย่างไม่สนใจอะไรมากนัก
“งั้นเหรอ ฮะ” จิมตอบออกไปอย่างไม่ใสใจอะไรเหมือนกัน
“ก็ใช่นะสิ แม่ของแกท้องไม่มีพ่อทำให้ครอบครัวของเราขายขี้หน้าแล้วพอคลอดแม่แกยังมาตายอีก ทิ้งแกให้พวกเราเลี้ยงเเบบนี้ ทีนี้แกต้องตอบแทนบุญคุณที่พวกเราเลี้ยงแกมาแล้ว” เสียงของผู้หญิงบอกกับจิม
“ใช่ ตอนนี้ลูกของเราต้องไปเรียน และแกเป็นตัวเปลืองเงินเพราะฉะนั้นแกไปเก็บของแล้วจะไปไหนก็ไป แล้วไม่ต้องกลับมาอีก” ผู้ชายตะโกนบอกกับจิมพร้อมชี้นิ้วไปทางด้านนอก
“ตอนนี้ข้ามีพรสวรรค์ที่คนแบบแกไม่มี เราจะต้องได้ดีได้ไปเรียนที่หรูๆ แต่แกมันตัวไร้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นแกต้องตอบแทนบุญคุณของพ่อกับแม่ที่ต้องเลี้ยงแกมาอย่างยากลำบากทีนี้ก็ออกไปได้แล้ว ไปสิ” เด็กชายผมสีน้ำตาลเข็มบอกกับจิมพร้อมกับทำมือไล่ให้ออกจากบ้านไป
“เหรอฮะ นั้นสินะถึงผมจะไม่ใช้ธาตุแบบอื่นที่คนอื่นมีกันแต่ผมก็ชอบนะฮะ มันทำให้ผมพิเศษไงล่ะ” จิมยิ้มให้
“พิเศษเหรอ แกเนี่ยนะพิเศษข้าว่าแกคงไม่มีทางที่จะได้ไปเรียนที่นั้นแน่นอน” ลูกชายของคนทั้ง 2 คนบอกกับจิมด้วยน้ำเสียงดูถูก
“งั้นผมไปนะฮะ ยังไงก็ถูกไล่แล้วผมลาเลยล่ะกันนะ” (^_^)// พอพูดจบจิมก็ยิ้มให้กับคนทั้ง 3 คนที่ในบ้านก่อนจะเดินออกจากบ้านหลังนั้นไป
ปี้ๆ
เสียงเจ้าสกับบี้ทำน้ำเสียงไม่พอใจเมื่อเห็นว่าคนมนุษย์ทั้ง 3 คนนั้นทำท่าทีดูถูกใส่จิม เมื่อจิมได้ยินดังนั้นก็ยิ้มให้กับเจ้าสกับบี้พร้อมลูบที่ใบของมันก่อนจะเดินออกจากหมู่บ้านไป จินเลือกที่จะเดินไปในป่า
แบบนี้ก็ดีเหมือนกันน่ะ ไม่ต้องมีใครมาคุมก็ดีเหมือนกัน (^_^)
เดินทางต่อดีกว่า ลุย!!!
‘มาเร็วจังเลยนะ เจ้าหนูข้าพึ่งเห็นเจ้าเดินออกไปไม่นานนี้เองนะ ทำไมมาเร็วจังเลยล่ะเจ้าหนู’ เสียงต้นไม้ตรงทางเข้าป่าถามอย่างสงสัย
“ออ พอดีผมถูกไล่ออกจากบ้านน่ะฮะ” เด็กชายตอบ
‘ไม่น่าล่ะ เมื่อวันก่อนข้าเห็นมีชายคนหนึ่งแบกเจ้าเข้ามาในป่าแถวนี้ แบบนี่นี้เองสินะ’
“เหรอฮะ ผมต้องไปทางไหน ถึงจะไปเมืองเหรอฮะ”
‘เจ้าจะไปที่เมืองทำไมละ เจ้าหนู’ ต้นไม้อีกต้นถาม
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ป้ากับลุงของผมบอกว่าพ่อของผมอยู่ที่นั้นน่ะฮะ” จินพูดตามจริงเพราะคนในบ้านเคยบอกกับเขาว่าพ่อของเขาอยู่ที่เมืองใหญ่
‘เจ้าหนูต้องผ่านป่าชั้นกลางไปน่ะ จะใกล้กว่าที่จะเดินอ้อมไป’
“ขอบคุณมากเลยนะฮะ”
จิ้กๆๆ. สกับบี้บอกขอบคุณเหล่าต้นไม้บริเวณนั้น
‘เอานี้ไปด้วยสิเจ้าหนู เพื่อหิว’
‘ใช่ๆ เอาของข้าไปด้วยนะ เอาไปเยอะๆ ข้าไม่ว่า’
“งั้นผมไปก่อนนะ”
จิมรับผลจากต้นเสร็จแล้วก็เดินเข้าไปในป่าตามเดิมเดินบ้างพักบ้าง พอใกล้ที่จะเข้าเขตป่าวาเท็นด้าก็พบกลุ่มคนที่เจอกันก่อนหน้านี้กำลังพักอยู่และร่างกายดูจะสะบักสะบอมมากกำลังนั่งพักเหนื่อยกันอยู่เมื่อคนในกลุ่มเห็นว่ามีคนมาจึงรีบลุกไปหยิบอาวุธเตรียมตัวต่อสู้ทันที แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กที่เจอกันเมื่อตอนเช้าจึงว่างอาวุธที่พื้นตามเดิม
“เจ้าหนูที่เจอกันนิ ใช้ไหม” ชายผมแดงมีแผลที่แขนและหน้าท้องถามจิมที่กำลังยืนมองสภาพของแต่ละคนอยู่
“ฮะ ว่าแต่พวกพี่ไปโดนอะไรมาเหรอฮะทำไมมีแผลเต็มเลยล่ะ”
“แล้วทำไมนายถึงไม่เป็นอะไรเลย ตอนเข้ามาพวกเราโดนสัตว์ป่าทำร้ายมานะ” อีกคนบอก
“แล้วหนูล่ะ มาทำอะไรในป่าแบบนี้เเล้วเดินมาได้ยังไงไม่กลัวหรือไง” พี่ผู้หญิงถามจิมก่อนจะเดินไปรักษาเพื่อนอีกคนต่อ
“อ่อ พอดีจะเข้าเมืองนะฮะ แต่พวกต้นไม้บอกว่าไปทางป่าจะถึงเร็วกว่า”
“ต้นไม้ ต้นไม้เนี่ยนะ” เมื่ออีกคนได้ยินแบบนั้นก็ทำท่าตกใจ
“ทำไมเหรอฮะ ก็ผมมีธาตุพฤกษานะฮะ ผมเลยรู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกันนะฮะ” (^_^)
“แบบนี้เอง ไม่น่าละทำไมถึงเดินออกมาจากป่าแบบไม่เป็นอะไรเลย”
“แล้วเจ้าหนูจะเข้าเมืองไปทำไม หรือว่าจะกลับบ้าน” พี่ผมแดงถามอย่างสงสัย
“เปล่าหรอกฮะ ผมจะไปหาที่พักที่ไหนสักที่แถวๆในเมืองไม่ไกลจากป่ามากนักเพราะผมพึ่งถูกไล่ออกจากบ้านมานะฮะ” (•_•) จิมตอบคำถามไปอย่างใสซื่อแบบสุดๆ จนคนที่ฟังอยู่ถึงกับมีอารมณ์รวมเลยว่าทำไมถึงต้องไล่เด็กออกจากบ้าน
“แล้วทำไมถึงถูกไล่ออกจากบ้าน” เหมือนมีคนเข้าใจความคิดของทุกคน จนคนใดคนหนึ่งถามจินต่อ
“เพราะผมกินเยอะและเปลืองค่าใช้จ่ายนะฮะ ลูกชายของป้ากับลุงของผมจะต้องไปเรียนในเมืองจึงต้องใช้เงิน”
“แต่ก็ไม่น่าจะไล่ออกมานิ แบบนี้มันไม่ถูกนะ”
“แต่ยังไงผมก็ไม่เป็นอะไรหรอกฮะ ผมจะเดินทางไปเรื่อยๆ ไปหาบ้านสักหลังอาศัยแล้วปลูกต้นไม้ใหญ่ๆ เยอะๆเลย” (^_^) “งั้นก็แปลว่าหนูจะเดินผ่านป่านี้ใช้หรือเปล่า” พี่สาวถาม
“ฮะ”
“แล้วนายรู้จักทางหรือไง”
“ผมรู้ฮะ เดินไม่นานก็ถึงแล้ว งั้นผมไปก่อนนะฮะ” พูดจบจิมก็เตรียมตัวบอกลาพร้อมที่จะเดินทางต่อ
“เดี๋ยวๆ”
“รอก่อนสิ ไหนๆก็ต้องไปทางเดียวกันไปด้วยกันคงไม่เป็นอะไรหรอกใช้หรือเปล่าทุกคน” พี่ชายผมแดงพูดพร้อมหันหน้าไปทางคนอื่นๆ
“ว่าไงก็ว่างั้นแหละ” พี่อีกคนที่มีผมสีน้ำตาล กำลังทำอาหารอยู่ทำท่าทีไม่สนใจ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เจ้าหนูชื่ออะไรล่ะ” พี่สาวคนสวยถามหลังจากดูแลเพื่อนอีกคนเสร็จแล้ว
“ผมชื่อจิมฮะ”
“พี่ลอร่านะ มีธาตุเป็นน้ำนะจ้ะ” พี่ผู้หญิงพูดพร้อมเดินมาทางเด็กน้อย “ข้าชื่อคลาว มีธาตุไฟ” พี่ชายตาคม ผมสีแดงบอกพร้อมส่งยิ้มแบบกวนๆ ให้
“ข้าชื่อ เคเเกน ธาตน้ำเหมือนกันกับลอร่า” ชายผมสีขาวยาวพูดด้วยใบหน้าอ่อนโยนให้กับจิน
“ส่วนข้า ไมล ธาตุดิน” เสียงผู้ชายอีกคนที่พี่สาวกำลังดูแลบอกด้วยใบหน้าไม่สนใจเด็กน้อยเลยแม้แต่นิดเดี่ยว
“ข้าชื่อ กิต้าน ธาตุลมนะ” พี่ชายอีกคนมีลักษณะผมสั้นสีดำ ผิวเข้มหน่อยคล้ายเป็นคนผิวแทน ตาสีเขียวโดยรวมแล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่หน้าอบอุ่นมากที่เดียว
“แล้วเจ้าล่ะ เจ้าหนูมีธาตุหรือเปล่า” ผู้ชายที่ชื่อคลาวถามขึ้น
“คือธาตุของผมเหรอฮะ ผมมีธาตุพรรณไม้น่ะฮะ” เมื่อจินได้ยินเช่นนั้นจึงบอกธาตุของตัวเองให้พวกพี่ๆรู้ แต่ละคนที่พอได้สินก็มีอาการงงๆ บ้างคนก็พยายามนึกว่ามีธาตุนี้อยู่หรือเปล่า
“มีธาตุแบบนี้ด้วยเหรอ ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเลยล่ะ” คราวถามอย่างสงสัยเพราะเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีธาตุนี้อยู่ด้วย
“มีสิ ธาตุนี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีพูดให้ถูกก็คือเป็นธาตุที่ไม่ค่อยมีกันและหาได้ยาก แต่ในหนังสือบอกเอาไวว่าคนที่มีลักษณะธาตุแบบนี้ถูกจัดให้อยู่ในธาตุรองของธาตุทั้งหมดนี้ด้วยและบ้างเล่มยังมีบอกว่าธาตุนี้เป็นธาตุที่ไร้ประโยชน์นะ”
เคแกนผู้เสมือนเป็นหนังสือเดินได้ของกลุ่มพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย ต่างจากคนอื่นๆ ที่มองเหมือนว่ามันคือสิ่งใหม่ที่ไม่เคยพบเคยเห็นกัน “เหรอ แบบนี้เจ้าหนูนี้ก็ไร้ประโยชน์นะสิ” ไมลชายผมสีน้ำตาลหน้าตาไม่ชอบเด็กเอามากๆ พูดขึ้น
“นี้! นายนี้มันใจร้ายกับจินมากเกินไปแล้วนะ” ลอร่าพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจใส่ไมลที่นั่งข้างๆ
“ไม่เป็นอะไรหรอกฮะ ผมไม่สนใจหรอกธาตุของผมมีประโยชน์มากเลยนะจะไปไหนก็ไม่ต้องกลัวลำบากเพราะผมสามารถพูดคุยและสามารถรู้สึกได้ว่าต้นไม้แต่ละต้นเป็นยังไง แบบนี้ดีจะตาย” จิมบอกพร้อมกับยิ้มกว้างส่งไปให้อย่างไม่เสแสรง “ไม่น่าละ เด็กตัวแค่นี้ถึงรอดออกมาจากป่าได้ยังไงที่แท้ก็เป็นแบบนี้เองสินะ สุดยอดเลยเนอะ” (0o0) คราวทำท่าแปลกใจ
“แบบนี้หนูก็เคยเดินผ่านป่าวาเท็นด้ามาแล้วสิ” พี่สาวลอร่าถามด้วยแววตาเป็นประกาย
“ฮะ” (^_^)
“โห…สุดยอดเลยเนอะ รู้หรือเปล่าว่ามีกี่คนที่พยายามจะเข้าไปในเขตของป่าวาเท็นด้านะ” กิต้านพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเดินไปหาเด็กน้อยที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
“ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าไม่ค่อยมีมนุษย์เดินมาแถวนี้ด้วยนะ แถมผลไม้ที่นั้นก็อร่อยมาเลยน่ะฮะ” จิมบอกพร้อมกับหยิบตัวเจ้าสกับบี้ออกมาจากหัวของตยงนพร้อมลูบไปที่ใบของมันอย่างสนุก
“นั้นมันอะไรนะ มันขยับได้ด้วย”