สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ...
อดีตนางเอกสาวที่กำลังตกเป็นข่าวดัง ในหัวข้อข่าวเกี่ยวกับการถูกปลดกลางอากาศจากละครหลายๆ เรื่อง รีบเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่ง เพื่อหลบหนีกองทัพของนักข่าว ที่กำลังเดินไล่หลังเธอมาเป็นพรวน
ซึ่งแต่ละคนต่างก็แย่งกันจ่อไมค์มาใกล้ๆ กับอดีตนางเอกสาวชื่อดัง และต่างก็แย่งกันตั้งคำถามเสียงดังเซ็งแซ่ฟังไม่ได้ศัพท์ ทว่านักข่าวเหล่านั้นก็ไม่มีใครได้รับคำตอบในสิ่งที่พวกเขาถามออกไป ไม่มีคำตอบใดหลุดออกมาจากปากของธัญพิชชา ที่เดินหนีนักข่าวไปอย่างรวดเร็ว คงมีแค่เพียงพิมพ์มาดาเท่านั้นที่อยู่รับหน้า และบอกนักข่าวเพียงสั้นๆ ว่าธัญพิชชา กำลังเดินทางไปพักผ่อนที่ต่างประเทศสักระยะ ก่อนจะกลับมาทำงานในวงการอีกครั้ง
กว่าพิมพ์มาดาและธัญพิชชา จะหลุดออกมาจากวงล้อมของนักข่าวได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก และหงุดหงิดไปตามๆ กัน เพราะคำถามที่ถูกถามออกมานั้นไม่ได้สร้างสรรค์สักเท่าไรนัก ซึ่งมันทำให้อดีตนางเอกที่เอาแต่ใจตัวเองอย่างธัญพิชชา ต้องหงุดหงิดอารมณ์เสีย ตีสีหน้าบูดบึ้งเสียยิ่งกว่านางยักษ์ขมูขี โมโหจนแทบจะร้องกรี๊ดให้ลั่นสนามบิน แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้ เพราะมีมือเล็กของพิมพ์มาดาผู้เป็นผู้จัดการส่วนตัวคอยหยิกต้นแขนขาวเนียนเป็นการเตือน อีกทั้งยังกระซิบบอกให้ใจเย็นๆ อยู่ตลอดเวลา ธัญพิชชาจึงนับหนึ่งถึงร้อยอยู่ในใจ กะว่าหากถึงจุดสุดขีดของความอดทนอดกลั้นเมื่อไร เธอคงอาละวาดเหวี่ยงใส่บรรดานักข่าวที่ช่างซักช่างถามเหล่านี้เป็นแน่
“พิม! พีชจะทนไม่ไหวแล้วนะ รีบๆ ไล่นักข่าวพวกนี้ไปให้พ้นหน้าพีชเลย”
ธัญพิชชากระซิบสั่งผู้จัดการส่วนตัวด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ใบหน้างามที่ตกแต่งมาอย่างดีทั้งบูดบึ้ง ทั้งแดงก่ำเพราะความโกรธกริ้วสุดขีด มองไปทางไหนก็เจอแต่กองทัพนักข่าว หันไปทางไหนก็ได้ยินแต่เสียงทั้งชายทั้งหญิงที่แย่งกันตั้งคำถามไม่ได้หยุด ไม่รู้ว่านักข่าวพวกนี้จะล้วงลึกสาวไส้เรื่องราวส่วนตัวของเธอไปถึงไหนกัน
พิมพ์มาดาหันมามองธัญพิชชาครู่หนึ่ง ตอนได้ยินเสียงตวาดสั่งลอดไรฟัน จากนั้นก็ยกต้นแขนกันไม่ให้นักข่าวทั้งหลายเข้ามาใกล้อดีตนางเอกสาว ที่มีฐานะเป็นทั้งเจ้านายและเป็นเพื่อนรักของตนเอง พร้อมกันนั้นก็กระซิบปลอบดั่งที่กระซิบบอกอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา
“ทนอีกนิดนะพีช เดี๋ยวก็ได้ขึ้นเครื่องบินแล้ว”
“พีชอดทนจนเกินพอแล้วนะพิม ไม่รู้ว่าที่พวกนักข่าวตามมาทำข่าวของพีช เป็นเพราะว่าพีชยังดังอยู่ หรือว่าตามมาทำข่าวเพราะอยากซ้ำเติมพีช ที่เห็นพีชตกต่ำเช่นนี้”
ธัญพิชชาเอ่ยออกมาอย่างแค้นๆ แม้ครั้งหนึ่งนักข่าวเหล่านี้จะเคยมีบุญคุณเคยประโคมข่าวช่วยให้เธอโด่งดังราวกับพลุแตกมาแล้ว แต่หญิงสาวก็อดโกรธพวกนักข่าวไม่ได้ ซึ่งพอเธอและครอบครัวตกต่ำก้าวเดินในทางที่ผิดพลาด พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะเสนอข่าวของเธอในทางเสียหาย อีกทั้งยังขุดคุ้ยเรื่องของบิดามารดาของเธอมาเขียนกันอย่างสนุกสนาน แม้ว่าเนื้อหาข่าวนั้นจะมีเค้าความจริงบ้าง เป็นเรื่องโกหกบ้าง แต่เธอก็คิดว่าพวกเขาควรจะให้เกียรติเธอและบิดามารดาของเธอบ้าง
พิมพ์มาดาจับมือธัญพิชชาที่กำลังสั่นเทาเพราะความโกรธเคืองมากุมไว้ ก่อนจะบีบเบาๆ เป็นการให้กำลังใจอีกฝ่าย ขณะเอ่ยปลอบ เอ่ยย้ำเตือนอีกครั้ง
“ใจเย็นๆ นะพีช อีกสิบนาที เราสองคนก็เดินทางออกนอกประเทศไทยแล้ว ต่อไปพีชก็ไม่ต้องรับรู้ข่าวคราวในวงการมายา ใครจะพูดอะไร จะใส่ไคล้มากเพียงใด พีชก็ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ต้องไปรับรู้มัน ถึงอัมสเตอร์ดัมแล้ว พีชก็ทำหน้าที่ของพีชให้ดีที่สุด ละทิ้งนิสัยการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยทิ้งไป ของแบรนด์เนมทั้งหลายที่มีราคาเหยียบหลักหมื่นหลักแสนก็อย่าไปเฉียดเข้าใกล้ อย่าไปซื้อมาใช้อีก พีชต้องพยายามเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ พอกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว พิมจะหาลู่ทางให้พีชทำธุรกิจขายของเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะเลี้ยงตัวเองได้”
ขณะพิมพ์มาดาเอ่ยปลอบ พร้อมทั้งกล่าวเตือนให้นึกถึงอนาคตในวันข้างหน้า แทนที่ธัญพิชชาจะเชื่อฟังหรือนึกคิดไปถามคำพูดของผู้เป็นผู้จัดการส่วนตัว ที่แนะนำหรือตักเตือนด้วยความหวังดี ธัญพิชชากลับทำเป็นหูทวนลม แบะปาก เบ้หน้าใส่พิมพ์มาดาโดยไม่ใส่ใจหรือคิดตามที่เอ่ยฝ่ายเอ่ยพูดออกมา
“ยี้...เป็นพ่อค้าแม่ค้า”
ธัญพิชชาร้องออกมาราวกับรังเกียจขยะแขยง ในอาชีพการงานที่พิมพ์มาดากำลังแนะนำให้ตนเองทำ ก่อนจะเอ่ยพูดดูถูกดูแคลน อาชีพที่ชาวบ้านในระดับรากหญ้าเกือบทุกครัวเรือนได้ทำอาชีพอันสุจริตอาชีพนี้
“ให้พีชไปนั่งขายของตากแดดตากลม เหงื่อแตกเหม็นคละคลุ้ง เพื่อแลกกับเศษเงินแค่ไม่กี่ร้อยกี่พันต่อวัน พีชไม่เอาด้วยหรอก กว่าจะได้เงินมากพอซื้อเครื่องสำอางสักชุด พีชคงตัวดำเมี่ยงไม่ต่างจากเงาะป่าแน่”
“ถามจริงๆ เถอะ แล้วพีชจะทำงานอะไรเลี้ยงตัวเอง”
พิมพ์มาดากระแทกเสียงถามด้วยความโมโห เมื่อธัญพิชชาแสดงท่าทีรังเกียจอาชีพอันสุจริตที่เธอเอ่ยพูดมา จากนั้นก็เหน็บแนมรวมทั้งเอ่ยพูดถึงความเป็นจริง ทำเอาอดีตนางเอกสาวอย่างธัญพิชชาต้องหน้าถอดสีเผือดลงทันทีที่ได้ยินประโยคเหล่านี้
“พีชจะดูถูกดูแคลนอาชีพพ่อค้าแม่ค้าทำไม แม้ใครๆ จะมองดูว่าเป็นอาชีพที่ต่ำต้อย แต่พวกเขาก็เป็นคนสรรหาพืชผักผลไม้ต่างๆ มาขายให้พวกเราซื้อกินประทังชีวิตไม่ใช่หรือ แล้วอีกอย่างพ่อแม่ของพิมก็เป็นพ่อค้าแม่ค้าเก่าเหมือนกัน และเพราะอาชีพแม่ค้าพ่อค้านี่แหละ ที่เลี้ยงพิมเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ถ้าพีชจะดูถูกอาชีพเหล่านี้ก็เชิญดูถูกต่อไป แต่
พิมอยากรู้ว่าพีชจะหางานอะไรทำหลังจากกลับมาถึงประเทศไทย”
แม้จะหน้าเสียเมื่อถูกเพื่อนรักเอ่ยแขวะด่าทอเสียหลายชุด แต่ธัญพิชชาก็ยังคงเชิดหน้าขึ้นไม่ต่างจากนางพญา ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งทะนงตน
“กลับมาถึงประเทศไทยแล้ว พีชก็จะเข้าวงการเป็นนางเอกชื่อดัง เป็นนางแบบเบอร์หนึ่งเหมือนเดิม”
พิมพ์มาดาหัวเราะเยาะด้วยความสมเพชกับความคิดของคนที่กลายเป็นอดีตนางเอกชื่อดังไปเสียแล้ว หญิงสาวเอ่ยบอกให้คนที่ยังหลงมัวเมาอยู่ในชื่อเสียง หลงอยู่ในความเฝ้อฝันได้ตื่นขึ้นมารับความจริงสักที
“นี่พีชคิดว่าตัวเองยังขายได้อีกหรือ นิสัยแย่ๆ ทั้งขี้วีน ทั้งเกียจคร้านไม่ยอมท่องบท ไม่ยอมฟังใคร มาทำงานก็สายเป็นชั่วโมงๆ ทำให้คนอื่นเขานั่งแกร่วรอเสียการเสียงานเป็นวันๆ แล้วแบบนี้พีชคิดว่าผู้จัดละครทั้งหลายยังต้องการ
พีชอีกหรือ และที่สำคัญนะพีช ตอนนี้ดาราเด็กใหม่ สวยๆ น่ารักๆ แถมนิสัยดีกว่าพีช ได้ผุดขึ้นในวงการยังกับดอกเห็ด
พีชคิดว่าระหว่างดาราที่เริ่มมีอายุมาก นิสัยเสียไม่มีใครเกิน กับดาราเด็กใหม่หน้าละอ่อนว่านอนสอนง่าย ไม่เรื่องมาก บรรดาผู้จัดละครทั้งหลายเขาจะเลือกใคร”
เปล่งวาจาตอกหน้าอดีตนางเอกสาวจอมทะนงตนไปแล้ว พิมพ์มาดาก็เดินหนีธัญพิชชาไปขึ้นเครื่องบิน โดยไม่ได้หันมามองหน้าของอีกฝ่ายว่าจะซีดเผือดมากสักเพียงใด
ทางด้านของธัญพิชชาถึงกับอึ้ง เมื่อถ้อยวาจาของพิมพ์มาดาไหลซึมเข้าสู่กาย ทุกถ้อยคำล้วนแต่เป็นจริงทั้งสิ้น ใครจะสนใจอดีตนางเอกที่เริ่มมีอายุมากเข้าใกล้เลขสามอย่างเธอ ใครจะมาจ้างดาราที่เรื่องมากขี้วีน นิสัยเสีย แน่นอนว่าคงไม่มีผู้จัดคนไหนจะมางอนง้อดาราที่ไร้ระเบียบวินัยอย่างเธอแน่ ท้ายที่สุดแล้วเธอก็คงไม่มีงานทำ วุฒิการศึกษาระดับอนุปริญญาได้ที่มาครอบครองด้วยความยากลำเข็ญต้องเรียนหลายปี หลายสถาบันกว่าจะคว้ามาครอบครองได้ คงไม่มีห้างร้านบริษัทไหนกล้าจ้างคนไร้ความสามารถ หยิบจับอะไรไม่เป็นเช่นเธอ สุดท้ายเธอคงต้องไปยึดอาชีพพ่อค้าแม่ค้า ที่เธอได้เอ่ยดูถูกดูแคลนออกไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา