บทที่ 7

1491 Words
มาดามเกรซมองตามหลานชายที่กำลังวิ่งปรื๋อขึ้นบันไดบ้านไปก็อย่างรวดเร็ว ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเตือนราฟาลอีกครั้ง “ราฟาล ย่าบอกว่าอย่าวิ่งขึ้นบันไดบ้าน ทำไมไม่รู้จักจำล่ะลูก” “ราฟาลไม่ตกบันไดหรอกครับแกรนม่า” ผู้เป็นหลานชายได้ตะโกนตอบกลับมาทั้งๆ ที่ยังคงวิ่งขึ้นบันไดอยู่ สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้เป็นย่ายิ่งนัก ด้วยเกรงว่าราฟาลจะผลัดตกบันไดได้ “คราวนี้ราฟาลแกล้งพี่เลี้ยงยังไงอีกครับคุณแม่” พอเจ้าแสบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอน เพื่อไปช่วยคนรับใช้ทำความสะอาดห้องของตัวเอง คีธก็เอ่ยถามมารดาถึงวีรกรรมล่าสุดของราฟาล ที่เขายังไม่ได้รับรู้จากปากของมารดา ว่าเจ้าลูกชายจอมแสบได้ทำอะไรไว้บ้าง แค่เพียงนึกถึงสภาพดูไม่จืดของพี่เลี้ยงสาวคนล่าสุด ที่เพิ่งวิ่งหนีออกไปไม่ถึงชั่วโมงดี มาดามเกรซก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความหนักใจอย่างยิ่งยวด “รายล่าสุดก็โดนเล่นงานไม่ต่างจากคนก่อนๆ หรอกคีธ หน้าตาผมเผ้า เสื้อผ้าเลอะไปด้วยข้าวต้มและน้ำส้ม ดูเหมือนว่าราฟาลจะเทใส่พี่เลี้ยงซะเกลี้ยงชาม แต่หนักสุดก็เห็นจะเป็นที่ใบหน้าของเธอนี่แหละ ที่โดนราฟาลเอาสีเมจิกมาขีดมาเขียนจนเต็มใบหน้า จนแม่นึกว่ารุ้งกินน้ำกำลังเกิดขึ้นบนในหน้าของเธอ” “เฮ้อ...ชักจะหนักเข้าทุกวันแล้วนะครับคุณแม่” คีธถอนหายใจลึก การที่ราฟาลกลายเป็นเด็กดื้อเข้าข่ายเกเร เอาแต่ใจตัวเอง เขาไม่อยากโทษว่าเป็นความผิดของราฟาล ที่ยังคงเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์ แต่เขาโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง ที่ไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนคอยดูแลลูกน้อย หน้าที่การงานความรับผิดชอบที่มีอยู่มากมายจนล้นมือ ทำให้เขาแทบไม่มีเวลาอยู่ดูแลราฟาล มาดามเกรซพยักหน้ารับเห็นด้วยกับคำพูดของผู้เป็นลูก ราฟาลชักจะดื้อเข้าไปทุกวัน แถมยังเล่นงานพี่เลี้ยงแต่ละคนจนหนีกระเจิง ซึ่งนางไม่รู้ว่าจะมีใครกล้ามาสมัครเป็นพี่เลี้ยงของราฟาลอีกหรือเปล่า ด้วยเหตุนี้จึงได้โทรทางไกลข้ามประเทศให้หลานสาวของตนเองได้พักงานชั่วคราว เพื่อมาดูแลราฟาลระหว่างที่นางยังไม่หายดี “คีธ จำพิมพ์มาดาได้ไหมลูก” มาดามเกรซเอ่ยถามลูกชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเอง ซึ่งพอได้ยินคำถามนี้ เจ้าพ่อแห่งอัลเคอร์เมสส์กรุ๊ป ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยถามมารดากลับคืนบ้าง “จำได้ครับ ทำไมหรือครับคุณแม่” “แม่จะให้น้องพิมมาดูแลราฟาล ระหว่างที่แม่ยังไม่หายดี นี่แม่ก็โทรไปบอกน้องพิมแล้ว น้องพิมรับปากว่าจะมาดูแลราฟาลให้ แต่ขอเคลียร์งานที่ประเทศไทยสักวันสองวันก่อน จึงจะเดินทางมาอัมสเตอร์ดัมได้” “อืม...ก็ดีเหมือนกันครับคุณแม่ น้องพิมเป็นเด็กน่ารัก และก็คุ้นเคยกับราฟาลเป็นอย่างดี ราฟาลเองก็รักน้องพิมด้วย น้องพิมน่าจะเอาราฟาลอยู่นะครับ” คีธภาวนาให้พิมพ์มาดาปราบราฟาลอยู่หมัด หากได้พิมพ์มาดามาคอยดูแลราฟาลระหว่างที่มารดาของเขากำลังไม่สบายอยู่ ก็พลอยทำให้เขาหายห่วงและเดินทางไปต่างประเทศได้อย่างสบายใจ พิมพ์มาดาก็มีศักดิ์เป็นน้าของราฟาล เธอย่อมดูแลลูกของเขาอย่างดีที่สุด มาดามเกรซถึงกับหูผึ่ง ตอนได้ยินลูกชายเอ่ยชมพิมพ์มาดา ลอบดีใจว่าแผนการจับคู่ระหว่างคีธกับพิมพ์มาดาอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้ จึงลองเลียบเคียงเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง “เอ่อ...แล้วคีธคิดว่าน้องพิมน่ารักไหมลูก” ดวงตาสีสนิมไหววาบรู้ทันทีว่ามารดากำลังต้องการสื่อให้เขารู้ในความหมายใด จึงเอ่ยตอบพร้อมกับดักคอมารดาไปในตัวด้วย “น้องพิมสวย น่ารัก เหมาะสำหรับเป็นศรีภรรยาของผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ซึ่งจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ผมอย่างแน่นอน คุณแม่อย่าจับคู่ผมกับน้องพิมเลยครับ ผมเห็นน้องพิมมาตั้งแต่เล็ก แม้พวกเราสองคนจะอยู่ไกลคนละซีกโลก แต่ผมก็รู้ไส้รู้พุงน้องพิมหมดทุกอย่าง ผมรักน้องพิมเหมือนน้อง ถ้าให้เลื่อนฐานะของน้องพิมไปเป็นอย่างอื่นนอกจากนี้คงไม่ได้หรอกครับ” เมื่อถูกลูกชายดักทางปิดประตูเรื่องความรักเสียสนิท มาดามเกรซก็ยิ้มเจื่อนๆ ในใจนั้นคิดว่าชาตินี้ตนเองคงตายก่อนจะได้เห็นหน้าลูกสะใภ้แน่ “แม่ขอโทษที่คิดอะไรเลอะเทอะ คีธเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ไม่ทันได้อาบน้ำอาบท่าพักผ่อนสมอง แม่ก็หาเรื่องลำบากใจให้คีธอีกแล้ว” เจ้าของนัยน์ตาสีสนิมรีบผุดลุกขึ้นไปทรุดกายลงนั่งข้างๆ ร่างของมารดา พร้อมกันนั้นก็เอื้อมฝ่ามือใหญ่ไปกุมมือนุ่มนิ่มทั้งสองของท่านไว้ ก่อนจะเอ่ยขอโทษมารดา ที่คำพูดก่อนหน้าของเขาได้ฟังดูคล้ายๆ ว่าเขากำลังตำหนิท่าน เรื่องที่คิดจะจับคู่เขากับพิมพ์มาดาให้ร่วมหอลงโรงกัน “คุณแม่ครับ อย่าโทษตัวเองสิครับ ผมไม่เคยคิดว่าความเห็นหรือความคิดของคุณแม่จะเป็นสิ่งที่เลอะเทอะ หรือไร้ประโยชน์ แต่ผมไม่อยากให้คุณแม่เสียเวลาเรื่องการจับคู่ของผมกับน้องพิม ยังไงๆ ผมก็ไม่เคยมองน้องพิมเป็นอื่นไปมากกว่าการเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน” “จ้ะคีธ ต่อไปแม่จะไม่คิดเรื่องนี้อีกแล้ว เรื่องเนื้อคู่ของลูก คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามบุพเพสันนิวาส” มาดามเกรซเอ่ยยิ้มๆ ชักจะปลงกับเรื่องนี้ซะแล้ว คีธคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับมารดา ก่อนจะยกมือท่านมาจรดริมฝีปาก ซึ่งเป็นกริยาที่ทำไปด้วยความเคารพรัก จากนั้นก็เอ่ยขอตัวกับท่าน เพื่อเป็นการเลี่ยงพูดถึงในเรื่องที่ตนเองไม่อยากพูดต่อ “ผมขอไปพักผ่อนก่อนนะครับคุณแม่ มื้อเที่ยงไม่ต้องให้เด็กไปตามผมนะครับ ผมอยากนอนพักสักงีบ เดี๋ยวมื้อค่ำผมจะลงมาทานข้าวกับคุณแม่ด้วยนะครับ” “จ้ะลูก ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะสั่งไว้ไม่ให้ใครไปรบกวน รวมทั้งราฟาลด้วย” มาดามเกรซรับคำยิ้มๆ พร้อมกับยกต้นแขนไปโอบกอดร่างสูงใหญ่ล่ำสันของบุตรชายไว้อีกครั้ง ก่อนจะปล่อยให้คีธขึ้นไปพักผ่อนตามที่เจ้าตัวต้องการ คีธยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มมารดาเรียกกำลังใจเพิ่มพลังให้กับตนเองอีกครั้ง ก่อนจะผุดลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วก้าวเท้ายาวๆ เดินขึ้นบันไดบ้านตรงไปยังห้องนอนของตนเอง และในขณะเดินผ่านห้องนอนของลูกชาย ซึ่งประตูบานใหญ่ ถูกเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นสภาพภายในห้อง ที่เรียกว่าเละเป็นโจ๊ก ก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอา และพอผู้เป็นเจ้าของห้อง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคนทำให้ห้องนอนที่ตกแต่งอย่างน่ารัก กลายเป็นสนามรบดูไม่จืดเช่นในขณะนี้ ได้เหลือบสายตาเห็นบิดาและทำท่าจะกระโจนเข้ามาสวมกอด ผู้เป็นบิดาก็ยกมือห้ามทัพไว้ พร้อมกับชี้นิ้วเข้าไปในห้องนอนที่ยังเก็บไม่เรียบร้อย ก่อนจะออกคำสั่งกับลูกชายจอมแสบด้วยน้ำเสียงเข้มๆ “ทำความสะอาดห้องจนกว่าจะเสร็จเรียบร้อยราฟาล ไม่เช่นนั้นราฟาลได้เจอไม้เรียวแน่ และคราวนี้พ่อเอาจริงด้วย" คนที่ทำท่าจะวิ่งเข้ามาสวมกอดบิดา ถึงกับชะงักกึกตีหน้ามุ่ยทำคอตก ก่อนจะหันหลังกลับเดินเข้าไปในห้องเหมือนเดิม โดยไม่ลืมพึมพำออกมาเบาๆ ให้ผู้เป็นบิดาได้ยินด้วย “ใจร้ายชะมัดเลย” “งานนี้พ่อคงต้องใจร้ายบ้างแหละราฟาล ไม่งั้นลูกจะได้ใจและเหลิงไปมากกว่านี้” คีธพึมพำอยู่คนเดียว หลังจากได้เห็นสภาพห้องนอนของราฟาลที่ไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว เห็นทีว่าเขาต้องงัดสุภาษิตที่ว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี มาใช้บ้าง ไม่เช่นนั้นแล้วพอโมโหก็ราฟาลก็อาละวาด พอไม่ได้ดั่งใจก็อาละวาด ซึ่งเขาคงปล่อยให้ราฟาลเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ และในระหว่างที่พักร้อน เขาจะอยู่ดูแลอบรมสั่งสอนราฟาลอย่างใกล้ชิด ก่อนที่ลูกของเขาจะเสียคนตั้งแต่เด็ก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD