Devil candy seika xx look-om 03
(อิอมมึงอยู่ไหน!) เสียงแสบหูดังจากมือถือเครื่องเล็กที่ฉันยกแนบหูอยู่ ฉันใช้กุญแจเปิดประตูเข้าห้องพักทันที เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วล่ะหลังจากที่ไปทำบุญกับคุณแม่ฉันตัดขาดการติดต่อจากใครอีกคนด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ฉันตัดขาดการติดต่อจากเขาแต่เขาก็ยังโทรมากระทั้งส่งข้อความมาทุกช่องทางแต่ฉันก็ยังเลือกที่จะเงียบแล้วหายมาแบบนี้ ตอนนี้ฉันอยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ใช่ฟังไม่ผิดหรอก ฉันมาที่นี่ได้สี่ห้าวันแล้วอากาศเย็นๆแบบนี้ฉันชอบ เพราะฉันจะไม่มีเหงื่อไงล่ะที่นี่เริ่มหนาวแล้วด้วยแต่มาคนเดียวแบบนี้มันก็เหงาเหมือนกันนะเอาจริงๆ คนอื่นๆเขามากันเป็นคู่มันกันเป้นกลุ่มใหญ่แต่ฉันกลับมาที่นี่คนเดียว...
“กูมาเที่ยวมึง ขอโทษที่ไม่ได้บอกพอดีรีบนิดหน่อย” ฉันปิดประตูก่อนจะวางเป้ลงบนเตียง ฉันเพิ่งออกไปทานข้าวมาน่ะ กะว่าจะกลับมานอนตอนเย็นจะออกไปเดินที่ถนนคนเดินสักหน่อยมะรืนก็จะกลับแล้วยังไม่มีของฝากให้เพื่อนเลย
(เออๆ มึงแม่งไม่บอกกูสักเรื่องนั่นแหละแล้วตอนนี้มึงสิงสถิตอยู่ไหนแล้วจะกลับเมื่อไหร่) พอสถามเสียงหงุดหงิด
“เอาน่าอย่างหงุดหงิด เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
(มึงก็บอกๆกูมาสักทีว่ามึงอยู่ไหน ก่อนที่กูจะเอาไม้ฟาดหน้าผัวมึง!)
“หือ? มึงจะฟาดหน้าใครกูยังไม่มีผัวนะ นี่กูว่าจะหาผัวเป็นพ่อเลี้ยงไร้สตรอเบอร์รี่อยู่เนี่ยหล่อสัส” ฉันบอกเพื่อนขำๆ แต่เสียงที่แทรกมาทำเอาฉันถึงกับเงียบทำอะไรไม่ถูก
**(อยากตายก็ลองดูลูกอม****!!)**
(ลูกอม ทำไมไม่รับสายพี่) เสียงเข้มของเซกะดังขึ้น ใจฉันเต้นแรงอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเขา ฉันตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบปลายสายไป
“ทำไมต้องรับล่ะ”
(ลูกอม เป็นอะไรทำไมกลายเป็นแบบนี้โกรธอะไรพี่) น้ำเสียงตัดพ้อดังมาจากปลายสายแต่ฉันไม่ได้รู้สึกสงสารหรืออะไรหรอก ฉันไม่มีสิทธิ์จะรู้สึกอะไรตั้งแต่ต้นนี่คือคำตอบที่ชัดเจนมากที่สุด
“เปล่านี้ ขอคุยกับเพื่อนหน่อยได้ไหมคะ” ฉันเริ่มใช้น้ำเสียงห่างเหินกับเขา *ลูกอมแกไม่ใช่นางเอกนิยายนำทำไมต้องทำเสียงเหมือนประชดเขาด้วยล่ะ*
(เราอยู่ไหน เดี๋ยวพี่ไปหา) ปลายสายยังไม่ลดความพยายาม
“ไม่ต้องรู้หรอก ขอคุยกับพอสหน่อยค่ะ” ฉันยังยืนยันที่จะคุยกับพอส จากนั้นพอได้ยินเสียงพอสฉันก็คุยกับเพื่อนสองสามประโยคก่อนจะวางสาย ตอนเย็นฉันก็ขับรถมาเที่ยวเองแหละอารมณ์ไหนไม่รู้อยากจะมาก็มาเลย สิบสี่เกือบสิบห้าชั่วโมงกับการขับรถมาเที่ยวที่นี่ฉันพักที่หมู่บ้านที่คล้ายๆกับหมู่บ้านคนจีนอ่ะ มันทั้งสงบและเย็นสบาย ตอนนี้ฉันเดินซื้อของอยู่ที่ถนนคนเดินได้ของฝากมาเยอะมากฉันเอาของฝากไปเก็บไว้ท้ายรถก่อนจะกลับเข้าไปเดินถ่ายรูปยามค่ำคืนของสถานที่แห่งนี้ไว้ แสงไฟสีส้มประดับตามทางเดินข้างทางมีร้านขายของหลากหลายแนวจัดตั้งเรียงอยู่
*ครืด**! ครืด! ครืด!*
แรงสั่นของมือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงสั่นอยู่เกือบสิบนาที แต่ฉันไม่มีแรงที่จะรับสายเลย มันปวดหัวและมึนไปหมด ฉันใช้แรงเฮือกสุดท้ายคว้าโทรศัพท์มากดรับสายแต่ตาก็ยังปิดอยู่
(ลูกอม! มึงกลับมาหรือยัง) พอสนั่นหละ มันถามฉันเสียงเข้มเลย วันนี้ฉันบอกมันว่าจะกลับนี่นา นี่มันยังจำได้แล้วโทรมาตามนะ
“กูเวียนหัวอยู่มึง” ฉันตอบเพื่อนเสียงอ้อแอ้ ก็เมื่อคืนฉันไปดื่มมานี่นาเลยเพลินไปนิดหน่อยตอนนี้เลยออกอาการแฮงค์
(แล้วแบบนี้มึงจะขับรถกลับได้ไงวะ! ทำอะไรทำไมไม่คิดบ้างกูห่วงมึงจะตายห่าแล้วเนี่ย) พอได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้ ความรู้สึกผิดวิ่งเข้ามาเกาะกุมที่หัวใจทันที
“กูขอโทษมึง กูมีเรื่องเครียดนิดหน่อยเลยอยากอยู่กับตัวเอง” ฉันบอกเพื่อนเสียงเศร้า รู้สึกร้อนที่ขอบตา ทำไมกันนะ ทำไมฉันต้องนึกถึงใบหน้าเขาแล้วมันถึงได้เจ็บแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นคนแรกมั้งที่เข้ามาคุยเข้ามาทักฉันเลยทำให้ฉันหวั่นไหวอยู่แบบนี้
(มึงบอกกูมาว่ามึงอยู่ไหน กูจะไปรับ) พอสถอนหายใจหน่วงๆก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเรียบ
“ไม่ต้องหรอก ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
(มึงบอกกูมาสักที กูเริ่มจะรำคาญแล้วนะ!) *รำคาญ* ฉันทำให้เพื่อนรำคาญมากขนาดนี้เลยเหรอ จากที่ขอบตาร้อนตอนนี้มันกลับไหลลงมาเพราะความรู้สึกมันแตกแล้วพังทลายลงมา มันเหมือนมีอะไรหนักขว้างมาโดนความรู้สึกฉันที่เป็นแก้ว
(คือ กูไม่ได้จะว่ามึงนะ บอกมาเถอะกูเป็นห่วงมึงจริงๆนะลูกอม)
“พอส..” เสียงฉันสั่นจนน่าใจหาย ฉันไม่แม้แต่จะยกมือเช็ดน้ำตาที่มันไหลลงมานี่เลย
(...)
“กูน่ะ ไม่อยากให้เห็นเพื่อนทุกข์หรือคิดมากกับเรื่องบ้าบอของกู กูแค่อยากอยู่ข้างๆในวันที่พวกมึงไม่สบายใจตอนที่พวกมึงมีความสุขไม่ต้องคิดถึงกูหรอกนะแต่วันที่พวกมึงทุกข์กูอยากเป็นคนแรกที่พวกมึงนึกถึง กูอยากให้พวกมึงรู้แม้ว่าวันที่พวกมึงคิดว่าไม่เหลือใครแต่พวกมึงยังมีกูที่ยังอยู่ข้างๆพวกมึง”
(ลูกอม...)
“เรื่องที่กูเจอ มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยถ้าเทียบกับเรื่องที่พวกมึงเจอ กูแค่อยากจะจัดการกับเรื่องพวกนี้เองกูไม่อยากให้พวกมึงเครียดเรื่องกู แค่พวกมึงยิ้มให้กู กูก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”
(แล้วมึงไม่คิดเหรอว่าพวกกูก็ห่วงมึงแล้วคิดแบบที่มึงคิดน่ะ มึงก็เพื่อนรักกูนะลูกอมมึงแคร์พวกกูแล้วมึงไม่คิดเหรอว่าพวกกูก็แคร์มึง)
“...” ใช่ ฉันรู้ว่าพวกมันก็รักฉันไม่ต่างจากที่ฉันรักพวกมัน
(พวกกูรู้ว่ามีบางเวลาที่มึงงอนพวกกูแต่มึงก็เงียบแล้วไม่พูดอะไร ต่างจากพวกกูที่งอนก็จะแสดงออกมาแล้วมึงก็จะเป็นฝ่ายง้อพวกกู)
“เพราะกูรักพวกมึงมากไงล่ะ กูไม่อยากให้พวกมึงเลิกคบกับกูเพราะว่ากูงี่เง่าแบบนั้น ทั้งชีวิตกูมีพวกมึงเป็นเพื่อนอยู่แค่นี้ถ้ามึงไม่ให้กูแคร์พวกมึง มึงจะให้กูไปแคร์ใคร”
(แล้วมึงไม่คิดบ้างเหรอว่าพวกกูห่วงมึงมากแค่ไหนเวลามึงเงียบแล้วหายไปแบบนี้ มีอะไรก็บอกกูสิวะจะเก็บไว้ทำไม กูเพื่อนรักมึงนะบอกกับกูสิระบายกับกูสิ) ปลายสายเสียงเริ่มสั่น ไม่ต่างจากฉันที่ตอนนี้เริ่มหายใจถี่
“อือ ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
(แล้วจะบอกได้หรือยังว่าอยู่ไหน)
“อยู่แม่ฮ่องสอน”
(รออยู่นั่นแหละ นอนพักไปเลยเดี๋ยวกูจะบินขึ้นไปขับรถให้)
ฉันหลับไปนานเท่าไร่ไม่รู้ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีตอนมีเสียงเคาะประตูห้องพักแรงๆถี่ๆ ฉันลากสังขารตัวเองออกไปที่หน้าประตูแล้วเปิดประตูออกร่างสูงที่ยืนหอบอยู่หน้าประตูทำเอาฉันแทบเข่าอ่อนล้มพับไปกับพื้น แต่เขาก็พุ่งเข้ามาพยุงฉันไว้ทัน
“มีไข้ด้วยนี่ กินยาหรือยัง” เขาถามขณะที่ดันไหล่ให้ฉันนอนบนเตียง ฉันหยิบมือถือมากดดูเวลาก็พบว่าตอนี้เกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว
“มาทำไม” ฉันถามเขาอย่างไม่เข้าใจ และที่สำคัญเขามาที่นี่ได้ยังไง
“มาหาเราไง ถ้าจะขับกลับตอนนี้คงไม่ไหวอ่ะมันจะมืดซะก่อน ค้างที่นี่สักคืนก่อนนะเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับหรือเราจะไปไหนอีกไหมเดี๋ยวพี่ขับรถให้” เขาพูดผูกขาดอยู่คนเดียว ฉันเลิกสนใจเขาก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย
“ครับแม่”
“น้องหลับอยู่ครับ ไม่สบายมีไข้ด้วย”
“ผมออกจากที่นู่นสิบเอ็ดโมงครับถึงนี่ก็บ่ายสามกว่าๆ”
“น้องงอนอะไรไม่รู้ครับ ครับแม่นี่ผมลูกแม่นะเข้าข้างกันบ้างสิ”
“เอ่อ แม่ครับแค่นี้ก่อนนะครับน้องเหมือนจะตื่นแล้ว”
“เป็นไงบ้าง ปวดหัวไหม”
เสียงกระซิบนุ่มเอ่ยถามฉัน ฉันไม่ตอบแต่ตะแคงตัวไปอีกด้านมือก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆกาย เขาแทรกกายเข้ามาอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับฉัน
“โกรธพี่เรื่องอะไรบอกได้ไหม” เสียงขยับตัวจากข้างหลังฉันไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาทำลังจะทำอะไรแต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อฝ่ามือเย็นลูบที่หน้าท้องฉันก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอด
“พี่ไม่รู้จริงๆว่าทำอะไรให้เราโกรธ” เขากระซิบของเสียงแผ่ว
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันบ้าเองแหละ”
“ไม่เอาแบบนี้สิ โกรธอะไรบอกพี่มาเลย ขอร้องอย่าเก็บอะไรไว้คนเดียว”
“...” ฉันเม้นปากแน่นเพราะรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์จะถามเขา
“เออใช่ วันนั้นน่ะพี่ออกไปหาเพื่อนแล้วไม่ได้กลับไปนอนด้วย ขอโทษนะ” จู่ๆเขาก็วกเข้าเรื่องวันนั้นจนได้
“เพื่อนพี่เขามาขอปรึกษาเลยดื่มไปเยอะพอจะกลับก็โดนรั้งไว้อ่ะ” โดนรั้งหรือยอมอยู่กับเขาเอง
“ตอนเช้าพี่โทรหาเราแต่เราไม่ยอมรับสายเลย ไหนจะหนีมาแบบนี้อีกถ้าโกรธเรื่องวันนั้นพี่ขอโทษนะคะ พี่สัญญาว่ามันจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีก หายโกรธพี่นะ”
เขาพรมจูบตามใบหน้า แต่ฉันนอนนิ่งไม่พูดไม่คุยไม่เบี่ยงตัวหลบจนคนที่กำลังแก้ตัวหยุดชะงักไปเอง เขาดึงฉันเข้าไปกอดแน่นกว่าเดิมแต่ฉันก็ยังคงนิ่ง ฉันคว้ามือถือขึ้นมาดูเมื่อมันสั่นเตือนว่ามีข้อความเข้าฉันปลดลอกหน้าจอก่อนจะเข้าแอปเพื่ออ่านข้อความ และภาพที่แสดงอยู่หน้าจอทำให้ฉันรู้สึกหน่วงที่ใจอีกครั้ง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคนที่ส่งมาต้องการอะไรแต่ที่แน่ๆฉันไม่รู้จักหล่อน
“เป็นอะไรหรือเปล่า เฮ้ย! ลูกอมฟังพี่ก่อนนะ”
หึ นี่เขาไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ก็คนในรูปมันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่ามีความสุขมากขนาดไหน แล้วทำไมพอเจ้าตัวมาเห็นตอนที่มันอยู่ในมือถือฉันถึงได้ทำหน้าตกใจแบบนั้นล่ะ อยากรู้ไหมว่ามันเป็นรูปอะไร จะบอกให้นะ...
“ลูกอมฟังพี่ก่อนนะ เรื่องพี่พี่อธิบายได้จริงๆ”
“หือ? อธิบายอะไรแล้วทำไมต้องอธิบาย” ฉันย้อนถามเขาแต่ไม่ยอมมองหน้าเขาเลยสักนิด ฉันผลักแขนเขาออกก่อนจะขยับตัวลงจากเตียงเพื่อจะเดินเข้าห้องน้ำ
“วันนั้นพี่ออกไปหาเพื่อน หล่อนบอกว่าเลิกกับแฟนแล้วให้พี่ไปดื่มเป็นเพื่อน ลูกอมพี่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่พี่เมามากจริงๆ พอพี่ตื่นพี่ก็อยู่ในสภาพนั้นแล้ว ลูกอม ลูกอมฟังพี่ก่อน”
คนที่ลุกลี้ลุกลนลงจากเตียงวิ่งถลาเข้ามาทางฉันแต่ฉันปิดประตูห้องน้ำแล้วล็อคทันที แข้งขาอ่อนแรงทรุดนั่งอยู่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาจะไปทำอะไรกับใครก็มีมีความจำเป็นที่จะต้องถ่ายแล้วส่งมาให้ฉันดูเพราะฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน! ถึงแม้ฉันจะหวั่นไหวกับเขาแต่ฉันไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออกนะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นมากกว่าเพื่อนเขา ฉันรู้ว่าฉันมันบ้าที่ไปหวั่นไหวกับเขาทั้งที่เจอกันไม่ถึงสองวันด้วยซ้ำจะด่าว่าใจง่ายก็ได้ ด่ามาเลยเถอะเพราะฉันมันเป็นแบบนั้นจริงๆ
“ลูกอม ออกมาคุยกันก่อนได้ไหม ลูกอม”
“จะอาบน้ำ”
“งั้นเหรอ รีบอาบนะพี่จะรอข้างนอก”
ฉันนั่งอยู่ในห้องน้ำนานเกือบสิบห้านาที ไม่รู้จะมองหน้าเขายังไงยิ้มให้เขาแบบไหนหรือคุยยังไงฉันไม่รู้จริงๆ ใจมันคอยแต่จะสั่นไหวกับเขา
“ลูกอม เป็นอะไรหรือเปล่าอาบน้ำนานแล้วนะ”
กระทั่งได้ยินเสียงเขาอีกนั่นแหละเลยลุกไปอาบน้ำ พออกมาเอาเสื้อผ้าที่ตู้ฉันก็กลับเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำอีกครั้ง พอออกมาเซกะก็เข้ามาประคองฉันไปนั่งที่เตียงก่อนที่เขาจะลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าฉัน มือใหญ่จับประคองมือฉันไว้แน่น
“คืนนั้นน่ะ พี่ออกไปเพราะผู้หญิงคนนั้นก็จริงหล่อนบอกว่าเลิกกับแฟนแล้วเพิ่งบินมาถึงเลยให้เพื่อนออกไปนั่งเป็นเพื่อน” เขาเริ่มต้นพูดเสียงกังวล มือที่จับมือฉันอยู่บีบแน่น แต่ฉันก็ยังเงียบเพราะไม่อยากจะคิดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
“พี่ดื่มไปแค่แก้วเดียวนะลูกอม พอรู้ตัวอีกทีพี่ก็อยู่กับผู้หญิงคนนั้นแล้วกสภาพเอ่อ แบบที่เราเห็นนั่นแหละ พี่ไม่รู้ตัวหรือรู้สึกอะไรเลยนะลูกอม”
“...”
“ขอร้องล่ะอย่าเงียบแล้วหายมาแบบนี้ได้ไหม พี่ขอโทษลูกอม”
“ขอโทษทำไมคะ เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันนะ”
“ไม่พูดแบบนี้สิลูกอม พี่รู้ว่าเราโกรธแต่อย่าบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” คนตรงหน้าส่ายหน้าอย่างหมดหวัง เขาซบหน้าลงกับมือที่จับมือฉันอยู่ ฉันเบือนหน้าหนีกลัวว่าจะร้องไห้ออกมาให้เขาเห็น
“ที่บอกไปน่ะเรื่องจริง พี่ให้เลขาจัดการสืบอยู่ว่าเรื่องมันเป็นยังไง พี่จะไม่ยอมให้เราทิ้งไปไปเด็ดขาด”
เขาพูดน้ำเสียงจริงจังแต่ฉันก็ยังเงียบไม่ตอบอะไรเขาไป เรานั่งกุมมือกันอยู่แบบนั้นกระทั่งโทรศัพท์เซกะมือสายเข้า เขาลุกขึ้นไปหยิบมือถือที่หัวเตียงแล้วกลับมานั่งตงข้ามฉันตามเดิม
“ครับแม่”
“ใครครับ” คนตรงหน้าถามปลายสายเสียงเข้ม เขาสบตาฉันอยู่แบบนั้นมืออีกข้างก็ปล่อยจาการกุมมือแล้วยกขึ้นมาลูบใบหน้าฉันเบาๆสัมผัสที่เขามอบให้มันน่าน่าสงสารสำหรับผู้หญิงอย่างฉัน มันเหมือนเขากำลังปลอบลูกแกะที่กำลังตื่นกลัวหมาป่าและเขาก็เป็นหมาป่าที่เข้ามาปลอบโยนลูกแกะอย่างฉันก่อนจะฆ่าให้ตายด้วยคำพูดหวานๆ
“บอกหล่อนไปว่าผมอยู่กับเมีย”
“ผมไม่รู้จริงๆครับแม่ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ตอนนี้ผมให้คนสืบอยู่แต่แม่ไม่ต้องบอกใครนะครับ”
“ครับ ได้ครับลูกอมแม่จะคุยด้วยค่ะ” คราวนี้เขาบอกฉันเสียงหวาน มือก็ยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าฉัน พอรับมาฉันก็กล่าวทักทายปลายสายไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
“สวัสดีค่ะแม่”
(หนูเป็นยังไงบ้างลูก ไข้ลดหรือยังพี่เขาดูแลดีหรือเปล่า) ท่านรัวคำถามมา แต่ฉันก็เลือกที่จะตอบบางคำถามเท่านั้น
“ไข้ลดแล้วค่ะ”
(หนูเชื่อใจพี่นะลูก พี่รู้จักนิสัยผู้หญิงคนนั้นดีเอาเป็นว่าอย่าเพิ่งคิดอะไรมากแม่เชื่อว่าพี่เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นแน่นอน)
“ค่ะ”
(หนูนอนพักนะลูก อ้อบอกพี่ด้วยนะคะคนสวยว่าแม่อยากกินแคปหมูซื้อมาฝากแม่ด้วย)
“ได้ค่ะ สวัสดีค่ะแม่”
(จ้า)
พอท่านวางสายฉันก็มือโทรศัพท์คืนให้เซกะ เขายิ้มให้ฉันก่อนจะรับของที่ยื่นไปให้
“แม่บอกอยากกินแคปหมู”
“อืม งั้นเราออกไปซื้อตอนนี้ไหม พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว”
“อือ”
“ขอบคุณครับ”
เขาโน้มเข้ามาจูบที่หน้าผากฉันเบาๆก่อนจะลุกยืนแล้วดึงมือฉันลุกตาม ฉันเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายหลังที่มีกระเป๋าสตางค์ไอแพดไอพอดพาวเวอร์แบงค์ ก็เอามาสำรองเผื่อๆไว้นั่นแหละ เซกะยื่นมือถือเขามาให้ฉันก่อนจะหันไปหยิบมือถือฉันมายื่นให้อีกเครื่อง ฉันรับมือถือมาก่อนจะเก็บไว้ในกระเป๋าสะพาย มือก็คว้ากล้องถ่ายรูปมาแควนคอ เอ่อ ได้ข่าวไปซื้อแคปหมูทำไมฉันถึงได้ขนอะไรไปเยอะแยะแบบนี้ล่ะ
“เอากระเป๋ามานี่มา เดี๋ยวพี่สะพายให้” ระหว่างเดินออกจากห้องพักเขาก็ดึงกระเป๋าฉันไปเบาๆ ฉันค่อยๆปลดประเป๋าออกก่อนจะเปิดเอามือถือตัวเองออกมาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ฉันเอาแว่นสายตาออกมาใส่เพราะเวลากลางคืนแบบนี้ฉันมองไม่ค่อยเห็น
“อยากไปไหนไหมเดี๋ยวพี่พาไป”
“ไม่” *ฉันไปมาหมดแล้ว*
“เดี๋ยวเราออกไปทานข้าวด้วยนะ เรายังไม่ทานอะไรใช่ไหมล่ะ”
“...”
ฉันเงียบไม่ตอบอะไรเขาไป พอขึ้นรถมาได้สักพักเพื่อนฉันก็โทรมาพอสบอกว่าช่วงนี้ฝ้ายมันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ทำเอาฉันร้อนใจอยากจะกลับไปเดี๋ยวนี้เลย ฉันล่ะเกลียดผู้ชายคนนั้นจริงๆ อย่าให้ได้เจอนะฉันจะตบให้ลืมทางกลับบ้านเลย
“ลูกอมรับโทรศัพท์ให้พี่หน่อย” ฉันไม่ตอบแต่หยิบมือถือเขาออกมา แต่รูปที่โชว์อยู่หน้าจอทำให้ฉันชะงักค้างไปทันที
“รู้จักผู้ชายคนนี้เหรอ?” ฉันหันหน้าจอมมือถือของเขาไปให้เขาดู เขาพยักหน้าก่อนจะหันกลับไปดูทางต่อ
“เพื่อนพี่เองแหละ เพื่อนสนิทในกลุ่มด้วย มีกันอยู่สามคน”
“งั้นเหรอ”ฉันพึมพำกลับไป
“รับให้พี่หน่อย”
“ค่ะ” ฉันกดรับสายแล้วกรอกเสียงนิ่งๆลงไป
(เอ่อ เซกะอยู่ไหมครับ) ปลายสายถามกลับเสียงตกใจ แต่ฉันอยากจะด่าเขาจริงๆที่ทำแบบนั้นกับเพื่อนฉัน
“อยู่ค่ะ แต่ไม่ว่างรับ” ฉันตอบเขาน้ำเสียงติดไปทางหงุดหงิด
(เอ่อ ถ้ามันว่างบอกมันโทรกลับหน่อยนะครับ แล้วคุณชื่อ...)
“ไม่ต้องรู้จักฉันหรอก เพราะฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้จักคนเท่าไหร่”
พูดกระแทกเสียงใส่เขาก่อนจะกดวางสายทันทีด้วยความหงุดหงิดเซกะมองมาอย่างงงๆ แต่พอเห็นหน้าเขาฉันก็ยิ่งหงุดหงิด โอ๊ย เมนส์จะมาหรือไงวะเนี่ยทำไมอารมณ์แปรปรวนมากขนาดนี้
“เป็นอะไรไปลูกอม แล้วพีมันว่าไง”
“เขาบอกให้นายโทรกลับ”
“แล้วเราไปโกรธอะไรมัน รู้จักมันเหรอ” เซกะถามอย่างใจเย็น
“รู้มั้ง แต่ก็ไม่อยากจะรู้จักคนแบบนั้นหรอกพอเถอะอย่าไปพูดถึงเขาให้อารมณ์เสียไปกว่านี้เลย”
“โอเคๆ ว่าแต่มันไปทางไหนอ่ะ”
โอ๊ย! ใครก็ได้เอาผู้ชายคนนี้ไปเก็บทีไม่ไหวจะเคลียแล้ว เขาพามาที่ถนนคนเดินอีกครั้งได้ข่าวเมื่อคืนฉันก็มานะ แต่เอาเถอะมีอะไรให้ฉันกินก็พอแล้วล่ะ ระหว่างที่ลงจากรถเซกะก็เดินอ้อมมาฝั่งฉันแล้วเปิดประตูให้ เขาคว้ามือฉันไปจับไว้แน่น
“เอากล้องมานี่เดี๋ยวพี่ถ่ายรูปให้”
“ไม่เป็นไร” เชื่อสิว่าเขาได้ยินแต่ก็ยังหน้ามึนยื่นมือข้างที่ว่างมาดึงกล้องออกจากคอฉัน เขาสะพายกล้องที่คอก่อนจะยกขึ้นถ่ายรูปฉันและที่สำคัญมือเรายังจับกันอยู่ คนรอบๆข้างเริ่มมองมาที่เราแต่เราก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่หรอกยิ่งคนที่กำลังสนุกกับการถ่ายรูปนะไม่ต้องพูดถึงถ่ายจนรูปฉันจะเต็มเมมอยู่แล้ว
“ถ่ายไหมเดี๋ยวถ่ายให้”
“อยากถ่ายคู่กัน” เขาบอกเสียงอ้อนๆ
“เอาสิ ถ่ายคู่ก็ได้”
ฉันพยักหน้าบอก เขายิ้มกว้างเลยล่ะ เขาใช้มือถือเขาถ่ายรูปคู่หน้าสวยหน้าหล่อหน้าฮาหน้าเหวี่ยงมีหมด ตอนนี้เราแวะนั่งทีร้านอาหารระหว่างรอข้าวเซกะก็เอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปต่อ
“ร้อนไหม?” คนที่ย้ายมานั่งเพื่อที่จะถ่ายรูปถามฉันอย่างกังวล
“นิดหน่อยน่ะ ไม่เป็นไรหรอก” ฉันตอบเขาเสียงเบาก่อนจะยกมือถือขึ้นมาเมื่อมันแจ้งเตือนอะไรสักอย่าง พอกดเข้าไปดูก็แอบใจเต้นแรงหน้าร้อนวูบวาบ
Yamakashi Seika with Look-Om NV
Just now
งอนก็ง้อ...
#girlfriend #Sei_Om #mylove #ทริปแม่งฮ่องสอน
Like Comment Share
เซกะแท็กรูปภาพที่เราถ่ายรูปกันไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นรูปฉันเพราะมันเป็นรูปที่ฉันเดินอยู่ข้างๆหน้าแต่มือยังจับอยู่กับมือเขา เขาถ่ายให้เห็นมือที่เรากำลังจับกันอยู่แล้วก็เห็นเพียงแผ่นหลังและเสี้ยวหน้าฉัน รูปไปเท่าแคปชันที่เขาใส่แคปชันที่ว่าหนักแล้วไปดูแฮทแท็กค่ะ girlfriend นั่นมันคืออะไร ฉันไปเป็นแฟนนายตอนไปฮะเซกะ!!
PP Perawat:: ออกสื่อนะมึงทุกวันนี้
หม่ามี้น้องลูกหวาด:: โอ๊ยๆๆ ลูกชั้นเปิดตัวแฟนแล้ว
น้องดาว พเนจร :: กรี๊ด สามีในมโนช้านนน
Ww_wW :: เม้นบนเก็บอาการณ์ค่ะ นั่นสามีเจ๊
น้องนาง พลูโต :: แม่ขา สามีพวกเราเขาเปิดตัวแฟน @SK Seika fanpage
SK Seika fanpage :: ก็คนที่พวกหล่อนรุมไปถ่ายรูปเขาที่หน้าคอนโดไงย๊ะลูกๆ
Nongning nn :: เค้าเคยเจอผู้หญิงคนนี้ข้างนอกด้วยนะ น่ารักมากไม่หยิ่งไม่เหวี่ยงด้วย
SK Seika fanpage :: ใช่ค่ะคุณลูก ลูกสาวน่ารักไม่หยิ่งด้วย คนนี้องค์แม่โอเคเลยซับพอร์สเต็มที่
Teranat WW :: ผู้หญิงคนแรกที่มึงอัปรูปลงเฟซ??
เท่าที่อ่านๆดูเหมือนเซกะจะมีกลุ่มแฟนคลับด้วยนะ ฉันเลื่อนอ่านเม้นไปเรื่อยๆก็เจอเม้นที่เขาตอบเพื่อนๆ แต่ทำไมคำตอบมันอ่านแล้วแปลกๆล่ะ
Yamakashi Seika :: @PP Perawat ก็แฟนกูอ่ะ
Yamakashi Seika ::@Teranat WW ใช่คนแรก
Teranat WW:: สาสสสส เปิดตัวแรง
PP Perawat :: จริง กูยอม @Teranat WW อย่าลืมของฝากพวกกู
“กดหัวใจให้พี่สิ”
“หือ? ว่าไงนะ” ฉันเงยหน้าจากหน้าจอมือถือเมื่อได้ยินคนข้างๆพูดอะไรสักอย่างแต่ได้ยินไม่ชัด
“ใจอ่ะ อยากได้ใจ” เขาบอกเสียงอ้อน ฉันส่ายหน้าให้กับเขาแต่ก็ยอมกดหัวใจให้เขา
“เม้นด้วยสิ อยากให้เม้น” ยัง ยังอยากจะให้เม้นอีก
“เม้นว่า...” ฉันทวนถามแต่มือก็พิมพ์สิ่งที่จะเม้นเรียบร้อย
“อืม บอกว่ารักพี่มาก” ไอ้บ้านี่!
Look-Om NV ::comment comment ^^
“หึหึ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากคนข้างๆแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรแต่มือถือฉันก็สั่นอีกครั้ง ฉันเลื่อนหน้าจอดูก่อนจะร้อนวาบไปทั่วหน้า เมื่อคนข้างๆเม้นตอบกลับมา
Yamakashi Seika :: love u
ฉันเก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วไม่คิดจะหยิบออกมาเล่นอีกเลย กระทั่งทานอาหารเสร็จฉันเซกะวางแขนพาดต้นขาฉันแล้วใช้มือข้าวหนึ่งทานอาหาร พอยกแขนที่เขาพาดต้นขาฉันอยู่ออกเขาก็ตีหน้าดุใส่แถมยังทำท่างอนๆฉันอีก นี่ตกลงเขามาง้อหรือมางอนกันแน่
แล้วเขาจะมาง้อฉันทำไม ยิ่งคิดยิ่งสับสน พอๆอย่าไปคิดอะไรมากเลยปวดหัวเปล่าๆ