ชุลมุนรักนายขนมหวาน 1
Devil candy seika xx look-om 01
“คุณครับ!! ช่วยบอกผู้หญิงคนนั้นหน่อยสิครับว่าผมชอบเธอและกำลังจีบเธออยู่!”
ใบหน้าหล่อของชายหนุ่มโน้มลงมาใกล้หญิงสาว ริมฝีปากเล็กเผยอเล็กน้อยพร้อมตอบรับสัมผัสที่กำลังจะได้แต่รับ ฝ่ามือร้อนลูบไล้ร่างบางอย่างแผ่วเบาชวนหลงใหล ร่างสูงเอื้อนเอ่ยถ้อยคำหวานที่มีเพียงหญิงสาวที่ได้รับ...
“ผมรักคะ...”
“ลูกอม!!”
โอ๊ย! หมดกัน ฮื่อ อุตส่าห์บิ๊วตั้งนาน ฉันจะปิดต้นฉบับนะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้เหลือแค่ไม่กี่หมดเอง ว่าแต่ใครเรียกฉันเนี่ย ฉันเงยหน้ามองซ้ายขวาหาต้นเสียงที่เรียกฉัน
“มาทำไมตอนนี้!”
ฉันว่าใส่เพื่อนทั้งสองที่เดินเข้ามานั่งใกล้ๆ พวกมันสองคนก็อย่างนี้แหละชอบแกล้งฉัน ยิ่งรู้ว่างานฉันรีบก็ชอบแกล้งฉันทุกวันนี้ยังสงสัยอยู่เลยว่าเป็นเพื่อนพวกมันได้ยังไงกัน
“จะชวนไปเที่ยว” *ปุยฝ้าย(นางเอก**Devil monster)* บอกมันยิ้มให้ฉันอย่างสนุก แม้รอยยิ้มที่ติดที่ริมฝีปากสวยนั่นแต่แววตาเพื่อนฉันมันไม่ได้ยิ้มตามปากเลย
“เออๆได้ พอส!มึงอย่าจับงานกู” เอ่อ จะว่ายังไงดีล่ะฉันเป็นคนหยาบคายมากคนหนึ่งเลยนะ อ๊ะๆ อย่าเพิ่งต่อว่าฉันล่ะ ที่ว่าหยาบคายคือเฉพาะกับพวกมันสองคนนี่แหละคนอื่นฉันก็พูดปกติ
“หวงๆ มีหวง รีบไปอาบน้ำเลยมึง” พอก้มมองตัวเองก็ต้องรีบไปอาบน้ำตามที่เพื่อนบอก อย่างที่บอกไปนั่นแหละช่วงนี้เร่งปิดต้นฉบับเลยไม่ได้ได้ดูแลตัวเอง จะว่าไปก็พูดพร่ำทำเพลงมาซะนานยังไม่แนะนำตัวเลย ฉันน่ะชื่อลูกอม แค่นี้แหละชื่อลูกอม ก็ไม่รู้จะแนะนำตัวอะไรยังไงเอาเป็นว่าฉันทำงานเป็นนักเขียนที่สำนักพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง สถานะยังโสดเพราะผู้ชายส่วนมากบอกว่าฉันหยิ่งบ้างล่ะ ติสบ้างล่ะ ไม่สนใจโลกบ้างล่ะ ชิ ไม่ชอบก็ไม่ชอบสิไม่ง้อหรอก อีกอย่างเวลาที่ไม่มีคนมาจีบฉันก็มักจะหลอกตัวเองเสมอว่าฉันน่ะสวยเกินไปผู้ชายเลยไม่เข้ามาจีบ
ฮ่าๆๆๆ เอาเถอะๆ ถ้าถึงเวลาเดี๋ยวก็มาเองนั่นแหละผู้ชายน่ะ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับแต่งตัวจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน ที่นี่คอนโดฉันเองแหละฉันอยู่ที่นี่คนเดียวส่วนแม่ฉันดูแลธุรกิจรีสอร์ทที่พัทยา ส่วนบ้านที่อยู่ในกรุงเทพฉันไม่เข้าไปตั้งแต่พ่อพาเมียน้อยเข้ามาอยู่ด้วยนั่นแหละ ราวๆห้าหกปีเห็นจะได้ฉันกับแม่ออกจากบ้านหลังนั้นพร้อมกัน ตอนนี้ฉันยังใช้นามสกุลพ่ออยู่ แต่อีกไม่นานหรอกที่ฉันจะเปลี่ยนเป็นนามสกุลของแม่
พ่อฉันน่ะทำงานในบริษัทนำเข้ารถยนต์ชื่อดังของประเทศเลยล่ะ เขาเป็นหัวหน้าแผนกการตลาดแล้วไงล่ะ ก็เล่นชู้กับเลขาตัวเองจนผู้หญิงคนนั้นท้อง พ่อบอกฉันกับแม่ตรงๆแล้วก็ได้รับการตอบรับแบบตรงๆนั่นคือฉันกับแม่ย้ายออกจากที่บ้าน มีบางครั้งนะที่เขาชวนฉันไปทานข้าวไปค้างที่บ้านแต่ฉันก็ไม่ได้ไปหรอก เอาตรงๆนะไม่มีใครทำใจยอมรับได้หรอกยิ่งรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคบพ่อเพราะเงินพอเตือนพ่อก็ไม่ฟังฉันคร้านที่จะบอกที่จะเตือน คุณคิดเหรอว่าผู้หญิงที่อายุเยอะมากกว่าฉันสามปีจะรักผู้ชายแก่คราวพ่อ หึ เอาเถอะอย่าไปพูดถึงเรื่องนี้เลย
“กว่าจะออกมาได้” ฉันก้าวพ้นออกจากห้องนอน พอสก็ส่งเสียงยียวนมาให้ มันก็ชอบจิกกัดฉันแบบนี้แหละ
“พูดมาก ไปสิอยากหาอะไรกระแทกท้องแล้ว”
“จัดไปชุดใหญ่ไฟกระพริบ”
“ฝ้าย! ฉันไปเข้าห้องน้ำนะ” ฉันเอียงหน้าไปกระซิบข้างหูเพื่อนเบาๆ ฉันพยักหน้าก่อนจะยกแก้วหล้าที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นดื่ม ฉันเดินเซๆไปตามทางเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำตอนนี้เกือบๆตีหนึ่งแล้วล่ะเรารอแฟนพอสมารับน่ะ ก็เมาเละกันทั้งสามคนจะให้กลับยังไงกันไหว
“โอ๊ะ! ขอโทษค่ะๆ”
ระหว่างที่เดินกลับออกจากห้องน้ำฉันเผลอเดินชนกับใครสักคนเลยรีบกล่าวขอโทษไปกลัวจะมีเรื่องมีปัญหากัน
**“ครับ ไม่เป็นไร”**
เสียงนุ่มเอ่ยบอก ฉันเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่งก่อนที่จะไม่สนใจอีก ฉันโค้งตัวเขาทีหนึ่งก่อนจะรีบเดินกลับโต๊ะ ช่วงนี้ก็มีเรื่องเครียดๆเข้ามาเยอะจนฉันไม่รู้จะจัดการยังไง ฝ้ายก็เครียดเรื่องไอ้ผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนั้น
“อม มึงว่ากูควรหยุดไหมวะ” เสียงอ้อแอ้ของปุยฝ้ายดังขึ้น ร่างของยัยนั่นโอนเอนพร้อมจะตกลงจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่
“กูตัดสินใจแทนมึงไม่ได้นะ ถ้ามึงเหนื่อยมึงก็หยุดถ้ามึงยังคิดว่าเขาจะหันกลับมามองมึง...”
“...”
“มึงก็ทำตามหัวใจ”
“ขอโทษนะครับขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น ฉันกับเพื่อนอีกสองคนเลยหันกลับไปมองคนที่ถือวิสาสะนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเรา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” พอสถามเสียงเข้ม สายตาที่มองผู้ชายตรงหน้ามันบ่งบอกได้ว่า *กูอยากได้*
แต่ทำไมพอฉันมองผู้ชายคนนี้ถึงรู้สึกไม่น่าไว้ใจเลยล่ะ ฉันมองคนตรงหน้าอย่างประเมินแต่แค่ดูก็รู้แล้วว่ามาเพื่ออะไร
“ไม่ทราบว่าคุณมีแฟนหรือยังครับ” คนตรงหน้าพุ่งคำถามมาที่ฉัน แววตาที่เขามองมามันเหมือนเสือที่กำลังจะล่าเหยื่อ หึ บอกเลยฉันไม่หลงกลหรอกนะ
“มีลูกมีสามีแล้วค่ะ” ฉันตอบกลับไปเสียงนิ่ง คนตรงหน้าทำหน้าผิดหวังก่อนจะแสะยิ้มชั่วออกมา ฉันขยับตัวถอยห่างเมื่อเขายื่นมือมาลูบที่หลังมือฉันเบาๆ พอดึงมือออกมาได้เขาก็เปลี่ยนเป็นขยับเข้ามานั่งเบียดๆ ด้วยความที่รังเกียจผู้ชายประเภทนี้ทำให้ฉันขยับถอยห่างจนแทบจะตกเก้าอี้
“ไม่อยากลองอะไรสนุกๆเหรอคนสวย”
“กลับไปซะ!” ฉันตวาดเสียงใส่คนตรงหน้า มันฟังดูไม่ดังเท่าไหร่เมื่อเทียบกับเสียงเพลงที่เปิดดังลั่นผับ
“ไปด้วยกันหน่อยเป็นไง”
“นี่นาย!!” ฉันชี้หน้าคนตรงหน้าอย่างโมโห แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดหรือด่าคนตรงหน้าไปก็มีมือใครสักคนรวบเข้าที่มือข้างที่ฉันยกชีเขาผู้ชายคนนั้นผู้ชายใบหน้าหวานๆ กำลังมองฉันแล้วยิ้มให้และที่สำคัญเขาเป็นคนเดียวกับคนที่ฉันเดินชนตอนออกจากห้องน้ำ แต่ตอนนี้ใบหน้าขาวใสของเขาทำให้ฉันตาพร่ามัวไปหมด ไม่ๆที่ตาพร่ามัวเป็นเพราะฉันเมาไม่ใช่รอยยิ้มของเขา
**“สามีมาช้าเกินไปหรือเปล่าครับภรรยา”**
“หือ?” ฉันครางในคอถามคนที่มาใหม่เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดไม่ชัด เขายิ้มให้ฉันก่อนจะโน้มหน้ามาลงกระซิบข้างหู ถ้ามองเผินๆมันก็คงเหมือนเขากำลังจูบฉันอยู่
“เงียบๆ ตามน้ำไปก่อน”
“ว่าแต่คุณเป็นใครครับ” คนที่มาใหม่ที่ฉันไม่รู้จักถามใครอีกคน มือใหญ่ของเขาโอบที่ไหล่ฉันไว้หลวมๆ
“เอ่อ...”
“ได้ยินว่าชวนภรรยาผมไปไหนนะ?”
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันครับ”
ผู้ชายคนนั้นลนลานบอกก่อนจะรีบลุกออกจากโต๊ะไปด้วยท่าทีรีบร้อน บทจะไปก็ไปง่ายๆนะ
“ขอโทษนะครับ คือรู้จักกันเหรอ” พอสถามเสียงสงสัย ฉันเลยรู้ตัวก่อนจะผลักแขนคนที่โอบไหล่อยู่ออก เขายิ้มแพรวพราวมาให้ก่อนจะย้ายมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆฉัน
“ไม่รู้จัก” ฉันตอบพอสก่อนจะหันไปมองฝ้ายที่ทำท่าจะฟุบลงกับโต๊ะ พอสเดินเข้ามายืนใกล้ๆฝ้ายก่อนจะประคองร่างคนที่เมาพิงร่างมันไว้
“อ้าว แล้วทำไมเขาช่วยมึงล่ะ”
“แบบนั้นเค้าเรียกว่าช่วยเหรอ” ฉันทวนถามเพื่อน ด้วยความที่มึนหัวอย่างหนักทำให้ตอนนี้ฉันเริ่มจะทรงตัวไม่อยู่แล้วเหมือนกัน เมื่อไหร่แฟนพอสจะมานะ
“นี่ๆ หันมาคุยกันหน่อย” แรงสะกิดที่ไหล่ทำให้ฉันหันกลับไปมอง เขายังยิ้มอยู่ ใบหน้าหวานพอคลียิ้มแบบนี้ก็ทำเอาใจฉันสั่นไหวได้อย่างง่าย ไม่ๆ หยุดคิดฟุ้งซ่านได้แล้วลูกอม อย่าไปใจเต้นแรงสิ
“เมื่อกี้ฉันช่วยเธอใช่ไหมล่ะ” คนตรงหน้าถาม ฉันเลยพยักหน้าให้ เอ่อ ก็ไม่มั่นใจมากนักหรอกว่าเขาช่วยจริงๆหรือเปล่า
“งั้นถึงเวลาที่เธอจะช่วยฉันแล้วล่ะ”
“หือ?”
**“เซกะ****!!”**
ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องเสียงดัง แต่ไม่รู้ว่าเธอกำลังเรียกใครอยู่กันแน่ คนตรงหน้าขยับเข้ามานั่งเบียดๆฉัน ถ้าจะนั่งเบียดขนาดนี้สิงร่างฉันเลยไหมล่ะ!
“พี่เซกะ อยู่นี่ๆเองน้องเดินหาตั้งนาน” เสียงหวานๆของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆเรา แต่ฉันมองไม่ชัดเท่าไหร่อาจจะเพราะสายตาสั้นรวมทั้งมองไม่ค่อยชัดเวลากลางคืน แถมยังอยู่ในที่แบบนี้การมองเห็นของฉันมันก็แทบจะติดลบด้วยซ้ำ
“มีอะไรหรือเปล่า พี่ง้อแฟนอยู่น่ะ” คนตรงหน้าฉันเอ่ยตอบเจ้าของเสียงหวาน พอได้ยินแบบนั้นก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่านี่ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนเขาและเขากำลังง้อแฟนเขาอยู่ แต่ถ้าจะง้อกันก็ไปง้อที่อื่นสิทำไมต้องมานั่งที่โต๊ะฉันด้วย มันอึดอัดรู้ไหมคะคุณ
“แฟน?”
“อย่ามาหลอกกันซะให้ยาก พี่ไม่มีแฟน”
“พี่มีแฟนแล้ว”
“ไม่จริง! พี่อาจจะแค่เล่นๆกับเธอฟรีเซ็กใช่ไหมล่ะ”
“โอ๊ย!! คุณคะ ถ้าจะทะเลาะกันช่วยไปที่อื่นได้ไหม”
ฉันตะโกนออกมาเสียงดังและเป็นผลให้คู่รักสองคนนั้นเงียบเสียงลงไป และฉันก็รับรู้ถึงแรงกดดันทางสายตา แล้วฉันแคร์เหรอก็ไม่อ่ะ
“อย่าเพิ่งงอนสิ” หือ? เขาพูดอะไรนะ ใครงอนใคร
“พอส กูอยากกลับแล้วกูง่วงกูหิวด้วย” ฉันไม่สนใจคนแปลกหน้าสองคนที่ยืนเถียงกันอยู่ แต่เลือกที่จะหันไปซบหน้าลงไหล่ฝ้ายแล้วบอกกับพอสที่ยืนถัดไป ตอนนี้ฝ้ายมันหลับไปแล้วล่ะ
“นั่นไงๆมาแล้ว เก๋อเก๋อทางนี้ครับ”
“จะกลับแล้วเหรอ เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ต้อง”
ฉันสะบัดมือคนที่จับแขนเมื่อกี้ออก ฉันไม่รู้จักเขานะทำไมต้องไปส่งด้วยล่ะบ้าหรือเปล่า เห็นฉันง่ายเหรอถึงจะบอกว่าไปส่งฉัน
“เกิดอะไรขึ้นลูกอม” คนมาใหม่ถามเสียงทุ้มนุ่มด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ กลับกันเถอะ ฝ้ายมันหลับไปแล้ว” ฉันตอบพรางลุกยืนอย่างทุลักทุเล มือใหญ่ของคนตรงหน้ายกขึ้นมาประคองเมื่อฉันทำท่าจะล้ม ฉันยกมือตีมือเขาที่จับอยู่ที่สะโพกออก
“ลูกอมมานี่มา” เก๋อเก๋อเดินเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะยกแขนโอบรอบเอวฉันไว้ เราเดินออกมาที่รถก่อนที่เก๋อเก๋อจะมาส่งฉันที่คอนโดก่อนจะพาฝ้ายกลับไปที่คอนโดเก๋อเก๋อกับพอส พอถึงห้องมันก็สร่างเมาแล้วล่ะฉันจัดการอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะเดินออกมาเปิดโน๊ตบุ๊คที่ยังทำงานค้างไว้อยู่ พอทำงานไปได้สักพักก็เริ่มหิวเลยเดินไปที่ห้องครัวแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเสียงเคาะห้องออดหน้าห้องก็ดังขึ้นนอกจากนั้นยังมีเสียงเคาะประตูด้วย ตีสามเกือบตีสี่ใครมันจะมาบ้าเคาะห้องฉัน ฉันเดินเข้าไปใกล้ประตูก็จริงแต่เปิดตูช่องที่ประตูว่าใครกันแน่ที่เป็นคนมาเคาะ พอไม่เห็นใครฉันก็เลือกที่จะไม่เปิดแล้วเดินกลับเข้าห้องครัวเงียบๆ แต่ในครัวตอนนี้ไม่มีอะไรให้กินได้เลยนอกจากคุกกี้กับนม เอาวะกินนี้ไปก่อนพรุ่งนี้ค่อยซื้อของเข้าห้องก็ได้
ช่วงบ่ายไม่สิตอนนี้มันค่ำแล้วเกือบหกโมงนั่นแหละ ฉันถึงได้ออกจากห้องที่จริงฉันเพิ่งตื่นน่ะพอเปิดประตูออกจากห้องเสียงกรุ้งกริ๊งก็ดังขึ้น พอก้มมองดีๆก็เจอถุงพลาสติกที่แขนอยู่หน้าประตูอย่างเดียวดายใครเขามาแขวนไว้ล่ะเนี่ย พอเปิดถุงดูก็ยิ่งทำให้สงสัยเพราะในถุงเต็มไปด้วยเครื่องดื่มที่ช่วยในการแก้แฮงค์ทั้งนั้น
ฉันเอาถุงเข้าไปเก็บไว้ในครัวก่อนจะเดินออกจากห้องครั้งที่สอง ฉันเลือกที่จะไปซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆคอนโด ตอนเย็นๆแบบนี้คงไม่มีใครมาสนใจฉันหรอก ฉันเดินเล่นไปเรื่อยๆพยายามไม่สนใจสายตาที่มองมายังฉันนั่นเลย ฉันก็ไม่รู้นะว่าที่แต่งตัวแบบนี้มันแปลกมากหรือเปล่าเสื้อยืดตัวใหญ่ๆกางเกงยีนขาสั้นรองเท้าแตะ
*คนอื่นก็ใส่กันนะ ทำไมพวกเขามองฉันแบบนี้ล่ะ*
ฉันยกมือขยับปีกหมวกให้ปิดหน้าอีกนิดหน่อยก่อนจะรีบเดินเพื่อที่จะได้ถึงซุปเปอร์มาเก็ตเร็วๆ ระหว่างที่กำลังเลือกขนมอย่างบ้าคลั่งจู่ๆก็อะไรสักอย่างหล่นมาใส่หัวฉัน กลิ่นหอมอ่อนๆชวนละลายมันทำให้ฉันแทบละลายลงตรงนี้ ฉันดึงสิ่งที่คลุมหัวอยู่ออกด้วยท่าทีแสนรังเกียจ
“น้อยๆหน่อยเหอะ สูทมันแพงนะ” เสียงเข้มๆดุมา ฉันตวัดสายตาไปมองเจ้าของเสียง อืม ฉันไม่เคยเจอเขานะแล้วเสื้อนี่เป็นของเขาเหรอ
“ของนายเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วนี้กล้าออกจากบ้านสภาพแบบนี้ได้ไงกันไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าหรือไงทำไมมันทั้งขาดและสั้นแบบนี้!”
“เดี๋ยวค่ะ!!” ฉันยกมือขึ้นห้ามคนตรงหน้า ฉันเพิ่งเจอเขานะทำไมเขาต้องมาบ่นอะไรแบบนี้ให้ฉันฟังด้วยล่ะ
“ฉันมั่นใจว่าไม่รู้จักคุณนะนี่ของคุณค่ะ”
ฉันยื่นสูทตัวแพงคืนคนตรงหน้าอย่างเสียใจ เอ๊ย! ไม่ใช่ ฮื่อทำไมฉันดูเหมือนโรคจิตมากขนาดนี้ล่ะ ฉันวางขนมใส่รถเข็นตัวเองก่อนจะเข็นออกจากตรงนั้น ระหว่างเดินดูของก็เหมือนมีคนเดินตามจนเริ่มระแวงขึ้นมาจริงๆ พอหันกลับไปดูด้านหลังก็ไม่เห็นใครสงสัยจะคิดมากจนหลอนก็ได้
“นี่ๆ” จู่ๆก็มีคนมาสะกิดไหล่ฉันเบาๆ พอหันไปมองก็ออกอาหารเบื่อหน่ายทันที ก็จะอะไรซะอีกล่ะคนที่สะกิดไหล่ฉันน่ะคือคนๆเดียวกับที่โยนเสื้อมาคลุมหัวฉันนั่นแหละ
“นี่ คนคุยด้วยก็ตอบหน่อยสิ”
“อะไร” ฉันถามกลับเสียงเหวี่ยง ฉันกับเขาไม่ได้รู้จักกันนะแต่ดูเขาทำสิ อย่างกับรู้จักฉันอย่างนั้นแหละ
“ยืมมือถือหน่อยสิ” คนตรงหน้าทำหน้าตาอ้อนๆมาให้ พร้อมกับแบมือมาตรงหน้า นี่มันเกิดอะไรกับชีวิตอันสงบสุขของฉัน อะไรดลใจให้โลกเหวี่ยงผู้ชายคนนี้มาปั่นป่วนประสาทฉันกัน
“ไม่! แล้วก็เลิกยุ่งกับฉันสักที”
“หึหึ ขี้หงุดหงิดจัง” กรี๊ด!!! นี่ฉันด่าเขาอยู่นะทำไมยังมีหน้ามายิ้มแบบนี้อยู่อีก
“อย่ามายุ่งกับฉัน!!”
ฉันกัดฟันบอกเขาเสียงเข้ม จากที่อารมณ์ดีตอนนี้กลายเป็นหงุดหงิดเลเวลสิบเลยล่ะฉันหยิบผักหยิบเนื้อหยิบอะไรไม่รู้ใส่รถเข็นแล้วรีบไปที่จุดจ่ายเงินทันที แต่ก็ไม่คิดว่าคนที่ฉันเพิ่งด่าไปจะเดินตามมาติดๆ และมันก็เหมือนเคยฉันใบหน้าหล่อนั่นยิ้มอย่างสนุก ถ้าฉันถอดรองเท้าแล้วฟาดหน้าเขาจะมีใครรุมกระทืบฉันหรือเปล่า คนบ้าอะไรตามคนที่ไม่รู้จักแล้วยังทำเหมือนสนิทอีกด้วย นี่มันโรคจิตชัดๆเลย
**“คุณครับ****!! ช่วยบอกผู้หญิงคนนั้นหน่อยสิครับว่าผมชอบเธอและกำลังจีบเธออยู่!”**
สลัดผักกาดขาว!!!
ฉันก้มหน้าหนีแล้วรีบจ่ายเงินและออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตทันที ไอ้โรคจิตนั่นมันตะโกนลั่นห้างเลยนะไหนจะสายตาที่มองฉันอีก ฉันคงไม่มีหน้าไปเหยียบที่นั่นอีกแล้ว
“เดินช้าๆสิ ถ้าเกิดสะดุดล้มไปจะว่าไง”
ฉันหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองต้นเสียง แล้วก็ใช่จริงๆไอ้บ้าโรคจิตมันตามฉันมาทำไม มันเดินเขามาหยุดอยู่ตรงหน้า ใบหน้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มือก็เอื้อมมาดึงของจากมือฉันไป พอได้สติแล้วจะคว้าถุงคืนเขาก็เดินนำละลิ่วไปแล้ว
“นี่นาย!! จะบ้าอะไรฮะอย่ามายุ่งกับฉันจะได้ไหมเอาของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ!”
“อย่าเสียงดังได้ไหมล่ะ”
“นี่!!!” ฉันแทบจะกระโดดเข้าไปกัดคอเขาเมื่อเขาดุฉันเสียงเข้มเรื่องที่ฉันเสียงดัง แต่มันใช่เรื่องที่จะมาว่าฉันไหมล่ะ
“เออๆ ไม่แกล้งแล้ว มีเรื่องอยากคุยด้วยเดินตามมา” คราวนี้เขาปรับสีหน้าเรียบเฉย ดูจริงจังขึ้นมากกว่าเดิม
“ไม่!”
“โอ๊ย นี่เดินตามมาดีๆอย่าพูดมากรำคาญเว้ย!”
“ก็เอาคืนฉันมาสิวะ! จะเอาไปทำซากอะไร”
“อย่ามาพูดวะใส่นะเว้ย!”
“อย่ามาพูดเว้ยใส่ดิวะ!”
“นี่กูจะหาลูกสะใภ้ให้แม่หรือจะหาลูกมาเลี้ยงวะเนี่ย”
คนตัวสูงบ่นเบาๆ ใบหน้าหล่อนั่นดูหงุดหงิดมากเลยทีเดียว แต่เขาจะหงุดหงิดอะไรก็ช่างเขาสิวะ ฉันอยากกลับห้องแล้วฉันหิว เข้าใจไหมฉันหิว!
“หิวไม่ใช่เหรอ? รีบเดินสิ”
“หือ? เมื่อกี้ว่าอะไรนะ” คราวนี้ฉันทวนถามเสียงหลง เขารู้ได้ไงว่าฉันหิวน่ะ เอ๊ย หรือ่าเขามีความสามารถพิเศษอ่านใจคนได้ ไม่ได้แล้วๆ แล้วแบบนี้เขาจะรู้หรือเปล่าว่าฉันด่าเขาไปน่ะ
“คิดอะไรแปลกๆอยู่ใช่ไหม เดินมาได้แล้วมันมืดแล้วเห็นไหม!”
เขาเห็นท่าทางเขาไม่ได้กวนเบื้องล่างอย่างตอนแรกฉันเลยเดินตามเขาห่างๆและพบว่าทางที่เขาเดินไปเป็นทางที่กลับคอนโดฉัน นี่เขารู้เหรอว่าคอนโดฉันอยู่ไหน เขาเดินมาหยุดที่หน้าคอนโดฉัน นี่ๆ นี่อย่าบอกนะว่าเขารู้จริงๆว่าคอนโดฉันอยู่ที่นี่น่ะ
“รีบเปิดสิ หิวข้าวไม่ใช่เหรอ”
“ขอบใจที่เดินมาส่ง แต่เอาของฉันคืนมาได้แล้ว”
“ไม่!!”
“เอ๊ะ!? นายต้องการอะไรกันแน่” ฉันถามออกไปอย่างเหลืออด เขาดูเหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดจนฉันเริ่มที่จะหงุดหงิดเองแล้วตอนนี้
“เปิดประตูก่อน shit!”
พอเขามองเลยหลังฉันไปก็สบถถ้อยคำหยาบคายออกมา มือใหญ่รวบถุงที่ถืออยู่ไปไว้ข้างเดียวก่อนจะคว้าไหล่ฉันให้ไปยืนด้านหน้าเขามือข้างที่ว่างดึงหมวดแก็ปที่ฉันสวมอยู่ลงราวกับตั้งใจจะเปิดใบหน้าฉัน
“รีบเปิดประตู!!”
“แต่...”
“เร็วๆ!”
เขากระซิบข้างหูเสียงเข้ม ฉันเลยตัดสินใจใช้คีร์การ์ดเปิดประตูหน้าคอนโด ผู้คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังกรู่มาจากด้านหลังสะท้อนให้เห็นในประตูนี่ พอประตูเปิดคนที่ยืนซ้อนด้านหลังก็ผลักฉันเข้าไปเร็วๆตามด้วยร่างสูงที่รีบเดินตามเข้ามาประตูคอนโดปิดลงทันทีที่ร่างสูงๆของผู้ชายคนนั้นก้าวเข้ามา กลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกได้แต่ยกกล้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปจนแสงแฟลชส่องแสงวิบวับสะท้อนเข้ามา
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมเขาดูเหมือนเป็นที่สนใจของกลุ่มคนพวกนั้น
“ขึ้นห้องได้แล้ว อยากถามอะไรค่อยถาม”
เขาบอกเสียงเรียบมือก็ดึงแขนฉันให้เดินตามเขาเข้าไปในลิฟต์ แถมเขายังกดชั้นที่ฉันอยู่ด้วย ใบหน้าหล่อทำคิ้วขมวดจนดูตลก ว่าแต่นี่ฉันยอมให้เขาขึ้นมาในห้องได้ยังไง แต่พอถึงหน้าห้องฉันก็ยอมเปิดประตูแล้วให้ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นเข้ามา
“จะทำอะไรน่ะ” คนที่เพิ่งหันกลับมาจากตู้เย็นเอ่ยถามฉันเสียงเข้ม
“ต้มมาม่าไง”
“พอๆ ไปนั่งรอไปเดี๋ยวทำอะไรให้กิน” คนที่เป็นแขก(?)ไล่ฉันออกจากห้องครัว แต่เรื่องอะไรฉันจะออกไปล่ะนี่มันห้องฉันนะเขาไม่มีสิทธิ์มาสั่ง
“ว่าแต่ ที่ว่ามีเรื่องจะคุยน่ะเรื่องอะไร”
“เธอมีแฟนยัง” เขาถามคำถามเสียงเรียบมือก็กำลังหยิบของออกจากตู้เย็นเพื่อทำกับข้าวดูๆแล้วก็อิจฉานะเขาดูคล่องแคล่วทำอาหารเก่งต่างจากฉันลิบลับ ฉันน่ะขนาดทอดไข่ยังไหม้เลย
“เฮ้! ได้ยินที่ถามไหม”
“ฮะ? เอ่อ ว่าไงนะลืมฟัง”
“ฉันถามว่าเธอมีแฟนยัง” เขาถามย้ำ และครั้งนี้ก็จ้องหน้าฉันอย่างจริงจัง
“ทำไมอ่ะ จะจีบฉันเหรอ” ฉันถามกลับอย่างไม่ใส่ใจ มือก็หยิบขนมมาแกะกินแต่มือที่กำลังจะส่งขนมเข้าปากก็ชะงักค้างกับคำตอบของ
“ใช่ จะจีบ”