ตอนที่ 3 : ยาปลุกกำหนัด

2141 Words
ตอนที่ 3 ยาปลุกกำหนัด คืนนั้นฟานเหม่ยหลันนอนร้องไห้ด้วยความเสียใจ แม้นรู้ดีว่าเขาไม่ได้รัก แต่ก็ยังแอบหวังอย่างลม ๆ แล้ง ๆ ว่านางอาจจะทลายน้ำแข็งในจิตใจของเขาได้สักวัน แต่พอมาตอนนี้เหมือนจะเริ่มเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดีแล้วว่าตนคงมิอาจเอาชนะใจเขาได้อีกต่อไป เพราะสตรีที่เป็นรักแรกของเขานั้นกลับมาแล้ว ถึงคราวที่ส่วนเกินเช่นนางจะต้องจากลากันเสียที ดึกสงัดในคืนเดียวกันเจียลี่เซียนที่แอบเข้ามาในห้องของอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเดินมาหยุดแล้วทรุดตัวนั่งริมขอบเตียง ดวงตาคมมองฝ่าความมืดก็เห็นร่างเล็กของนางกำลังสั่นไหวตามแรงสะอื้น มือหนาบรรจงเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวอย่างเบามือ ที่ผ่านมานางคงจะรู้สึกเหนื่อยมามาก ไม่ว่าจะเป็นผู้คนรอบข้างหรือแม้แต่มารดาของเขาที่ตั้งท่ารังเกียจตั้งแต่ต้น แต่สองปีที่อยู่ด้วยกันมา นางไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยเลยสักครั้ง อีกทั้งยังปรนนิบัติดูแลเขาเป็นอย่างดี รอยยิ้มของนางนับวันจะยิ่งมีอิทธิพลต่อจิตใจเขามากพอสมควร ทว่าเมื่อไม่รักก็คือไม่รักเขามิอาจฝืนใจตัวเองได้อีกต่อไป ถึงจะเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวแต่เขาก็ยอมถูกนางเกลียดดีกว่าต้องอดทนอยู่แบบนี้ ส่วนเรื่องของฮวาเยว่ซินเขายอมรับว่ายังคงหวั่นไหวอยู่มาก เพราะนางเป็นเหมือนรักแรกและเป็นคนที่เขาอยากจะดูแลไปตลอดชีวิต ครั้นพอเจอหน้ากันอีกครั้งในรอบหลายปีความหวั่นไหวในจิตใจก็เริ่มก่อตัวขึ้น “ห้ามบอกนางว่าข้ามาที่นี่” เขาสั่งเสียงเข้มเมื่อเห็นเจียวมิ่งเดินเข้ามาในห้อง พักหลังมานี้ฟานเหม่ยหลันเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในเรือน แม้สามีจะสั่งให้ลูกน้องส่งหนังสือหย่ามาให้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ถึงกระนั้นนางก็เลือกที่จะปฏิเสธ ครานี้นางจะไม่ยอมให้พวกเขาสองคนได้สมหวังกันง่าย ๆ ในเมื่อสกุลเจียมีกฎอยู่ว่า บุรุษสกุลเจียไม่ว่าสายหลักหรือสายรองจะต้องแต่งฮูหยินได้เพียงคนเดียวเท่านั้น นางจึงคิดใช้โอกาสนี้ขัดขว้างไม่ยอมให้พวกเขามีความสุขอย่างเด็ดขาด นานวันเข้าฮวาเยว่ซินที่เห็นว่าฟานเหม่ยหลันไม่ยอมหย่าขาดจากเขาเสียที ทำให้นางรู้สึกคับแค้นใจยิ่งนัก เพราะไม่ว่านางจะส่งคนไปพูดจากดดันอย่างไร นังแพศยานั่นก็โต้ตอบกลับมาจนคนของนางต่างพากันขยาดกลัว แม้จะเป็นผลดีที่อีกฝ่ายกลายเป็นสตรีร้ายกาจตามที่คาดการณ์ไว้ แต่จนป่านนี้ก็ผ่านมาเกือบปีแล้ว เหตุใดเจียลี่เซียนถึงไม่ยอมจัดการขั้นเด็ดขาดกับนังแพศยานั่นเสียที ในใจที่มีความอิจฉาริษยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นางจึงต้องคิดหาทางเพื่อกำจัดศัตรูหัวใจออกไปให้พ้นทาง ไม่นานก็เหมือนจะคิดแผนการบางอย่างออก ‘คราวนี้แกไม่รอดแน่นังฟานเหม่ยหลัน’ คืนนั้นฟานเหม่ยหลันที่ยังไม่รู้ว่าตนเองจะต้องเจอกับอะไร หญิงสาวยังคงทำตัวเฉกเช่นปกติ แต่แล้วจู่ ๆ นางก็เหมือนจะได้กลิ่นหอมอะไรบางอย่าง ครั้นสูดดมเข้าไปสักพักสติของนางก็เริ่มพร่ามัว ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบ และมีความต้องการเรื่องแบบนั้นอย่างรุนแรง อีกทั้งยังเป็นจังหวะเดียวกับที่ลี่เซียนได้รับแจ้งจากสาวใช้ว่าฟานเหม่ยหลันต้องการพบเขา ตอนแรกชายหนุ่มก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจ ยังคงนั่งดื่มสุราด้วยความคิดที่ฟุ้งซ่าน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินไปพบนาง ทันทีที่เข้ามาในห้องชายหนุ่มก็ถึงกับสะดุดร่างกายอันเปลือยเปล่าของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า สายตาหยาดเยิ้มเชิญชวนของอีกฝ่ายทำให้ลมหายใจของชายหนุ่มติดขัด แม้ใจนึกปฏิเสธแต่อารมณ์ที่ถูกยากระตุ้นทำให้เขาแทบจะควบคุมสติไม่อยู่ “อ๊ะ อ่าส์ ล... ลี่เซียน ช... ช่วยข้าด้วย ทรมานเหลือเกิน” น้ำเสียงเย้ายวนสลับกับเสียงครางกระเส่าร้องขอสามีอย่างน่าสงสาร ร่างกายร้อนผ่าวเหมือนอยากจะปลดปล่อยจนทนไม่ไหว ลี่เซียนหูอื้อตาพร่ามัวเพราะฤทธิ์ยา ร่างกายก็ร้อนรุ่ม อารมณ์ปรารถนาคุโชน แก่นกายก็แข็งจนปวดหนึบเพราะความต้องการ มีแต่การปลดปล่อยเท่านั้นที่จะบรรเทาได้ เมื่อเห็นกายสาวที่เปล่าเปลือย ความอยากก็ยิ่งยากจะต้านไหว ลี่เซียนจึงรีบกระโจนเข้าใส่ ไร้ความอ่อนโยนแม้เพียงนิด สองร่างเกี่ยวกระหวัดฟัดกันนัวเนีย ทั้งเสียงครางสลับกับเสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังตลอดทั้งคืน กว่าจะสงบก็เป็นเวลาฟ้าสางพอดิบพอดี เสียงดังเอะอะโวยวายด้านนอกปลุกให้ลี่เซียนที่กำลังนอนหลับสนิทพลันรู้สึกตัวตื่น เขามีอาการมึนงงอยู่ไม่น้อยแต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างเล็กที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรณ์ติดตัวนอนอยู่ข้าง ๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนฉายซ้ำเข้ามาในความคิดของเขาอีกครั้ง และความสับสนเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง “บอกมาเจ้าใช้วิธีสกปรกเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร” ลี่เซียนฉุดกระชากร่างเล็กให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับเขา ทำให้ฟานเหม่ยหลันที่กำลังงัวเงียสะดุ้งตื่นจนเต็มตา ครั้นเมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความโกรธจัดของสามี นางก็ถึงกับนิ่งค้างไปชั่วขณะ “นี่เจ้าเป็นบ้าอะไร ข้าใช้วิธีสกปรกอะไรกับเจ้า” หญิงสาวขึ้นเสียงใส่อย่างไม่ยอมเช่นกัน “เจ้าวางยาปลุกกำหนัดข้า” เขากัดฟันกรอดกระชากแขนของนางอย่างแรง จนเหม่ยหลันถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด “ข้าไม่เคยวางยาเจ้า แม้แต่จะคิดก็ไม่เคย” หญิงสาวโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ ที่ผ่านมานางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่พอมาวันนี้กับถูกกล่าวหาในสิ่งที่ตนไม่ได้ทำ ก็นึกโมโหที่เขาไม่เคยเชื่อใจนางเลย “นังแพศยานี่แกกล้าวางยาลูกชายข้างั้นรึ” เสียงของแม่สามีดังขึ้น ทำให้นางและเขาเบนสายตาหันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นว่ามีแม่สามี เยว่ซิน และบ่าวไพร่อีกจำนวนหนึ่ง ‘หึ! มาอยู่กันพร้อมหน้าเชียว’ นางคิด “พี่หญิง ข้าไม่คิดว่าท่านจะกล้าใช้ยาปลุกกำหนัดกับสามีตัวเอง เพียงเพื่ออยากผูกมัดเขาไว้กับตัว ต่อให้เป็นสามีภรรยาแล้วอย่างไร หากยังต้องอาศัยยาชั่วช้าเพื่อการนี้ ช่างไร้ยางอายสิ้นดี” น้ำเสียงหวานใสแสดงถึงความเย้ยหยัน ท่ามกลางสายตาของบ่าวรับใช้ภายในจวน ที่พร้อมใจกันมายืนมองด้วยสายตาดูแคลนระคนเย้ยหยันไม่ต่างกัน ฟานเหม่ยหลันสายตาแข็งกร้าว รู้สึกไม่พอใจที่ถูกอีกฝ่ายพูดจากล่าวหากันเช่นนี้ ในใจนึกเคลือบแคลงสงสัยว่าฮวาเยว่ซินรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน ไม่นานก็คล้ายจะเข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย ใบหน้างามเชิดขึ้น กล่าวเสียงเย็นชา “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นคนวางยาปลุกกำหนัดสามีตัวเอง ในเมื่อข้าเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในเรือน” เว้นจังหวะเล็กน้อย กล่าวต่อว่า “เมื่อคืนเป็นสามีของข้าเองมิใช่หรือที่เข้ามาหาข้าถึงในห้อง คนนอกเช่นเจ้าไม่ควรสอดปากเข้ามายุ่งกับเรื่องในครอบครัวของคนอื่น” จากนั้นหันไปมองหน้าแม่สามี ฉีกยิ้มเล็กน้อย “ท่านแม่ ท่านเองก็มัวแต่ปล่อยให้คนอื่นเขาจูงจมูก พูดนิดพูดหน่อยก็ปักใจเชื่อไปเสียหมด เช่นนี้จะควบคุมดูแลคนในจวนทั้งหมดได้อย่างไรกัน” “นี่เจ้า!!” ฮูหยินผู้เฒ่าชี้หน้าลูกสะใภ้ด้วยความไม่พอใจ เป็นใครก็มองออกว่าอีกฝ่ายจงใจพูดว่านางนั้นหูเบา ส่วนฮวาเยว่ซิน นางเหมือนถูกลากไปตบท่ามกลางสายตาผู้คนนับสิบ ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะร้ายกว่าที่คิดนัก จากเดิมที่คิดว่ามันเป็นเพียงแค่หมูในอวยบัดนี้กลับยากที่จะรับมือเสียแล้ว “พี่หญิงข้าหาได้คิดเช่นนั้นไม่ หากท่านคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ ถ้าเช่นนั้นเราจะให้คนค้นห้องนอนของท่าน ก็คงจะไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาที่แสดงถึงความมั่นใจ ยิ่งทำให้นางเริ่มจะเข้าใจสถานการณ์บางอย่างมากขึ้น สีหน้าของนางยังคงเรียบนิ่ง กอดอกมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยเนิบช้าว่า “แล้วเจ้าจะเดือดร้อนแทนไปไย ต่อให้ข้ายอมรับว่าเป็นคนวางยาจริง แต่มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วมิใช่หรือ ในเมื่อเขาเป็นสามีของข้า และจะใช้วิธีการใดมันก็เป็นเรื่องของคนสองคน ส่วนเจ้าเป็นเพียงแค่คนนอก ก็ควรจะอยู่ในพื้นที่ของตัวเองมากกว่าจะเข้ามาสอดปากรู้เรื่องของคนอื่น เพราะมันดูไร้มารยาท” ประโยคหลังเน้นย้ำอย่างจงใจ ทำให้ฮวาเยว่ซินถึงกับใบหน้าถอดสี น้ำตาปริ่มคลออยู่ในดวงตาคู่สวย “พี่หญิง ข... ข้าเพียงแค่หวังดีเท่านั้นเองเจ้าค่ะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ น้ำตาปริ่มคลออยู่ในดวงตาคู่สวยจนลี่เซียนต้องเข้ามาปลอบด้วยความเป็นห่วง ฟานเหม่ยหลันยืนกอดอกมองการแสดงของอีกฝ่ายอย่างนึกดูแคลน เหลือบสายตาหันไปมองสามีของตนอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาดูใส่ใจสตรีที่อยู่ข้างกาย ก็ชวนให้รู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย “พอได้แล้วเหม่ยหลัน เป็นเจ้าเองมิใช่หรือที่ให้สาวใช้ไปแจ้งว่าอยากพบข้า” เขาคาดคั้นถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่มีหรือที่นางจะยอมให้คนอื่นมากล่าวหาหรือว่าร้ายในเรื่องที่ตนไม่ได้เป็นคนทำ “ข้าเนี่ยนะ! อยากพบเจ้า หึ... ช่างน่าขำนัก ข้ายืนยันคำเดิมว่าไม่ได้เป็นคนวางยาเจ้า หากไม่เชื่อก็ลองให้คนเข้ามาค้นห้องนอนของข้าได้เลย” หญิงสาวรู้ดีอยู่เต็มอกว่าเรื่องทุกอย่างจะต้องลงเอ่ยเช่นนี้ คาดเดาไม่ยากว่าเขาจะต้องเข้าใจผิด อาจถึงขั้นไล่นางออกจากจวนเลยก็ได้ หากพบหลักฐานแล้วอย่างไร ไม่พบหลักฐานแล้วอย่างไร สุดท้ายจุดจบของนางก็ต้องเป็นเช่นนี้อยู่วันยังค่ำ แผนการง่าย ๆ เช่นนี้ เป็นใครก็ล้วนมองออกแต่ลี่เซียนกับเชื่อสนิทว่านางเป็นคนวางยาปลุกกำหนัดเขาจริง ๆ คนที่คิดแผนนั้นขึ้นมาว่าโง่เขลาแล้ว แต่สามีของนางกับโง่เขลายิ่งกว่า หากเขาเลือกที่จะเอะใจสักนิด ทำไมจู่ ๆ ทั้งแม่และนางในดวงใจถึงได้ผลักประตูเข้ามาและกล่าวหานาง ทั้ง ๆ ที่นางกับเขายังครองสติไม่ได้ด้วยซ้ำ หากไตร่ตรองสักนิดก็คงมองออกแล้วล่ะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ธรรมดา “ลี่เซียน นางกล้าทำกับลูกถึงเพียงนี้ แม่ว่าไล่นางออกจากตระกูลของเราไปเถอะ แม่ไม่อยากได้ลูกสะใภ้ที่ใช้วิธีสกปรกเช่นนี้กับเจ้าหรอกนะ” ผู้เป็นแม่พูดขึ้น เมื่อเห็นโอกาสที่จะไล่สะใภ้ให้ออกไปจากจวนเสียที นางรังเกียจลูกสะใภ้คนนี้ยิ่งนัก สามปีที่ผ่านมานางไม่เคยเห็นด้วยและพยายามโน้มน้าวบุตรชายให้หย่าขาดจากนางเสีย แต่บุตรชายก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจ หนำซ้ำยังคอยดูแลทำให้รู้สึกชิงชังยิ่งกว่าเดิม “ท่านแม่เรื่องนี้ให้ข้าเป็นคนจัดการเองเถิดขอรับ อย่างไรนางก็ยังเป็นเมียของข้า” จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับนางในดวงใจ“ซินเอ๋อร์ เจ้าพาท่านแม่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เรื่องในครอบครัวปล่อยให้พี่จัดการเองดีกว่า” “แต่พี่ลี่เซียน นางเป็นคนวางยาท่านนะ เหตุใดถึงไม่ยอมให้คนเข้าตรวจค้นห้องนอนของนาง อย่างน้อยมันก็ต้องมีหลักฐานให้เห็นบ้างไม่ใช่หรือเจ้าคะ” ฮวาเยว่ซินรีบเอ่ยทักท้วงด้วยความร้อนรน อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จอยู่แล้ว “เรื่องนี้พี่ขอเป็นคนจัดการเอง” น้ำเสียงเย็นชาพูดขึ้นทำให้นางไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD