ตอนที่ 2
จุดเริ่มต้น 1.2
แต่ใครจะล่วงรู้ว่านั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อหญิงสาวนามว่า ‘ฮวาเยว่ซิง’ ปรากฏตัวขึ้น ความสัมพันธ์ของนางและเขาก็เริ่มสั่นคลอน ครานั้นเหม่ยหลันจดจำได้เป็นอย่างดีว่า ลี่เซียนกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่เรือนใหญ่ สีหน้าของเขาแสดงความดีใจอย่างปิดไม่มิด หัวใจที่เคยนิ่งสงบมานานจู่ ๆ ก็เกิดสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางรู้ดีว่าสตรีผู้นี้จะต้องมีความสำคัญต่อเขาไม่มากก็น้อย
“ลี่เซียนวันนี้เจ้าจะอยู่ทานมื้อเย็นกับข้าหรือไม่”
“ไม่ล่ะ! ข้ามีนัดทานข้าวมื้อเย็นกับเรือนใหญ่” น้ำเสียงตอบกลับอย่างเย็นชา
“ถ้างั้นให้ขะ...”
“เจ้าไม่ต้องไปหรอกคนเยอะค่อนข้างวุ่นวาย เดี๋ยวเจ้าจะอึดอัดเปล่า ๆ”
เหม่ยหลันยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเขาขัดขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวทำได้เพียงฝืนยิ้มหรือความสัมพันธ์ของเราสองคนจะหยุดอยู่แค่นี้แล้วจริง ๆ นางยืนมองแผ่นหลังของสามีจนหายลับไปจากสายตา ในใจได้แต่คิดสับสนว่าหญิงสาวที่ชื่อ ‘เยว่ซิน’ คงเป็นคนสำคัญของเขาจริง ๆ
ช่วงสายของวันหนึ่งในขณะที่นางกำลังปลูกผักอยู่ในเขตพื้นที่ของตัวเอง สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นเท้าคู่หนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้า เหม่ยหลันค่อย ๆ ไล่สายตาขึ้นไปมองเป็นหญิงสาวที่งดงามมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณ ใบหน้าเรียวสวยได้รูปหรือแม้แต่การวางตัว บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าหญิงสาวผู้นี้คงจะเป็นลูกคุณหนูจากตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
“เจ้าคงเป็นฮูหยินที่ไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างที่บ่าวในจวนพูดไว้จริง ๆ สินะ” หญิงสาวตรงหน้ามองเหม่ยหลันด้วยสายตาดูแคลน
“เจ้าเป็นใคร?” แม้รู้ดีอยู่เต็มอกแต่นางก็เลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจ ทั้ง ๆ ที่ลึก ๆ แล้วหัวใจดวงน้อยกำลังสั่นไหว หากคาดเดาไม่ผิดสตรีผู้นั้นคงจะเป็น ‘ฮวาเยว่ซิน’
หญิงสาวไม่ตอบแต่กับสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ทำให้ฟานเหม่ยหลันถอยหลังตามสัญชาตญาณ
“ข้าเป็นใคร เจ้าเองก็คงจะรู้ดี ที่ผ่านมาพี่ลี่เซียน ‘ของข้า’ รับเจ้าเป็นภรรยาก็เพราะอยากทดแทนบุญคุณที่บิดามารดาของเจ้าสละชีวิตเพื่อปกป้องเขาก็เท่านั้น” หญิงสาวเน้นย้ำคำว่า ‘ของข้า’ เพื่อให้อีกฝ่ายได้รู้ตัวว่าใครกันแน่ที่จะเหมาะสมกับลี่เซียน
“....”
“พี่ลี่เซียนได้เล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว ว่าเขาเห็นเจ้าเป็นเพียงสหาย หาได้รักลึกซึ้งไม่ บางทีคนอย่างเจ้าสมควรจะยอมรับความจริงได้แล้วนะว่าเขารักใครกันแน่”
“ไม่จริงลี่เซียนรักข้า ตลอดสองปีที่ผ่านมาข้าอยู่เคียงข้างเขามาตลอด ตราบใดที่เขายังไม่หย่าข้าก็จะไม่มีวันจากเขาไปไหนอย่างเด็ดขาด”
ครานี้ฟานเหม่ยหลันโต้กลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน นางยังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดมาทั้งหมดเพียงต้องการปั่นประสาทนางก็เท่านั้น เหม่ยหลันเชื่อใจในตัวสามี คิดหวังว่าสองปีที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาเขาต้องหวั่นไหวไม่มากก็น้อย
เยว่ซินหัวเราะคิกคัก กล่าวว่า “เช่นนั้นมาลองดูกันไหมล่ะ ระหว่างเจ้ากับข้าใครมีความสำคัญกับเขามากกว่ากัน” สายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจทำให้นางเกิดความลังเลเล็กน้อย แต่เพราะเชื่อมั่นว่าลี่เซียนจะไม่มีวันทอดทิ้งนาง
“ข้าเป็นภรรยาของเขา ต่อให้เจ้าจะสำคัญต่อเขามากสักเพียงใด แต่ก็นั่นอีกแหละลี่เซียนเป็นสามีของข้า สองปีที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาเขาต้องเห็นข้าสำคัญกว่าคนนอกเช่นเจ้า” ฟานเหม่ยหลันไม่คิดยอมแพ้
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าดูมั่นใจเสียเหลือเกินนะ เอาเถิด! อีกไม่นานหรอกเขาจะต้องส่งหนังสือหย่ามาให้เจ้าอย่างแน่นอน”
เมื่อสตรีผู้นั้นเดินจากไปแล้ว ฟานเหม่ยหลันก็ถึงกับทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ฮวาเยว่ซินดูจะมั่นใจเหลือเกินว่าเจียลี่เซียนจะต้องให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่านางที่เป็นภรรยา ต่อให้พวกเขาจะเคยรักกันมาก่อนแต่แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อนางเป็นภรรยาของเขา ส่วนคนอื่นก็เป็นเพียงแค่คนนอกหาใช่ครอบครัวเดียวกันไม่ ทว่าแต่อีกใจกับรู้สึกกลัวเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะเห็นสตรีอื่นสำคัญมากกว่านาง
“ฮูหยิน อย่าไปเชื่อคำพูดของคนอื่นเลยนะเจ้าคะ ท่านแม่ทัพจะต้องให้ความสำคัญกับฮูหยินมากกว่าใคร” เจียวมิ่งที่แอบดูอยู่ได้เข้ามาเอ่ยปลอบผู้เป็นนาย
“ข้าไม่เคยเชื่อในคำพูดของเขา แต่ครั้งนี้ข้านึกหวั่นใจนักว่าสิ่งที่กลัวมาตลอดจะกลายเป็นเรื่องจริง” หญิงสาวพูดขึ้นอย่างเลื่อนลอย
คืนนั้นฟานเหม่ยหลันที่นอนไม่หลับ เพราะในหัวคิดแต่เรื่องเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาเขาซึ่งอยู่เรือนถัดไปไม่ไกลจากนางมากนัก เพียงแค่กำลังจะเอ่ยปากเรียกชื่อเขา ฟานเหม่ยหลันก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของสตรีดังออกมาจากด้านใน หญิงสาวนิ่งค้าง หัวใจพลันเต้นแรงจนยากจะควบคุม
หมายความว่าอย่างไรกัน ลี่เซียนกำลังนอกใจนางงั้นรึ
“พี่ลี่เซียน ไหนท่านเคยบอกว่ารักข้า อยากแต่งงานกับข้ามิใช่หรือเหตุใดถึงไม่ทำตามอย่างที่บอกไว้เล่า” เสียงหวานใสตัดพ้อต่อว่าเขา
“ซินเอ๋อร์ พี่ทำผิดต่อเจ้าแล้ว”
ฟานเหม่ยหลันตัวชาวาบ นี่หรือสิ่งที่เขาตอบแทน ลักลอบคบชู้สมควรที่นางจะต้องยอมอย่างนั้นหรือ หญิงสาวยืนโกรธจนตัวสั่นมือบางกำเข้าหากันแน่น ที่ผ่านมาเป็นนางที่อยู่อย่างเจียมตัวและคอยปรนนิบัติเขาไม่เคยห่าง แต่พอสตรีผู้นั้นกลับมา เขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แม้จะรู้สึกเสียใจแต่ก็ยังคงมองโลกในแง่ดีว่าเขาจะไม่มีวันทำผิดต่อนาง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เห็นค่า มีหรือที่นางจะยอมให้คนเหล่านี้มากดขี่ข่มเหงรังแกได้อีก ไวเท่าความคิดนางตัดสินใจผลักประตูเข้าไปอย่างแรง ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ลี่เซียนกำลังกอดร่างของเยว่ซิน พลางลูบหัวอย่างปลอบประโลม
“พวกเจ้าสองคนทำอันใดกัน!” ฟานเหม่ยหลันกัดฟันถามคนทั้งคู่ที่ผละออกจากกันด้วยความตกใจ สายตามองเขาอย่างเจ็บปวด
“พี่หญิง ข้ากับพี่ลี่เซียนไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ท่านคิดนะเจ้าคะ” เยว่ซินแสร้งทำเป็นอธิบาย ทั้ง ๆ ที่มุมปากกำลังยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“หุบปากข้าไม่ได้ถามเจ้า เป็นสตรียังมิได้ออกเรือนแต่กลับเข้ามาหาบุรุษถึงในห้อง แล้วอยู่กันสองต่อสอง ถามจริงเถิดยางอายบนใบหน้าของเจ้าเคยมีบ้างหรือไม่ รู้ทั้งรู้ว่าเขามีภรรยาแล้วยังคิดจะมายุ่งกับเขาอยู่อีก ต่ำ!” นางต่อว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างรุนแรง ทำให้ฮวาเยว่ซินรู้สึกไม่พอใจที่ถูกนังคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างมันเข้ามาต่อว่า
“พอได้แล้วฟานเหม่ยหลัน เยว่ซินไม่ผิดเป็นข้าที่ชวนนางเข้ามาในห้องเอง” ชายหนุ่มพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเช่นไร
“ลี่เซียน เจ้าพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือไม่” นางเอ่ยถามทั้งน้ำตา “ข้าเป็นภรรยาของเจ้า แต่เจ้ากับพาสตรีอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาเข้าในห้องนอนเพียงลำพัง นี่เจ้าทำได้อย่างไรกัน”
“เยว่ซินเจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด น้ำค้างลงแล้วเดี๋ยวเจ้าจะไม่สบายเอาได้” ลี่เซียนหันไปพูดกับหญิงสาวที่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
แม้ใจจะรู้สึกผิดที่ต้องทำเช่นนี้แต่เขาก็มีเหตุผลบางอย่างที่บอกใครไม่ได้เช่นกัน
“เหม่ยหลัน ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าไม่ขออ้อมค้อมเลยแล้วกัน” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยออกมา ทำให้ฟานเหม่ยหลันเย็นวาบไปถึงขั้วหัวใจ
“ม... หมายความว่าอย่างไร”
“ข้าจะหย่ากับเจ้า”
“ไม่นะ! ลี่เซียน ข้าไม่หย่ากับเจ้า” นางเอ่ยตัดพ้อทั้งน้ำตา แต่เมื่อเห็นสายตายิ้มเยาะของหญิงสาวที่หลบอยู่ด้านหลังของสามี ความโกรธก็เริ่มเข้ามาแทนที่ “เป็นเพราะนางใช่หรือไม่ เจ้าถึงขอหย่ากับข้า”
ฟานเหม่ยหลันทำท่าจะเข้าไปทำร้ายอีกฝ่าย แต่ก็ถูกเจียลี่เซียนเข้ามาปกป้องและผลักนางจึงล้มไปกองอยู่ที่พื้น
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเยว่ซิน เป็นข้าที่ทำผิดต่อเจ้า”
“หึ! ทำผิดต่อข้างั้นรึ” นางเค้นยิ้มเย็นชา สายตาจ้องมองอีกฝ่ายที่แสร้งทำเป็นสตรีผู้น่าสงสาร
“ดูเหมือนจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว เจียวมิ่งพาฮูหยินของเจ้ากลับไปสะ” สิ้นคำสั่งเจียวมิ่งก็เข้ามาพยุงร่างของฮูหยินที่ร้องไห้จนตาบวม ก่อนจะพากลับออกไป
คนตัวสูงยืนมองร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของนาง จนหายลับไปจากสายตา จากนั้นจึงเบนสายตากลับมามองหญิงสาวที่กำลังยืนร้องไห้เงียบ ๆ ด้วยความหวาดกลัว
“พี่ลี่เซียน เป็นความผิดของข้าที่เข้ามาพบท่านในยามวิกาลเช่นนี้” หญิงสาวพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด ทั้ง ๆ ที่ในใจกำลังหัวเราะออกมาอย่างสะใจที่เห็นนังแพศยานั่นกำลังจะถูกถีบหัวส่ง
“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า” ลี่เซียนลูบหัวหญิงสาวตรงหน้า สีหน้าระบายยิ้มบางเบา หวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรับปากว่าจะแต่งงานกับนาง แต่จู่ ๆ นางก็หายออกไปจากชีวิตเขา ครั้นไปหาที่จวนบ่าวรับใช้ต่างก็บอกว่านางล้มป่วยไม่สามารถออกมาพบเขาได้ แม้ใจจะนึกเป็นห่วงแต่สุดท้ายเขาก็ยอมที่จะเป็นฝ่ายถอย พอนานวันเข้าถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าสาเหตุที่นางไม่ยอมออกมาพบ คงเพราะไม่อยากแต่งงานกับเขาหรอกกระมัง อีกทั้งในยามนั้นเขาเป็นเพียงแค่รองแม่ทัพไม่ได้มีอำนาจเฉกเช่นทุกวันนี้
ครั้นเมื่อรู้ว่าสตรีผู้เป็นดั่งรักแรกกลับมา เขาทั้งตื่นเต้นและดีใจที่เห็นว่านางนั้นกลับมาหาเขาแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมพอเห็นน้ำตาและสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด หัวใจที่คิดว่าด้านชาในคราแรกกับรู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่เพียงแค่ครู่เดียวความรู้สึกเหล่านั้นก็หายไป
เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะหย่า แม้จะเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว ทว่าเมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ยากนักที่จะเปลี่ยนใจ
.............