ตอนที่ 1
จุดเริ่มต้น
ฟานเหม่ยหลันตัดสินใจที่จะหย่าขาดจากเขา แม้รู้ดีว่าเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากเพราะนางเองก็รักเขามากเกินกว่าจะตัดใจ ทว่าเมื่อลองคิดไตร่ตรองดูจนถี่ถ้วนแล้ว รั้งไปก็มีแต่จะเจ็บปวด ถึงกระนั้นเขาก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่านางคือคนที่วางยาปลุกกำหนัดเขาจริง ๆ
จู่ ๆ น้ำตาของนางก็ไหลไม่คิดว่าตนเองจะต้องมามีจุดจบที่น่าอนาถเช่นนี้ สามปีที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา เทียบไม่ได้กับสตรีผู้เป็นดั่งรักแรกเลยสักนิด
“เจียวมิ่งข้าไม่ใช่นายของเจ้าอีกต่อไปแล้ว นับจากนี้ขอให้เจ้าจงมีชีวิตที่ดี อย่ามาจมปลักอยู่กับข้าที่มีความผิดอีกเลย” นางเอ่ยกับสาวรับใช้ข้างกาย ตลอดสามปีนี้เจียวมิ่งเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างนาง ส่วนคนผู้นั้นพอสตรีผู้เป็นดั่งรักแรกกลับมา นางก็กลายเป็นส่วนเกินในชีวิตของเขาทันที
“ฮูหยิน บ่าวขอติดตามไปด้วยนะเจ้าคะ ตลอดสามปีที่ผ่านมาแม้นใครไม่รู้แต่บ่าวรู้เจ้าค่ะ” เจียวมิ่งเอ่ยทั้งน้ำตา
“แต่หนทางที่ข้าจะไปล้วนลำบากนัก อยู่ที่นี่อย่างน้อยเจ้าก็กินอิ่มนอนหลับ ส่วนข้า...” นางพูดได้แค่นั้นก็ไม่คิดจะพูดอะไรต่อ
“บ่าวไม่กลัวเจ้าค่ะ ฮูหยินไปที่ใดข้าก็ไปด้วย” เจียวมิ่งยังคงยืนยันคำเดิม ที่ผ่านมานางไม่เคยถูกฮูหยินด่าทอหรือทุบตีเลยสักครั้ง ชีวิตนางไม่มีครอบครัวให้ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว
“อืม เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมตัวให้พร้อมเถิด แล้วห้ามบอกเรื่องนี้กับใครอย่างเด็ดขาด เพียงแค่นี้ข้าก็ดูน่าสมเพชมากเกินพอแล้ว”
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้มันทำให้นางอดคิดถึงอดีตเมื่อสามปีก่อนไม่ได้
.......................
สามปีก่อน
“ท... ท่านแม่ทัพ ฝ... ฝากบุตรสาวเพียง อึก! เพียงคนเดียวของข้าด้วยเถิดขอรับ” น้ำเสียงแหบพร่าพูดขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยรู้ดีว่าบุตรสาวของตนรู้สึกเช่นไร
“ได้ ข้ารับปากท่าน ข้าจะแต่งนางเป็นภรรยาเพื่อตอบแทนบุญคุณที่พวกท่านสละชีวิตเพื่อช่วยข้า” แม่ทัพหนุ่มให้คำสัญญา นึกละอายใจที่ตนเองไม่สามารถปกป้องทุกคนได้ หนำซ้ำยังทำให้หญิงสาวต้องสูญเสียพ่อแม่ไปในคราเดียวกัน
“วางใจเถิด นับจากนี้ข้าจะดูแลเจ้าเอง” ลี่เซียนหันไปพูดกับนาง ที่กำลังร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ฟานเหม่ยหลันมองเขาอย่างซาบซึ้ง ในใจนึกขอบคุณบิดาที่หยิบยื่นโอกาสนี้ให้ ความปรารถนาที่นางมีต่อเขานับวันยิ่งรุนแรงกว่าแต่ก่อน
“ขอบใจเจ้ามากลี่เซียน ข้าสัญญาว่าจะเป็นภรรยาที่ดีของเจ้า” ฟานเหม่ยหลันมองเขาอย่างสื่อความหมาย แม้รู้ดีว่าเขาเพียงแค่อยากตอบแทนบุญคุณ แต่นางก็รักเขามากเกินกว่าจะสูญเสีย
“ลี่เซียน เจ้าเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเหยี่ยน จะแต่งใครเป็นฮูหยินก็ย่อมได้ เหตุใดต้องไปคว้าสตรีไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นนั้นมาเป็นฮูหยิน”
เสียงตวาดลั่นของผู้เป็นแม่สามี ทำให้เหม่ยหลันที่ยืนอยู่ด้านนอกสั่นเทาด้วยความเสียใจ แม้ครอบครัวของนางจะไม่ได้ร่ำรวยเงินทองเหมือนอย่างคนอื่น แต่บิดามารดาก็ไม่ได้ยากจนพอที่จะให้ใครมาหยามเกียรติเช่นนี้
นางได้ยินเหมือนพวกเขากำลังทะเลาะกัน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนางทั้งสิ้น แม้จะรู้ว่าตนเป็นเพียงแค่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า แต่นับจากนี้นางจะเป็นภรรยาของลี่เซียนแต่เพียงผู้เดียว
“นางเป็นฮูหยินของข้า เรื่องคู่ชีวิตให้ข้าเป็นคนเลือกเองเถิดขอรับ” น้ำเสียงตอบกลับอย่างเย็นชา
“ลี่เซียน นี่เจ้าเลอะเลือนไปแล้วงั้นรึ”
“ข้าได้ลั่นวาจากับผู้มีพระคุณเอาไว้แล้วท่านแม่ ข้าเป็นถึงแม่ทัพจะเสียสัจจะไม่ได้อย่างเด็ดขาด หากท่านแม่ไม่มีอะไรแล้วเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนขอรับ”
ลี่เซียนเดินออกมาโดยที่ไม่ได้สนใจเสียงเรียกของมารดา เขาหยุดอยู่ตรงหน้านาง เอ่ยว่า “นับจากนี้ไปที่นี่คือบ้านของเจ้า”
ฟานเหม่ยหลันเหมือนได้ยาดีหล่อเลี้ยงใจ แม้นคนในจวนสกุลเจียจะรังเกียจและคิดว่านางเป็นเพียงสตรีไร้หัวนอนปลายเท้า แต่ตราบใดที่มีลี่เซียนอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรนางก็พร้อมที่จะเผชิญ
มีหลายครั้งที่นางถูกบ่าวรับใช้ในจวนดูแคลนและมักจะนินทาให้ได้ยิน แต่เหม่ยหลันก็ไม่คิดที่จะเก็บมาใส่ใจ จนกระทั่งวันหนึ่งนางก็บังเอิญไปได้ยินบ่าวรับใช้กำลังนินทาเรื่องของนางอย่างสนุกปาก
“พวกเจ้าคอยดูเถิด สตรีไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างฮูหยิน สักวันจะต้องถูกท่านแม่ทัพยื่นหนังสือหย่าเป็นแน่” เสียงซุบซิบของบ่าวรับใช้ในจวน
“นั่นสิ ข้าเองก็เห็นด้วยไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับคุณชายของเราไปมากกว่าคุณหนูเยว่ซินอีกแล้ว” หนึ่งในนั้นพูดเสริม
‘เยว่ซิน คือผู้ใดกัน’
“ฮูหยิน ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีนะเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวจะเข้าไปสั่งสอนพวกนางเอง” เจียวมิ่งบ่าวรับใช้ที่ลี่เซียนส่งมาคอยดูแลนาง เอ่ยขึ้น พร้อมกับทำท่าจะเดินเข้าไว้เอาเรื่อง แต่เหม่ยหลันที่ไม่อยากมีเรื่องจึงห้ามไว้ ในใจได้แต่สงสัยว่า ‘เยว่ซิน’ คือใครกัน
“เจียวมิ่งเจ้ารู้หรือไม่ว่า ‘เยว่ซิน’ คือผู้ใดกันเหตุใดทุกคนที่นี่ถึงชอบพูดถึงกันนัก” นางเอ่ยถามสาวใช้ด้วยความใคร่รู้ ในใจรู้สึกเจ็บแปลบอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เรื่องนี้บ่าวเองก็ไม่รู้แน่ชัดหรอกเจ้าค่ะ แต่เห็นคนเขาพูดกันว่านางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านเสนาบดี และเป็นสตรีที่งดงามมากทีเดียวเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องรายละเอียดบ่าวเองก็ไม่รู้แน่ชัด”
ฟานเหม่ยหลันไม่คิดถามอะไรอีก แม้จะสนใจใคร่รู้ว่าสตรีนางนั้นเกี่ยวข้องอันใดกับสกุลเจีย แต่นางก็ไม่กล้าพอที่จะตามสืบเรื่องนี้ต่อ สัญชาตญาณบางอย่างบอกให้นางอย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
คืนนั้นหญิงสาวนอนไม่หลับนางจึงออกมาเดินรับลมเล่นอยู่ที่ศาลา บรรยากาศในค่ำคืนนี้ไม่สามารถทำให้หัวใจของนางสงบลงได้เลย
“ดึกแล้วทำไมถึงยังไม่นอนอีก อากาศเย็นแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้” เสียงสุขุมนุ่มลึกทำให้เหม่ยหลันหันกลับไปมอง พอเห็นว่าเป็นสามีใบหน้าที่หม่นหมองเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มชวนมอง
“ลี่เซียนเจ้ากลับมาแล้วหรือ”
“อืม! มีเรื่องที่ต้องสะสางนิดหน่อย แล้วนี่เหตุใดถึงยังไม่นอนอีก”
“ข้านอนไม่หลับ เลยออกมาเดินรับลมเล่น”
“ทำไม! ยังคิดมากเรื่องครอบครัวข้าอยู่อีกหรือ นับจากนี้ขอเพียงเจ้าอดทน เชื่อว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี”
“ลี่เซียนไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร ขอเพียงมีเจ้าอยู่ข้ามั่นใจว่าจะผ่านมันไปได้” เหม่ยหลันรู้สึกดีทุกครั้งที่เขาแสดงถึงความเป็นห่วง แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยมองนางเป็นอื่นนอกจากคำว่าสหาย แต่นางหาได้คิดเช่นนั้นไม่ เพราะตราบใดที่ยังเป็นสามีภรรยากัน นางก็ยังมีโอกาสที่จะได้หัวใจของเขามาครอบครอง
“เจ้าคิดได้เช่นนั้นก็ดี รีบกลับเข้าเรือนนอนเถิด น้ำค้างลงแล้วเดี๋ยวจะป่วยเอาได้”
“เจ้าเพิ่งหลับมาถึงเหนื่อย ๆ มาเถิดเดี๋ยวข้าเตรียมน้ำอาบให้เจ้าเองดีหรือไม่”
เจียลี่เซียนไม่ได้เอ่ยหรือปฏิเสธ เขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้นางรู้สึกดีใจยิ่งนักที่จะได้อยู่ปรนนิบัติเขาในคืนนี้
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาความสัมพันธ์ของนางและเขาก็เหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี แม้เขาจะไม่เคยเอ่ยปากว่ารู้สึกเช่นไรแต่พอเห็นเขายิ้มให้ ก็เผลอคิดไปไกลว่าเขาคงจะเริ่มมีใจให้นางไม่มากก็น้อย
ฟานเหม่ยหลันใช้ชีวิตอย่างสงบโดยไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับใคร แม้จะถูกบ่าวรับใช้นินทา แต่พักหลังนางเองก็เริ่มจะโต้กลับบ้างแล้วเช่นกัน ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีร้ายกาจแต่นางก็หาได้ใส่ใจไม่ ขอเพียงลี่เซียนและคนที่ดีกับนางอย่างเจียวมิ่งเข้าใจก็เพียงพอแล้ว
......................