.ที่นอนคืนนี้
เดินเป็นเสือติดจั่นก็ไม่ช่วยให้นิยาดาเอาตัวรอดได้ หนทางที่จะออกไปจากที่นี่มีแค่ทางเดียวคือไร้ลมหายใจ คนเหล่านั้นไม่ได้ยืนเฝ้าก็จริง ในสถานการณ์แบบนี้การเดินฝ่าป่าออกไป ไม่ใช่เรื่องดีเลย ด้านหลังเป็นหน้าผา ด้านหน้ามีแต่ป่า การเดินเท้าเพื่อออกไปหาคนช่วยคือความคิดที่สิ้นคิดจริงๆ เธออาจถูกสัตว์ป่าทำร้ายไม่มีชีวิตรอดเลยก็ได้ เสียงคำรามดังแว่วๆ นั่นไง นิยาดาเลยขยาด ไหนจะอากาศเย็นเฉียบนั่นอีก กลางวันพอทนได้ แต่กลางคืนล่ะ เธอจะรอดได้ยังไง
นิยาดาเลยเลือกที่จะเข้าไปสำรวจกระท่อมโทรมๆ ด้านหลังแทน
พื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นสูงกว่าหนึ่งคืบ เฟอร์นิเจอร์ที่เห็นไม่มีชิ้นไหนใช้ได้จริงเลย นอกจากกันฝนกันลมได้ นอกนั้นแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“หิวจัง...”
ท้องเธอร้องครวญครางมาได้พักใหญ่ อาหารที่ตกถึงท้องครั้งสุดท้ายเวลาไหนนิยาดาก็จำไม่ได้แล้ว มีสวิตช์ไฟอยู่ที่ผนัง เธอลองกดสวิตช์ แต่ไฟฟ้าใช้การไม่ได้แล้ว ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นหลังกดสวิตช์อันนั้น แสงสว่างก็โรยตัวลงทุกที หากไม่อยากอยู่ท่ามกลางความมืด เธอควรก่อไฟไว้ก่อน ขาเก้าอี้ โต๊ะเก่าๆ นิยาดาลากมากองไว้กลางบ้าน จัดการใช้ความรู้สมัยเด็กเพื่อจุดไฟให้ความอบอุ่นกับตัวเอง กว่าไฟจะติดเธอเสียเหงื่อไปไม่น้อย แถมหิวเพิ่มมากขึ้นกว่าเก่าจนบรรยายไม่ถูก เธอไม่เคยตกอับแบบนี้มาก่อน ถึงชีวิตจะลุ่มๆ ดอนๆ แต่เรื่องอาหารการกินไม่เคยอัตคัด
“โอ้ย...หิว”
ทั้งหิวน้ำ หิวอาหารบรรยายออกมาไม่หมดทีเดียว คนพวกนั้นตั้งใจจับเธอมาเพื่อต้องการให้ตาย เขาเลยไม่ใส่ใจดูแลเรื่องปากท้องของเธอ ดังนั้นหากอยากรอดคงต้องหาทางช่วยตัวเองก่อน
ฟ้ายังไม่มืดเท่าไหร่ ไฟก็จุดไว้แล้ว หากเสี่ยงออกไปหาน้ำ หาอาหารประทังชีวิตคงดีกว่านั่งไว้อาลัยให้ตัวเองเฉยๆ
คนสู้ชีวิตอย่างนิยาดาไม่อยากยอมแพ้ เธอมองหาอุปกรณ์ที่น่าจะใช้ประโยชน์ได้ ทั้งขุด ทั้งเขี่ย หรือใช้ป้องกันตัวเองได้ ท่อนเหล็กขนาดพอเหมาะมือแรงผู้หญิงอย่างเธอยกได้สบายๆ กับแกลลอนน้ำเก่าๆ สำหรับใส่น้ำสะอาด เรื่องที่หลับที่นอนค่อยหาเอาใหม่ หลังอิ่มท้องแล้วกัน
เพราะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นิยาดาเลยไม่หมดหวัง เธอเจอเถามันกอใหญ่ ไม่ไกลจากกระท่อมที่เธออยู่ แถมมีลำธารเล็กๆ ซึ่งสะอาดใช้ได้ นาทีนี้เรื่องอื่นแทบไม่อยู่ในหัว ขอแค่มีชีวิตรอดตอนนี้ก่อน นิยาดาไม่สนเรื่องอื่นแล้ว
มีน้ำสำหรับจิบแก้กระหาย กับหัวมันหัวใหญ่ๆ ที่น่าจะกินกันตายได้เป็นอาทิตย์ เธอกลับมาที่กระท่อมโยนมันใส่กองไฟ และเริ่มสำรวจในกระท่อมแบบจริงจังอีกครั้ง กระท่อมโล่งๆ เหมือนไม่ได้ใช้งานมานานแสนนาน ไม่มีอุปกรณ์ในการดำรงชีวิต มีแต่ฝุ่นกับหยากไย่ นั่นไม่ใช่ปัญหา หากยังไม่ตายเธอก็ยังมีหวัง
ผ้าห่มเก่าๆ เต็มไปด้วยฝุ่นและกลิ่นอับ
คงต้องพรุ่งนี้แหละถึงจะทำความสะอาดได้ เธอแย้มหน้าต่างออกสอดส่ายสายตามองด้านนอก แล้วก็ต้องรีบหดศีรษะกลับ รีบปิดหน้าต่างมือไม้สั่น ดวงตาสีแดงหลังดงไม้ คงเป็นสัตว์ร้าย เจ้าของเสียงคำรามที่ได้ยิน นิยาดามองเปลวไฟลุกโชน คืนนี้คงต้องหลับๆ ตื่นๆ คอยเติมไฟไม่ให้มอดลง ไม่อย่างนั้นไอ้ตัวข้างนอก คงเข้ามาลากเธอไปเป็นอาหารแน่ๆ
ระหว่างที่รอให้มันหัวใหญ่สุก นิยาดาก็อดไม่ได้ที่จะเศร้า
เธอมาแสวงโชคเพื่อปากท้องตัวเองแท้ๆ ไม่คิดว่าจะซวยได้ขนาดนี้
นิยาดาแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักผู้ตายมาก่อน ความทรงจำที่ไม่ปะติดปะต่อนั่นอีก เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่?
“ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยคิด” พอคิดเรื่องเหตุการณ์วันนั้น เธอก็ปวดหัวตุ๊บๆ เลยลองสอดมือใต้ผมยาวสยาย เลยพบว่าจุดนั้นมีรอยนูนๆ อาการปวดนั่นเกิดจากสาเหตุนี้นี่เอง เธอคงพบเหตุฆาตกรรมนั่นเข้า ฆาตกรเลยลงมือกำจัดเธอด้วย โชคดีที่เธอไม่สิ้นใจเหมือนผู้ชายคนนั้น
แต่โชคร้าย...เธอดันจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ด้วยนี่สิ
เพราะรู้ว่าบุตรชายคนโตกลับมาที่คฤหาสน์ ริโอเลยพยายามแบกสังขารที่ร่วงโรยลงมาร่วมรับประทานมื้อค่ำกับเบนเดอร์ด้วย แววตาปริ่มสุขของบิดาไม่ได้ทำให้เบนเดอร์รู้สึกดีขึ้นเลย เขาละอายที่ต้องปิดความจริงเรื่องน้องชายไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นริโออาจทรุดลงเลยก็ได้
“พ่อไม่ไหวก็ไปพักเถอะ อย่ามาทรมานเพราะผมเลย” เบนเดอร์เปรยลอยๆ ใช้มีดหั่นสเต๊กไปพลางๆ
“นานๆ ลูกจะกลับมาสักที เสียดายเลียมไม่ได้อยู่ด้วย” ริโอฝืนพูด เขาเหนื่อยหอบหลังจากนั้น
“คนงานเยอะอย่างผมเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกครับ”
“เพลาๆ บ้างเถอะ หรือไม่ก็แบ่งงานให้เลียมคอยช่วย ลูกจะได้เหนื่อยน้อยลงไงเบน”
เบนเดอร์ถอนใจแรงๆ เงยหน้ามองบิดา “พ่อแน่ใจเหรอว่าเลียมจะไหว พ่อเลี้ยงหมอนั่นมาเหมือนไข่ในหิน หากกระทบกระทั่งกันเลียมเอาตัวรอดได้จริงๆ เหรอครับ”
“ลูกก็สอนน้องสิเบน”
“สอนน่ะสอนได้ แต่บ้างเรื่องมันก็ต้องเรียนรู้เองนะพ่อ เลียมมีบารมีไม่มากพอให้ใครยำเกรงได้เลยนะครับ ให้เลียมอยู่กับพ่อนั่นล่ะ ดีที่สุดแล้ว”
วงการสีเทาที่ต้องมีอำนาจ คนเปราะบางอย่างเลียมไม่ไหวหรอก ถึงแม้น้องชายจะยังมีชีวิตอยู่ เบนเดอร์ก็ไม่เคยคิดที่จะดึงน้องเข้ามาในวังวนอันตรายนี่
“พ่ออยากให้เบนกับเลียมสนิทกันมากกว่านี้”
“เท่าที่เป็นอยู่นี่ สนิทไม่พอหรือไงครับ”
“พ่อห่วงเลียม” ริโอเปรย
เบนเดอร์ถอนใจแรงๆ ตัดสินใจยังไม่บอกบิดา ริโอไม่น่าจะรับไหวหากรู้ความจริงว่าเวลานี้ เลียมไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
เขาเป็นมาเฟีย
วงการมืดนี้ไม่แกร่งจริงอยู่ไม่ได้ ผลประโยชน์มหาศาลลวงคนโลภเอาชีวิตมาทิ้งไม่น้อย เบนเดอร์ถูกหล่อหลอมให้เป็นผู้นำตั้งแต่เกิด เขามีความสามารถและแกร่งพอที่จะทำให้กาสิโนของริโอผงาดขึ้นมายืนเป็นหัวแถวได้สบายๆ
แค่เอ่ยนามเบนเดอร์ก็แทบจะไม่มีใครกล้า
มีเพียงซามูเอลและฮัดสันของเขาเท่านั้นมั้งที่ยังอาจหาญ คงเป็นเพราะสองตระกูลใหญ่คานอำนาจกันมาหลายรุ่น ต่างคนต่างมีดี และไม่อยากยอมกันง่ายๆ
กาแฟยามเช้าท่ามกลางไอหมอกที่ยังไม่ทันระเหย วิวทะเลที่เห็นลิบๆ ไม่ได้ช่วยให้เบนเดอร์รู้สึกปลอดโปร่งเลย เขานอนไม่หลับทั้งคืน กระวนกระวายเหมือนมีเรื่องค้างคาอยู่ในใจ เมื่อทนนอนต่อไม่ได้เลยลุกออกมาเดินเล่น และมาจบอยู่ที่ระเบียงด้านหลังคฤหาสน์ ทอดอาลัยไปกับเสียงคลื่นเสียงลม
“เจ้านายนอนไม่หลับเหรอครับ” เดอเรกแหกขี้ตาตื่นตาม เขาสั่งห้องครัวให้เตรียมอาหารมื้อเช้าให้เจ้านาย และเดินมาหย่อนก้นนั่งเยื้องๆ เบนเดอร์
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“อีกสักครู่สาวใช้คงนำมื้อเช้ามาเสิร์ฟครับ” เสียงย่ำเท้า เสียงเอะอะตามมาติดๆ มาเรียแม่บ้านประจำคฤหาสน์เดอร์ลาคัวล์โผล่หน้ามายิ้มแผล่ พร้อมกับสาวใช้สองสามคนที่ประคองถาดใบใหญ่ติดมาด้วย
“ทำไมไม่มีใครบอกอิฉันเลยคะว่าคุณหนูมาถึงตั้งแต่เมื่อเย็นวาน”
มาเรียบ่นพึม พลางยกโถกาแฟและเครื่องเคียงวางตรงหน้าเจ้านายหนุ่ม
“นี่มาเรีย จะเตรียมอะไรมานักหนา รู้ทั้งรู้ว่าฉันดื่มแค่กาแฟอย่างเดียว” เบนเดอร์ตอบ ยื่นมือไปรับแก้วกาแฟควันกรุ่นจากมือมาเรีย
“คุณหนูผอมลงไปเยอะเลยค่ะ ต้องบำรุงหน่อย”
มาเรียเป็นคนคนเดียวในคฤหาสน์เดอร์ลาคัวล์ที่ไม่เกรงกลัวเบนเดอร์ละมั้ง คงเพราะมาเรียเป็นคนเก่าแก่ อยู่มาตั้งแต่มาดามเดอร์ลาคัวล์ยังไม่สิ้นใจ เห็นเบนเดอร์มาตั้งแต่แรกคลอด
“เช้าๆ ฉันกินอะไรไม่ลงหรอก” เบนเดอร์ตอบเสียงแผ่ว
“กินเข้าไปเถอะค่ะ ไม่เสียหายอะไร อย่าเลียนแบบคุณเลียมเลย ขานั้นลดน้ำหนักตะบี้ตะบัน หุ่นผอมบางเหมือนกระดาษเข้าไปทุกวันแล้วค่ะ”
เบนเดอร์เงยหน้าหัวเราะ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกดีหลังถูกบ่น
“สาวๆ ชอบผู้ชายแบบเลียมนี่”