บทที่ 11 พบเจอคนคุ้นเคย

1846 Words
เมื่อเข้ามาในบ้านตง ทั้งสามได้แต่มองหน้ากันไปมา แม้แต่เกาซื่อหลินก็เงียบปากสนิท จนตงเหวินหมิงคิดว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไป และคิดให้หญิงสาวทั้งสองคนพูดคุยกันเลยลุกขึ้นยืนและจะเดินเลี่ยงไปทางหลังบ้าน แต่ทว่าหยางเหมยจินกลับรั้งเขาไว้ “คุณไม่ต้องไปไหนหรอกค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณเการู้ได้อย่างไรว่าเราไม่ได้เป็นคู่หมั้นกัน ฉันคิดว่าคุณอยู่ฟังด้วยดีกว่าค่ะ” หยางเหมยจินเวลานี้คิดว่าชายหนุ่มคือคนในครอบครัว อย่างไรเธอคิดว่าเขาควรจะอยู่ด้วย เกาซื่อหลินไม่พูดอะไรเมื่อหยางเหมยจินทำแบบนี้ แต่ทว่าใบหน้างามกำลังอาบไปด้วยน้ำตา ไม่คิดว่าสามวันที่เธออยู่ที่นี่อย่างเดียวดาย สุดท้ายแล้วก็เจอเข้ากับหวางเฟยอีกครั้ง เกาซื่อหลินคุกเข่าตรงหน้าหยางเหมยจิน จนทำให้ทั้งสองคนตกใจ ก่อนที่จะยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเธอจะคลานเข้าไปกอดขาหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะเรียกเธอเบาๆ ว่า “หวางเฟยของบ่าว” เมื่อพบว่าอีกฝ่ายใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาและพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ไว้ก็ยิ่งตกใจ แม้แต่ตงเหวินหมิงยังแปลกใจกับการกระทำของหญิงสาวจากบ้านเกา “เดี๋ยวก่อนคุณเกานี่คุณกำลังทำอะไร อย่าทำแบบนี้เลย ว่าแต่เมื่อครู่นี้คุณเรียกฉันว่าอะไรนะ” หยางเหมยจินพยายามห้าม เมื่อเห็นเกาซื่อหลินเข้ามากอดขาเธอไว้ แต่เพราะได้ยินประโยคนั้นไม่ชัดเลยถามย้ำอีกครั้ง “หวางเฟย หวางเฟยของหม่อมฉัน ชาตินี้หม่อมฉันไม่คิดว่าจะได้พบกับหวางเฟยอีกแล้วเพคะ” เพียงคำพูดประโยคนี้ก็ทำให้หยางเหมยจินตัวแข็งทื่อ ก่อนจะสบตาอีกฝ่ายคล้ายกับค้นหาบางอย่าง เมื่อเกาซื่อหลินเงยหน้าสบตาไม่ยอมหลบและฉายแววตาที่คุ้นเคยออกมา หยางเหมยจินจึงเอ่ยเรียกชื่อบ่าวคนสนิทออกไปอย่างตื่นตกใจ “จิงจิง นี่เจ้าใช่หรือไม่” “ฮือ ๆ เพคะหวางเฟย หม่อมฉันลู่จิงจิงเอง หม่อมฉันดีใจที่สุดเลยที่เจอพระองค์อีกครั้งเพคะ” เกาซื่อหลินหรือนางกำนัลจิงจิงร้องไห้โฮออกมาทันทีและเรียกอีกฝ่ายด้วยสถานะเดิม แม้จะดีใจที่เจอคนสนิท แต่หยางเหมยจินก็ไม่ลืมว่าตอนนี้ตนเองนั้นอยู่ที่ไหน เลยรีบเอ่ยห้ามออกไปทันที “จิงจิงอย่าพูดอย่างนี้แล้วก็ลุกขึ้นมาก่อน เวลานี้เราไม่อยู่สถานที่คุ้นเคย อีกอย่างตอนนี้เธอก็เป็นลูกหลานสกุลเกา ดังนั้นเราทั้งสองคนใช้สำเนียงและภาษาของคนที่นี่เถอะ และเรียกฉันว่าพี่สาวเหมยจินก็พอ ว่าแต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร วันนั้นฉันได้ให้ทหารองครักษ์พาเธอหนีแล้วไม่ใช่หรือ” แม้จะข้ามเวลามาเพียงไม่กี่วัน แต่เพราะนอนกับตงฟางลี่เลยทำให้เด็กน้อยสอนการพูดและเล่าถึงชีวิตของคนที่นี่แทบจะทั้งคืน บวกกับระหว่างทางที่ตกลงจากฟ้าหยางเหมยจินได้ผ่านห้วงเวลาของคนยุคนี้มาพอสมควร จึงมีการซึมซับมาไม่น้อย ทำให้เธอพูดและทำกิริยาท่าทางเหมือนคนยุคนี้ได้อย่างไม่ขัดเขิน “ใช่ค่ะ วันนั้นทหารองครักษ์ได้พาฉันหนีไปแล้ว แต่เพราะเป็นห่วงเจ้านายฉันเลยหนีกลับมา แต่ไม่คิดว่าหวางเฟยจะกระโดดหน้าผาและตัดขาดสัมพันธ์รักกับท่านอ๋อง ฉันตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เลยคิดว่าขอตายกับหวางเฟย จะได้อยู่รับใช้หวางเฟยในปรโลก แต่เรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ในร่างนี้แล้วค่ะ ฉันอยู่ในร่างนี้จึงทำให้ได้ภาษาและความทรงจำของร่างนี้มาด้วยค่ะ” จากนั้นหญิงสาวจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดของร่างนี้และสิ่งที่เธอพบเจอให้หยางเหมยจินฟัง โดยไม่สนใจเลยว่าเวลานี้จะมีตงเหวินหมิงร่วมวงสนทนาอยู่ด้วย ส่วนชายหนุ่มก็ดีใจที่อีกฝ่ายเท่ากับมีญาติสนิทแล้ว เมื่อฟังเรื่องราวอย่างละเอียด หยางเหมยจินก็ดีใจจนบอกถูกที่เธอไม่ได้โดดเดี่ยวเหมือนครั้งแรก ไม่คิดว่าสาวใช้ที่อยู่กับตนมาตั้งแต่วัยเยาว์จะข้ามมิติมาด้วยเช่นกัน ส่วนเธอก็เล่าเรื่องของตนเองเช่นกันโดยเฉพาะเรื่องที่เธอมีมิติ แต่ก็แปลกใจเมื่อเห็นว่ารูปลักษณ์ของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป “แต่ก็น่าแปลกนะซื่อหลิน ฉันข้ามเวลามาทั้งตัว แต่เธอกลับเข้ามาอยู่ในร่างของคนอื่น” เธออดคิดเรื่องนี้ไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่คิดว่าตนเองตายจากที่นั่นแล้ว แต่ทำไมเมื่อข้ามเวลามาที่นี่ถึงได้มาทั้งตัวล่ะ ซึ่งต่างจากสาวใช้ข้างกายของชาติก่อนที่มาอยู่ในร่างของคนอื่น “เรื่องราวเหล่านี้ไม่มีใครตอบได้หรอกค่ะ ทุกอย่างคงเป็นบัญชาสวรรค์” เกาซื่อหลินเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากคิดหาสาเหตุ “คงจะเป็นอย่างที่เธอบอก เอาเป็นว่าเราทั้งสองคนไม่ว่าจะข้ามเวลามาด้วยรูปลักษณ์ใด แต่เราก็ตายจากที่เดิมแล้ว หลังจากนี้คงทำได้เพียงเริ่มต้นชีวิตใหม่เท่านั้น อย่างน้อยนอกจากบ้านตงแล้ว ฉันคงมีเพียงเธอนี่แหละที่เหมือนครอบครัว ต่อไปเรามาเป็นคนในยุคนี้กันเถอะนะ ลืมเรื่องชาติที่ผ่านมาให้หมดเลย” หยางเหมยจินพูดออกมาอย่างเศร้าใจ เธอต้องการลืมเรื่องราวในอดีตทั้งหมด “พี่สาวเหมยจินอย่าคิดมาก อดีตสอนไม่ต่างจากบทเรียน ยุคสมัยนี้แม้ว่าจะยังมีบางคนที่มีภรรยาหลายคน แต่ก็ยังมีบุรุษที่รักเดียวใจเดียว อยู่แบบผัวเดียวเมียเดียวมากมาย สมัยนี้การคบชู้ถือว่าเป็นเรื่องผิดยิ่งนัก หากวันใดพี่สาวพบเจอรักแท้ พี่สาวจะมีคู่ชีวิตอย่างที่ต้องการมาตลอดแน่นอนค่ะ” เกาซื่อหลินเข้าใจว่าหญิงสาวดูเศร้าลงนั้นคงคิดถึงท่านอ๋อง จึงพูดปลอบโยน และบอกว่ายุคนี้ไม่มีอนุหรือสาวใช้ข้างเตียงกันแล้ว ที่นี่ล้วนแต่แต่งงานผัวเดียวเมียเดียวทั้งนั้น สิ่งที่นายสาวใฝ่ฝันตั้งแต่ชาติก่อนนั้นล้วนมีที่ยุคนี้ “แม้ว่าฉันจะข้ามเวลามา แต่เธออย่าลืมสิว่าร่างกายนี้ได้ผ่านการแต่งงานแล้ว แม้ว่าคนทั่วไปไม่รู้แต่ตัวฉันรู้ดี ฉันคิดว่าคงอยู่ไปแบบนี้แหละดีแล้ว ว่าแต่ที่นี่สามารถทำการค้าได้หรือไม่ ในเมื่อฉันมีมิติเลยคิดว่าจะเย็บและปักชุดขาย รวมถึงขายอาหารเพื่อหารายได้” หยางเหมยจินไม่อยากจะคิดเรื่องการแต่งงาน เพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนมีมลทิน เธอต้องการสร้างตัวและหารายได้มากกว่า “เรื่องการค้าในยุคนี้ยังทำไม่ได้อย่างเสรี นอกจากคนที่มีสัมปทานและใบอนุญาตจากรัฐเท่านั้นจึงจะทำได้อย่างเปิดเผย อย่างเช่นหมู่บ้านข้าง ๆ ที่เจ้าหน้าที่รัฐอนุญาตให้เปิดตลาดนัดวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น สัปดาห์ละสองวัน ที่นั่นสามารถค้าขายอาหารและขายวัตถุดิบที่หาจากป่าได้ แต่การค้าส่วนใหญ่จะเป็นการแอบทำกันมากกว่า และส่วนมากจะค้าขายหรือว่าซื้อของกันที่ตลาดมืด เพราะที่นั่นมีเพียงเงินก็ซื้อได้ แต่ต้องระวังทหารแดงไว้บ้าง เพราะบางคนก็ชอบกลั่นแกล้งกันเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ดีกว่าตนเอง” คราวนี้เป็นตงเหวินหมิงที่ตอบคำถามเรื่องนี้เอง เพราะยุคนี้น่าจะไม่เหมือนกับยุคโบราณที่สามารถค้าขายได้อย่างเสรี “ชอบกลั่นแกล้งกันเหรอคะ” พอได้ยินแบบนี้หยางเหมยจินมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยและสงสัยว่าคนในยุคนี้ใช้ชีวิตกันอย่างไร “ก็เหมือนอย่างร่างนี้อย่างไรล่ะคะ เธอเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโต มีการศึกษาที่ดี แต่เพราะแม่เลี้ยงไม่ต้องการให้ลูกเมียเก่าของสามีได้ดี เลยส่งมาใช้แรงงานที่นี่แทน” เกาซื่อหลินเอ่ยขึ้นมาอีกคน เพราะร่างนี้ก็ถูกกลั่นแกล้งจากแม่เลี้ยง “การใช้ชีวิตในที่แห่งนี้ลำบากเหมือนกันนะ แต่เมื่อมีตลาดนัดให้ขายอาหารได้ ฉันจะลองดู” เธอตั้งมั่นว่าจะทำการค้า อย่างน้อยก็ยังพอหาเงินเข้ากระเป๋าได้บ้าง “ถ้าอย่างนั้นผมจะลองไปคุยกับผู้นำหมู่บ้านนั้นให้ว่าจะขอแบ่งเช่าพื้นที่ได้หรือเปล่า ว่าแต่คุณจะทำอะไรขายหรือ” ตงเหวินหมิงเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ามีความมุ่งมั่นอย่างมาก เลยคิดว่าจะออกหน้าช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เอง “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ขอบคุณมากค่ะ แต่คุณอาจจะต้องเดือดร้อนเพราะสิ่งที่เราได้โกหกไป” หยางเหมยจินหันมาพูดกับชายหนุ่มด้วยความรู้สึกดี ๆ แต่ก็ยังกังวลว่าอาจจะทำให้เขาเดือดร้อนได้ “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเอกสารส่วนตัวของคุณพอถึงกำหนดผมจะไปเอามาให้ รับรองว่าไม่มีปัญหาแน่นอน ส่วนเรื่องค้าขายในตลาดมืด ผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไร คนซื้อกับคนขายนั้นต่างกัน เข้าใจที่ผมพูดหรือไม่ ยิ่งคุณเป็นเพียงผู้หญิง การไปสถานที่แห่งนั้นมันไม่ควรเท่าไรและก็มีอันตรายมากอีกด้วย” “ได้ค่ะ ฉันจะค้าขายเพียงแค่ที่ตลาดนัดในหมู่บ้านที่ได้รับอนุญาต ส่วนวันธรรมดาฉันจะลองตัดเย็บชุดดูก่อน เผื่อว่าจะสามารถนำไปฝากขายตามร้านเสื้อผ้าได้ ว่าแต่ที่นี่มีร้านขายเสื้อผ้าใช่ไหม แต่...ฉันขอให้คุณพาไปในเมืองสักครั้งได้หรือเปล่า อย่างน้อยให้ฉันได้เห็นว่าคนที่นี่ใส่เสื้อผ้ากันแบบไหน จะได้ตัดเย็บถูก” หญิงสาวรับปากว่าจะค้าขายแค่ในตลาดนัดและตัดชุดขายเท่านั้น แต่ในเมื่อตัดสินใจว่าจะตัดเย็บเสื้อผ้าขาย ดังนั้นก็ควรจะเห็นการแต่งตัวของคนยุคนี้เสียก่อน จึงขอให้เขาพาเข้าไปในเมืองด้วย “ได้สิ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องเอกสารส่วนตัวของคุณเรียบร้อยเสียก่อนค่อยพาไปก็แล้วกัน เผื่อโดนทหารแดงตรวจเรื่องเอกสาร” เมื่อเจอแววตาอ้อนวอนของอีกฝ่าย ชายหนุ่มจึงได้ตกปากรับคำอย่างง่ายดาย เกาซื่อหลินที่นั่งอยู่เงียบ ๆ ก็มองการกระทำของทั้งคู่อย่างไม่ละสายตา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD