Love's so hot รักรสเผ็ดร้อน
บทที่ 2
ในห้องทำงานจนขนาดเล็กมีเพียงโต๊ะไม้หนึ่งตัวตัวกับเก้าอี้สำหรับนั่งพูดคุยกับผู้เข้าบำบัด ตรงกลางมีกระจกชนิดพิเศษที่มองเห็นเพียงด้านเดียวกั้นระหว่างกลางร่างกำยำในชุดสูทสีเทากำลังพูดคุยกับจิตแพทย์สาวสวยถึงอาการติดการมีเซ็กซ์แบบรุนแรงถึงขั้นคู่นอนต้องหามส่งโรงพยาบาล 'เฉินหมิงจิน' เข้ารับการบำบัดมาร่วมเดือน ผ่านการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สาวเสียงหวานที่เขาไม่เคยรู้จักแม้แต่ชื่อของเธอ
"ไม่ได้เจอกันอาทิตย์นึงเป็นยังไงบ้างคะ"
สวรสเอ่ยถามผู้รับบำบัดสายตาแสนหวานของสาวสวยเผลอจ้องมองชื่นชมใบหน้าคมคายอย่างไม่ตั้งใจ จนต้องรีบดึงสติตัวเองกลับมา
"ก็เหมือนครั้งก่อน ผมไม่ได้รู้สึกอยากจะมีอะไรกับใครเลยช่วงนี้"
เขาตอบความจริง เหตุผลนั้นก็มาจากสาวปริศนาที่บำบัดเขาอยู่นี่แหละ ไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้จักชื่อ ได้ยินแต่เสียง มีเพียงแค่ความรู้สึกสบายใจเวลาพูดคุยกับเธอ
"งานยุ่งหรือว่าเพราะอะไรคะ"
"ผม...คิดถึงคนๆ นึงจนไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย"
สายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองทะลุผ่านกระจก ถูกส่งถึงคนที่มองเห็นอยู่อีกฟาก จนดวงหน้าขาวนวลพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงฝาดจากการสูบฉีดของเลือดอันมาจากอาการเขินอาย สวรสพยายาเก็บอาการเพราะแม้ว่าเฉินหมิงจะมองไม่เห็นเธอแต่กล้องขององค์กรก็กำลังจับเธออยู่ อีกทั้งเครื่องบันทึกเสียงการสนทนาของทั้งคู่ที่ต้องนำไปเปิดให้ฝ่ายอื่นวิเคราะห์สรุปอาการ
"รวมๆ ก็คือดีขึ้น ใช่มั้ยคะ"
สวรสรีบตัดบกลัวจะถูกคุกคามไปมากกว่านี้ อีกอย่างเธอก็ไม่ได้อยากมีความสัมพันธ์กับใครทั้งนั้นโดยเฉพาะคนที่มาเข้ารับการบำบัดที่นี่ ไม่ได้รังเกียจในสิ่งที่พวกเขาเป็น แต่เพราะสังคมของคนที่มาที่นี่ไม่ใช่สังคมที่คนธรรมดาอย่างเธอจะเข้าไปอยู่ได้ง่ายๆ ลูกค้าส่วนใหญ่มีตั้งแต่ตำรวจยศใหญ่ นักการเมือง นักธุรกิจ ไปจนถึงมาเฟีย ความเครียดอันเกิดจาก ฐานะที่สร้างขึ้นมาแข่งกับคนอื่นทัเงกู้หนี้ยืมสินมากมายจนต้องหาที่ราะบาย ยศใหญ่ที่ต้องแลกมากับศักดิ์ศรีขายทิ้งเลียมาจนได้ตำแหน่งใหญ่โต โอ้อวดไปทั่วปต่ระบายความเหน็ดเหนื่อยกับใครไม่ได้ I here you จึงเป็นสถานที่สำหรับระบายความเครียดให้กับคนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
"ถ้าผมหายแล้ว ขอทำความรู้จักกับคุณมากกว่านี้จะได้หรือป่าว"
"ดิฉันไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้จริงๆ ต้องขออภัยด้วยนะคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันคงต้องขอตัว ส่วนผลสรุปการบำบัดของคุณจะถูกส่งไปที่บ้านภายในอาทิตย์นี้นะคะ ถ้าโชคดีคุณคงไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้ว"
สวรสรีบพูดบของตัวเองแล้ววางสายทันทีจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทันได้แต่ร้องห้าม แต่ช้าไปมือเรียวกดตัดสายแล้ววางหูโทรศัพท์ลงทันที ก่แนจะหันไปจดบันทึกทุกอย่างลงในแฟ้มประจำตัวของคนไข้เตรียมส่งให้ฝ่ายอื่นๆ ทำหน้าที่ต่อไป
"รส เดี๋ยวไปหาคุณรัดดาด้วยนะ เค้าให้พี่มาตาม"
พี่แอนแม่บ้านเดินมาบอกกับนักจิตวิทยาสาวคนสวย เธอยิ้มและพยักหน้ารับก่อนจะหันไปวุ่นกับการเก็บข้างของต่อ สวรสคิดในใจว่ารัดดาคงจะเรียกไปคุยเรื่องทุนอีกล่ะสิ จะเอาอะไรก็จะมาบังคับเอาให้ได้ตลอดเลย การที่ติดหนี้บุญคุณใครสักคนนี่มันอึดอัดใจจริงๆ ร่างบางสาวเท้าเดินอ้อยอิ่งยื่นเอกสารเก็บข้าวของ เลยไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากว่าจะทอดน่องเดินเข้าไปหารัดดาที่รออยู่ในห้องทำงาน
"รสขอโทษที่มาช้านะคะพี่ดา พอดีเพิ่งสรุปเคสลูกค้า vip ของพี่เสร็จ"
สวรสแก้ตัวพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ ใบหน้าที่ตึงไปด้วยโบทอกซ์เปรยยิ้มกลบเกลื่อนความหงุดหงิดทีาต้องรอแม่เด็กนี่นานๆ แม้ในใจจะโมโหแค่ไหนแต่ก็ต้องอดทนกับบ่อเงินบ่อทองของเธอไว้
"คือ...คุณเฉินหมองแขกคนสำคัญเนี่ยเค้าเพิ่งเข้ามาหาพี่ บอกว่ามาบำบัดแล้วเค้าดีขึ้นมาก"
นัดดาเริ่มปูเรื่องที่จะตุยกับบ่อเงินบ่อทองของเธอ
"ก็ดีแล้วล่ะค่ะ รสจะได้บำบัดให้คนอื่นบ้าง คุณเฉินหมิงเข้ามาบำบัดกับเรานานแล้ว แถมยังขอร้องพี่ว่าให้รสบำบัดเค้าคนเดียวแทนที่รสยะได้เปอร์เซนต์มากๆ กลายเป็นไม่ได้ไปเลย"
สวรสพูดประชดประชัน ร่างอวบรีบถลาเข้ามาจับมือเรียวขึ้นไปแนบที่หน้าของเธอ
"แหม..ถือว่าเอาใจหุ้นส่วนใหญ่เถอะนะ เดี๋ยวพี่จะเพิ่มวันหยุด เพิ่มโบนัสให้รสนะ"
"ช่างเถอะค่ะ แล้วเรียกรสมามีอะไรคะ"
"คือ...คุณเฉินหมิงเขาอยาก...นัดรสไปกินข้าวขอบคุณ..."
"ไหนพี่บอกว่ากฏของเราจะไม่อนุญาตให้คนบำบัดกับนักจิตวิทยารู้จักกันไงคะ"
ร่างเล็กลุกขึ้นพร้อมกับโวยขึ้นอย่างทันที
"เดี๋ยวสิรส ใจเย็นๆ ก่อน นั่งลงนะ นั่งลง"
รัดดาประคองเอวบางให้นั่งลงบนก้าวอี้ ใจจริงเธออยากจะไปกินข้าวกับเฉินหมิงเองใจจะขาด แต่เขายื่นคำขาดว่สอยากให้สวรสเป็นคนไป เธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากโน้มน้าวให้น้องสาวในเครือญาติของเธอไป
"นะรสนะ ถือว่าช่วยบริษัท หุ้นที่คุณเฉินหมิงเค้าถืออยู่มันเยอะมากนะ แค่ไปกินข้าวเอง"
"แล้วกฏล่ะคะพี่ดา" "โอ้ยช่างกฏมันเถอะ ของมันยืดหยุ่นได้"
สวรสถอนหายใจ เธอรู้ดีแบ้วว่าคงปฏิเสธพี่สาวคนนี้ไม่ได้แน่ หน้าเรียวพยักหน้าตอบรับอย่างขอไปที
"โอเค!! ขอบใจมากนะรสเดี๋ยววันไหนอะไรยังไงพี่จะไลน์บอกนะ น่ารักที่สุดเลย"
มืออวบยื่นมาหยิกแก้มน้องสาวที่เอาแต่หน้าบึ้งด้วยความไม่เต็มใจ แต่เธอก็ไม่สนหรอก แค่รสยอมไปแค่นั้นก็พอแล้ว
รถสีบลอนด์ทองคันงามแล่นมาจอดที่ลานจอดรถของคอนโดหรูตามพิกัดที่ได้รับในแชทไลน์ ขาเรียวยาวก้าวลงจากรถก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องตามที่ระบุไว้ในแชท ศิริลักษณ์เดินตรงมาด้วยใจที่ร้อนรนตั้งแต่ได้ดูดชิมเมื่อครั้งก่อน เธออยากจะร่วมสนุกกับเขาใจจะขาด กระสับกระส่ายมาหลายวันแล้ว
ก๊อกๆๆ
เมื่อเดินมาถึงห้องที่ว่าศิริลักษณ์ก็เคาะประตูและรอให้มันเปิดออกอย่างใจจดใจจ่อ
"รอนานหรือเปล่าคะ"
เมื่อประตูเปิดออก สาวสวยก็เอ่ยถามพร้อมโปรยสายตาทรงเสน่ห์
"ไม่ เข้ามาก่อนสิ"
เจ้าของห้องเชิญแขกให้เข้ามาในห้อง สาวสวยเดินตรงไปที่โซฟาแล้วหย่อนตัวลวนั่งสายตาคมกวาดมองสำรวจรอบๆ ภายในห้องดูสะอาด และเป็นระเบียบราวกับว่าเพิ่งเปิดใช้งาน
"คุณใช้ที่นี่กับผู้หญิงมากี่คนแล้ว"
ศิริลักษณ์เอ่ยถามหลังสำรวจจนพอใจแล้ว
"ผมไม่ใช่สถานทึ่เดิมกับคนเดิมๆ"
เป็นไปตามที่ศิริลักษณ์คิดไว้ไม่มีผิดห้องนี้เป็นห้องใหม่
"นี่ ใส่ซะเวลาอยู่กับผมที่นี่คุณต้องใส่มันไว้ตลอด"
"ปลอกคอ...หมา?"
มือเรียวหยิบของที่เฉินหมิงเพิ่งโยนให้ขึ้นมาดูแล้วยกขึ้นถามเขา
"ใช่ อยู่ที่นี่คุณเป็นสัตว์เลี้ยงที่จะรับคำสั่งจากผมที่เป็นเจ้านาย และคำสั่งแรกของผมคือถอดเสื้อผ้าออกให้หมด"
ปากเรียวสีส้มอิฐกระตุกยิ้มอย่างชอบใจ นึกแล้วน่าสนุก เดรสสีดำถูกถอดออก ก่อนจะตามด้วยชุดชั้นในแบรนด์หรู ในตอนนี้ศิริลักษณ์อยู่ในสภาพเปลื่อยเปล่าพร้อมกับสวมใส่ปลอกคอตามที่เฉินหมิงสั่ง
"ฉันต้องทำไงอีกคะ"
"คลานมาหาผม แล้วทำสิ่งที่คุณอยากทำ"
ศิริลักษณ์ยิ้มอย่างพอใจแล้วคลานเข้าไปหาร่างกำยำตรงหน้า มือเรียวตรงเข้าไปปลดกางเกงเพื่อหยิบเอาอาวุธของเขาออกมาแบ้วดูดเลียอย่างหิวกระหาย
"อื้มมม ซี้ดด"
เพลี้ยะ!!
"โอ้ยยย"
เข็มขัดที่เพิ่งถูกหยิบขึ้นมาฟาดลงที่กลางแผ่นหลังขาวเนียนจนแดงเป็นรอย ศิริลักษณ์หยุดกิจกรรมที่กฝทำอยู่แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนฟาด
"นี่เป็นรางวัลจากฉัน เธอทำได้ดี"
"ฟาดอีกสิคะ ฉันชอบ"
เพลี้ยะ!!
"อ๊ะ!!"
เขาฟาดเข็มขัดลงอีกครั้ง รอยแดงมีเลือดซิบที่ขอบเพราะความแรงที่เพิ่มขึ้น ศิริลักษณ์ก้มหน้าลงดูดเลียดุ้นเนื้อนั้นอีกครั้ง หลังถูกปลุกอารมณ์ด้วยความแสบชาที่กลางหลัง สักพักร่างบางก็ถูกยกขึ้นแล้วเหวี่ยงลงบนเตียง เฉินหมิงเดินไปหยิบบางอย่างที่ลิ้นชักข้างหัวนอนออกมา
"อยากสนุกอีกหน่อยมั้ยล่ะ"
ในมือหนาถือเชือกขนาดเท่านิ้วก้อยไว้ ก่อนจะจับแขนทั้งสองข้างของคนบนเตียงกระชากอย่างแรงแล้วจับมัดติดกับหัวเตียง เมื่อจัดการมัดอีกฝ่ายจนพอใจแล้วเฉิสหมิงก็ขยับขึ้นไปบนเตียงแล้วเริ่มทำการทรมานสัตว์เลี้ยงของเขา เฉินหมิงขยับไปที่หัวเตียงแล้วเปิดลิ้นชักเอาอุปกรณ์เซ็กทอยที่เตรียมไว้ออกมา ดีลโด้ขนาดมหึมาถูกหยิบขึ้นมาเป็นชิ้นแรก มือหนาจับขาของศิริลักษณ์ให้ถ่างออกแล้วจัดการยัดของเล่นของเขาเข้าไป
"อ๊าาาา"
คนถูกกระทำร้องลั่นเพราะไม่ทันตั้งตัว เขาไม่ได้ร่อยเป็นค่อยไปอย่างที่ควรจะเป็น มันถูกแทงเข้าไปอย่างทันทีอย่างเร็วและแรง
"ชอบมั้ย!!"
เขาก้มลงกระซิบถาม คนที่เอาแต่หลับตาพยักหน้าตอบรับ เฉินหมิงกดสวิตช์เปิดให้ของเล่นสั่นตัวเพิ่มความสนุกให้กับตัวเองและฝ่ายตรงข้าม
"อื้อออ"
ศิริลักษณ์บิดตัวรับแรงกระทำของอีกฝ่ายอย่างชอบใจ ทั้งเจ็บ ทั้งเสียว แบบนี้สิ รสชาติที่เธอตามหามาทั้งชีวิต
Rrrrr~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะกิจกรรมของทั้งคู่ เฉินหมิงถอนหายใจก่อนจะละมือจากเตียงเดินมากดรับสาย
"ครับคุณรัดดา"
"ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ พอดีมีเรื่องจะบอกสักหน่อย"
"ครับ ยุ่งนิดหน่อย มีอะไรครับ"
"คือ...น้องที่คุณอยากเจอเค้าตกลงไปกินบ้าวกับคุณนะคะ เวลาแล้วก็สถานที่นัดมาได้เลยนะคะ"
ปากเรียวกระตุกยิ้มอย่างพอใจ เขารอเจอคนๆ นี้มานานนับเดือน ในที่สุดวันที่รอคอยก็ใกล้เข้ามาถึงสักที
"ผมจะนัดไปนะครับ"
เฉินหมิงกดวางสายจากรัดดา แค่คิดว่าจะได้เจอเลือดมันก็สูบฉีดจนร้อนไปทั้งร่าง แก่นกายที่มีเปลวไฟอยู่แล้ว ยิ่งร้อนระอุขึ้นมาจนแทบคุมไม่ได้ตาสีนิลจ้องมองร่างบางบนเตียงพร้อมทั้งจินตนาการถึงเสียงใสของนักจิตวิทยาสาวคนนั้น อาการที่ซ่อนไว้ภายในจิตใจถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง คืนนี้ศิริลักษณ์คงต้องรับศึกหนัก มรสุมอารมณ์ที่เงียบสงบไปนานก่อตัวขึ้นในรอบเดือน ร่างกายของสัตว์เลีเยงตัวใหม่คงช้ำระบมนนแทบคลานเหมือนคนอื่นๆ เป็นแน่