Love's so hot รักรสเผ็ดร้อน
บทที่ 3
ร่างบางเดินออกจากห้องน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่พันปิดร่างกายไม่ให้โป๊ ผมยาวสลวยถูกห่อด้วยผ้าอีกผืนเพื่อซับน้ำหลังการสระผม ร่างอรชรทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้รองด้วยเบาะนุ่มมือหนึ่งยกขึ้นเช็ดผม อีกมือกดอ่านข้อมูลที่หาทิ้งไว้ก่อนไปอาบน้ำ นิ้วเรียวกดเลื่อนดูประวัติที่ปรากฏบนข่าวต่างๆ ของเฉินหมิงจินแม้ประวัติเชิงลึกของเขาจะถูกส่งมาที่องค์กรและเธอเองก็ได้อ่านอย่างระเอียดถี่ถ้วนแล้ว แต่สวรสก็ยังอยากที่จะรู้ว่าภาพลักษณ์ของผู้ชายคนนี้ในสังคม มันต่างไปจากในประวัติจริงมากน้อยแค่ไหน
“มีองค์กรการกุศลที่เปิดขึ้นโดยใช้เงินตัวเอง 1 แห่ง ไม่มีประวัติเสียเรื่องผู้หญิง ได้รับรางวัลนักธุรกิจอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จที่สุดในแถบเอเชีย จบตรีที่เซี่ยงไฮ้ โทที่อเมริกา เอก…”
ปากเรียวที่กำลังอ่านออกเสียงข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตหยุดชะงักเมื่อประสาทตามองเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่หลังผ้าม่านที่นอกระเบียงห้อง ร่างบางลุกจากเก้าอี้แล้วค่อยๆ ชะเง้อมองไปที่นอกหน้าต่าง
เยื่องไปจากโต๊ะคอม สวรสค่อยๆ ย่องเท้าตรงไปยังประตูระเบียง ก่อนตัดสินใจปลดกลอนเพื่อจะออกไปดูข้างนอกห้องว่ามีอะไร แต่ไม่ทันได้ออกไปแสงไฟจากรถของศิริลักษณ์สาดเข้ามายังจุดที่สวรสยืนอยู่ดึงความสนใจจากสิ่งผิดปกติไปจนหมด มือเรียวผลักประตูกระจกให้ปิดตามเดิมก่อนจะหยิบชุดคลุมสีขาวมาคลุมตัวแล้วเดินออกจากห้องไปรอรับพี่สาว
ศิริลักษณ์เดินเข้ามาในสภาพอิดโรยเพราะเพิ่งผ่านศึกหนักมามรสุมสวาทที่หิวโหยฟาดฟันลงบนเรือนร่างบางอย่างบ้าคลั่งจนเนื้อตัวเขียวชำไปหมด
"ไปไหนมาทำไมกลับดึกจัง"
น้องสาวที่ยืนรออยู่ในบ้านเอ่ยถาม
"แกเป็นแม่ฉันหรือไงยายรส จ้องจับผิดอยู่ได้ น่ารำคาญ"
ศิริลักษณ์พยายามเดินเลี่ยงจากน้องสาวไป เพราะกลัวแม่สวรสตัวดีขี้สงสัยจะแอบมองเห็นว่าบนเนื้อตัวของเธอนั้นเต็มไปด้วยรอยช้ำ
"พี่ลักษณ์"
"อะไรฉันเมา ง่วงด้วย จะนอนแล้วฝากปิดประตูด้วยก็แล้วกัน!!!"
ขาเรียวยิ่งรีบสาวเท้าเดินไปที่ห้องของตัวเองให้เร็วขึ้นอีกปล่อยสวรสยืนมองตามแผ่นหลังของพี่สาวกระทั่งศิริลักษณ์เปิดประตูเข้าห้องไป หลังจากปิดไฟปิดประตูเรียบร้อยแล้วสวรสก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง แล้วจัดการถอดชุดคลุมออก เดินไปที่มุมโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อทาครีมบำรุงผิวก่อนนอนเหมือนทุกคืน
"อย่าขยับ"
เสียงปริศนาดังขึ้นจากด้านหลัง สวรสที่อยู่ในสภาพแทบเปลือยรีบหมุนตัวหันไปหาต้นเสียง แต่ต้องชะงักเมื่อพบกับชายฉกรรจ์ในชุดสีดำ สวมหมวกปิดบังใบหน้า ทั้งยังยืนจ่อปลายกระบอกปืนมาที่เธออีกด้วย ตามหลักจิตวิทยาการไม่ต่อสู้เป็นวิธีที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ เพราะหากต่อสู้หรือโวยวายมีโอกาสที่คนร้ายจะตกใจและทำร้ายเราเพื่อปิดปาก
"สงสัยหรอว่าผมเข้ามาในนี้ได้ยังไง"
ผู้มาเยือนเอ่ยถาม หลังจากเห็นสีหน้าของสวรสที่กำลังครุ่นคิด คิ้วเรียวที่ขมวดหากัน อีกทั้งดวงตาที่กลอกไปมาบ่งบอกชัดเจนว่า สวรสกำลังสงสัย
"ข้อแรกคุณต้องจำไว้ว่าอย่าเปิดประตูห้องทิ้งไว้โดยเฉพาะประตูระเบียงเพราะคุณไม่รู้หรอกว่าใครจะเข้ามาหาคุณตอนไหน"
เขาพูดก่อนที่จะนั่งลงบนเตียงของเจ้าของห้องอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปืนในมือยังคงจ่อไปที่ร่างระหงซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากเตียงห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว
"มีแต่โรคจิตเท่านั้นแหละที่ทำแบบนี้"
ปากสีชมพูอ่อนกำลังต่อว่าคนแปลกหน้า ส่วนมือเรียวก็รีบสาวผ้าห่มบนเตียงขึ้นมาคลุมตัว เพราะลำพังผ้าเช็ดตัวผืนน้อยคงปิดเต้าอวบที่ซ่อนไว้ใต้ผ้าไม่มิดแน่
"ถ้าผมเป็นโรคจิต ป่านนี้คงข่มขืนคุณไปแล้ว ขาวๆ อวบๆ แบบนี้ แถมทั้งตัวมีแต่ผ้าผืนเดียวปิด....ไว้แค่ฝ่ามือนึง"
ผู้มาเยือนหยุดเว้นวรรคแล้วมองไปยังบางสิ่งที่เขาสื่อถึงบนเรือนรางของสาวเจ้าของห้อง
"แกต้องการอะไร ถ้าจะเอาเงินเดี๋ยวฉันพอไปเอา แต่ขอใส่เสื้อผ้าก่อน"
"อยากใส่ก็ต้องใส่ให้ผมเห็น จะได้แน่ใจว่าคุณจะไม่หนีไปไหน"
"จะบ้าหรอ แบบนั้นมันก็โป๊สิ"
สวรสโวยลั่น ทำเอาคนที่ถือปืนขู่อยู่ กลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว
"จริงๆ ผมก็เห็นบ้างแล้ว ตอนที่หลบอยู่ข้างนอก ไม่ต้องอายหรอก"
"ทุเรศที่สุด!!" "ไม่ทุเรศนะ หุ่นดี ผิวขาว แล้วก็...โอ้ย"
จังหวะที่คนแปลกหน้ากำลังพรรณนาถึงรูปร่างของสวรส เจ้าตัวกันไปคว้ากระปุกครีมขนาดพอเหมาขึ้นมาปาใส่คนที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วรีบวิ่งตรงไปที่ประตู แต่ความว่องไวของหน้าบวกกับความยากลำบากในการเคลื่อนที่ของสวรสเพราะผ้านวมที่เอามาพันตัวไว้ ทำให้เขาคงว้าข้อมือน้อยของเจ้าของห้องไว้ได้ มือหนาออกแรงกระตุกเพียงเล็กน้อยก็สามารถดึงร่างบางของสวรสให้ล้มลงมานอนอยู่บนเตียงได้อย่างง่ายดาย
"ผมไม่ได้จะทำร้ายคุณ แค่จะมาขอความช่วยเหลือ"
เขากระซิบบอกกับคนที่นอนอยู่ข้างๆ
"ขอความช่วยเหลืองั้นเหรอ บุกเข้ามาในห้องคนอื่นยามวิกาล เอาปืนมาขู่ แถมกำลังลวนลามฉันแบบนี้น่ะเหรอ ฉันไม่ใช่เด็กนะ!!!"
"ถ้าคุณรับปากว่าจะช่วย ผมจะยอมนั่งคุยกับคุณดีดี ตกลงมั้ย"
เขายื่นข้อเสนอ สวรสพยักหน้าตกลงอย่างว่าง่าย เพราะแค่อยากให้เขาปล่อยมือออกจากแขนของตัวเอง
"อ้ะๆ ถ้าคุณพยายามหนีอีก ผมจะจับคุณมัดแล้วนะ"
ทันทีที่เขาปล่อยมือออก สวรสก็ทำท่าจะวิ่งอีกครั้ง เขาจึงรีบร้องขู่พร้อมหยิบปืนขึ้นมาขู่อีกครั้ง
"ฉันขอใส่เสื้อผ้าได้มั้ย"
"ได้ แต่ต้องใส่ตรงนี้ ผมจะหันไปทางอื่น"
"ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่แอบดูฉัน"
"ผมสัญญา อย่าลืมสิว่าผมกำลังมาขอความช่วยเหลือจากคุณอยู่นะ"
สุดท้ายสวรสก็ต้องจำใจยอมทำตามข้อเสนอของเขา หลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมานั่งคุยเป็นเรื่องเป็นราวกันสักที
"ผมชื่อลายไทย เป็นอดีตสายลับของกรมตำรวจ"
"ฉัน..."
"ผมรู้จักคุณ ข้อมูลเกี่ยวกับคุณ ผมอ่านมาหมดแล้ว"
สวรสถอนหายใจเมื่อถูกพูดแทรก
"แล้ว ยังไง จะให้ช่วยอะไร อยากบำบัดแต่เงินไม่ถึงหรอ โรงพยาบาลมีจิตแพทย์คุณไปบำบัดกับเค้าได้นะ ราคาไม่สูงเท่าที่ฉันทำงานหรอก"
"นี่คุณ ฟังก่อนสิ ผมไม่ได้บ้า"
"อ้าว แล้วฉันจะช่วยอะไรคุณได้ ถ้ารู้จักฉัน ก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรอว่าฉันเป็นนักจิตวิทยา"
"นักจิตวิทยาทำได้แค่พูดบำบัดคนหรือไง"
"ทุกวันฉันก็ทำแบบนั้น"
"ผมอยากให้คุณช่วยสืบเรื่อง เรื่องนึง"
"เรื่องอะไร"
"เมื่อ 5 ปีก่อนถ้ายังจำได้ ช่วงปลายปีมีคดีฆ่าหั่นศพเด็กนั่งดริ้ง เป็นข่าวใหญ่สะเทือนขวัญอยู่ช่วงหนึ่ง"
สวรสนึกตามที่ลายไทยบอกก่อนจะพยักหน้ารับและตั้งใจฟังต่ออย่างตั้งใจ
"คดีดังขนาดนั้นถูกสั่งปิดไปอย่างเงียบๆ ทั้งทียังจับคนร้ายไม่ได้ หลักฐานหรือเบาะแสอะไรก็ไม่มีสักอย่าง"
"คุณเลยจะรื้อคดีขึ้นมาหาคนร้ายงั้นเหรอ"
"ใช่ เพราะ ผู้หญิงที่ตาย...เธอเป็นแฟนผม"
คนฟังอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก กับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
"ฉัน...เสียใจด้วยนะ แต่จะให้ฉันจะช่วยคุณยังไง"
" หนึ่งในผู้ต้องหา คือคนที่กำลังบำบัดอยู่กับคุณ"
"ห้ะ!!"
"เฉินหมิงไง มันเป็นคนสุดท้ายที่เจอแฟนผมก่อนที่เธอจะหายไปแล้วกลายเป็นศพที่ถูกชำแหละ"
จริงๆ จากที่ได้สัมผัสพูดคุยกันเฉินหมิงไม่ได้มีท่าทีว่าจะอารมณ์รุนแรงได้มากขนาดนั้น แม้จะรู้ดีว่า การมีรสนิยมทางเพศชนิดซาดิสม์เป็นปกติที่จะทำร้ายคู่นอน แต่ไม่ได้คิดว่าจะรุนแรงถึงขั้นฆ่าแกงกันแบบนั้น
"คุณบอกไม่มีหลักฐานแล้วจะแน่ใจได้ไงว่าเป็นเค้า แฟนคุณอาจจะไปเจอคนร้ายหลังจากอยู่กับเค้าก็ได้"
"คุณรู้ดีที่สุดว่าไอ้เฉินหมิงคนนี้เคยเผลอร้ายทำผู้หญิงที่ร่วมอะไรๆ กับมันจนเข้าโรงพยาบาล นอนพักอยู่ตั้งเป็นเดือน"
"นี่คุณแอบแฮ็กข้อมูลองค์กรฉันด้วยหรอ"
"ผมถึงได้รู้ไงว่ามันบำบัดอยู่กับคุณ แบบไอ้เฉินหมิงน่ะ ต้องส่งจิตแพทย์ถึงจะถูก มันยิ่งกว่าโรคจิตอีก"
"แล้วจะให้ฉันเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเขาน่ะเหรอ ฉันเพิ่วสรุปผลปิดการบำบัดเขาไป เชิญคุณไปหาคนอื่นเถอะ ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอก"
"มันกำลังสนใจคุณอยู่ ถ้าไม่ใช่คุณผมก็ไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากใครแล้ว อีกอย่างคุณรู้จักมันดี แล้วคุณก็ฉลาด ถ้าเป็นคนอื่นคงร่วมงานด้วยยาก ช่วยผมเถอะนะ ส่วนเรื่องความปลอดภัย ผมจะตามดูแลคุณไม่ให้ห่างสายตาเลย ผมสัญญา"
สวรสจ้องมองคนตรงหน้า ในใจกำลังชั่งน้ำหนักเหตุผลว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยดี จริงๆ เรื่องมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ แต่ในแง่ความเป็นเพื่อนมนุษย์มันก็อดไม่ได้ คนๆ นึงต้องถูกฆ่าตายไปอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม เธอมีโอกาสจะช่วยได้จะปล่อยผ่านไปจริงๆ เหรอ
"ถ้าฉันจะช่วย ต้องทำอะไรบ้าง"
เมื่อถกเถียงกับตัวเองดีแล้วสวรสจึงถามคนที่จ้องหน้ารอคำตอบ
"ผมจะคอยบอกทุกอย่างกับคุณแล้วคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ"
ลายไทยบอกกับคนตรงหน้า เขารอเวลาแก้แค้นเฉินหมิงมานานหลายปีกว่าจะได้โอกาสเหมาะขนาดนี้ ในที่สุดคนชั่วก็ใกล้จะได้รับผลกรรมสักที รออีกหน่อยเถอะรอให้ได้หลักฐานแล้วจะเอาคืนให้สาสม