นานๆกลับบ้านที

1430 Words
โดยปกติแล้วปรินทรไม่ค่อยกลับมาบ้านของบิดาที่ต่างจังหวัดนัก ต่อให้มาดูกิจการให้ผู้เป็นพ่อก็เลือกจะพักที่โรงแรมประจำจังหวัดมากกว่า นานนับสิบปีที่เขาอยู่กรุงเทพฯในบ้านที่พ่อซื้อให้ตอนที่เขาเรียนมัธยมพอจบก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ กลับมาทำงานของตัวเอง แม้จะใช้เงินทุนแรกเริ่มจากพ่อแต่การสร้างเนื้อสร้างตัวล้วนมาจากสองมือและลำแข้งของตัวเอง มันก็น่าประหลาดดี พ่อของเขาออกจะเจ้าชู้มีผู้หญิงแนบข้างทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ แต่กลับมีลูกเพียงคนเดียวคือเขา มีหลายครั้งที่มีผู้หญิงหอบลูกมาแล้วบอกว่าพ่อของเขาคือพ่อเด็ก แต่พอตรวจ DNA แล้วก็รู้ว่าโกหก ไม่รู้ว่ารอบนี้ตามเขากลับบ้านเพราะเรื่องนี้อีกหรือเปล่า “นานๆกลับมาบ้านทีทำหน้าดีๆหน่อยไม่ได้หรือไงฮะ” เสียงกำนันทรงชัยบ่นลูกชายคนเดียว ทำให้ปรินทรรู้ว่าพ่อของตัวเองเอนกายนอนบนเก้าอี้ยาว เขาเพียงถอนหายใจเบาๆ ขยับเนกไทให้เลื่อนลงมาแล้วถอดเสื้อสูทออกส่งให้เด็กรับใช้มารับไป “เรียกผมมามีอะไร” “บ่ะ! พ่อจะลูกนี่มันต้องมีอะไรด้วยเรอะ” กำนันทรงชัยลุกขึ้นนั่ง “เรียกมาทีไรมีแต่เรื่องทุกที” คนเป็นลูกทำน้ำเสียงเนื่องๆ แล้วนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ครู่ต่อมาเด็กรับใช้ก็เอาน้ำดื่มมาเสิร์ฟ เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่มหมดแก้ว แล้วเลิกคิ้วสูง เพราะพ่อจ้องหน้าเขาอยู่ “พ่อจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ งานผมเยอะ” เขาทำน้ำเสียงอ่อนลงมาหน่อย “ไม่ล่ะ ข้ารีบพูด พูดจบเอ็งก็เผ่นกลับกรุงเทพฯ ซิ” “พ่อก็รู้แล้วจะเอาอะไรอีกล่ะ” “บ่ะ ไม่น่ารักเลยไอ้ลูกคนนี้” ปรินทรขมวดคิ้ว “ผมเคยน่ารักด้วยหรือไงกัน” พ่อเริ่มคร้านจะต่อปากต่อคำด้วย “พ่อแก่แล้ว ใส่ใจพ่อหน่อย” “รู้ตัวด้วยเหรอ” “อุวะ! เอ็งนี่เลิกทำน้ำเสียงแบบนี้เสียทีเถอะ ไอ้พูดน้ำเสียงโทนเดียวไม่น่าคุยด้วยเลย” กำนันทรงชัยส่ายหน้าไปมา ไม่น่าเชื่อเลยว่าท่าทางแบบนี้ นิสัยแบบนี้ จะกลายเป็นนักธุรกิจพันล้านได้ทั้งที่อายุเพิ่งจะ35เท่านั้น “เอ็งอายุขนาดนี้แล้ว เมื่อไหร่จะมีเมียมีลูกเสียที มันจะโตไม่ทันใช้เอาน่า” “หือ” ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหรี่ตามองพ่ออย่างจับผิด “ใครเสนอตัวเป็นลูกสะใภ้ล่ะ แล้วพ่อเป็นนายหน้าเท่าไหร่” “ไอ้ลูกบ้า ข้ารู้ว่าเอ็งมันหล่อเลือกได้ แต่เห็นอายุสามสิบห้าแล้วยังไม่มีครอบครัวอีก ข้ากับแม่เอ็งได้เสียกันก็ตั้งแต่อายุยี่สิบเอง” “แล้วไง ผมต้องเดินตามรอยเท้าพ่อเหรอ” “โธ่! ที่พูดเพราะเป็นห่วง” “ครับแล้วไงต่อ เรียกมาแค่นี้ โทรศัพท์มาก็ได้ เสียเวลามา จากกรุงเทพฯมาสุรินทร์ไม่ได้ไกลนะพ่อ” “นั่งนี่ตูดยังไม่ทันร้อนก็บ่นจะกลับกรุงเทพฯ แล้วเรอะ เออ หรือมีเมียอยู่กรุงเทพฯ ถ้ามีก็พามาให้พ่อรู้จักบ้างก็ได้ พ่อไม่ถือหรอกนะว่าจะยากดีจนแค่ไหน” “ไม่มี” เขาตอบเหมือนไม่ต้อง “อีกอย่างถ้าจะมี ก็ต้องหาผู้หญิงที่ส่งเสริมหน้าตาหรือการงานได้” “เอ็งคิดอย่างนั้นเรอะ” “ใช่” เขายักไหล่ ลุกขึ้นยืน “แล้วนั่นเอ็งจะไปไหน” “ไปอาบน้ำ เหนียวตัวจะแย่” เขาขมวดคิ้ว “ตกลงพ่อจะเอายังไง” “เออๆ งั้นไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วมากินข้าวเย็นกับพ่อ พ่อสั่งแม่ครัวทำของชอบแกไว้แล้ว” “พ่อรู้เหรอว่าผมชอบอะไร” “ไปๆ รีบมากินข้าว จะได้คุยกัน” ปรินทรเดินไปที่ห้องนอนของตัวเองอยู่ชั้นสองของบ้าน บ้านของกำนันทรงชัยเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว บ้านไม้สักทั้งหลัง ใหญ่โตเกินหน้าเกินตาข้าราชการคนอื่น แน่นอนว่ามันไม่ได้มาจากเงินเดือนกำนัน แต่ก่อนนั้นพ่อทำอะไรหลายอย่าง รับเหมางานก่อสร้างของราชการ ถมที่ดิน ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ส่วนที่เป็นเงินเป็นทองจริงๆ ก็เป็นรายได้จากคาสิโนที่พ่อถือหุ้นใหญ่อยู่ และเขาต้องมาเดือดร้อนรับผิดชอบดูแลบริหารในส่วนของพ่อ ซึ่งเขาพยายามไม่ออกหน้าเต็มตัวเรียกว่าดูแลอยู่เบื้องหลังเพราะเกรงว่าจะกระทบกับภาพจน์ ความน่าเชื่อถือผู้บริหารธนาคารสยามเครดิต จริงๆแล้วที่เขาคิดเรื่องธนาคารรายย่อยนั้นก็มาจากที่เห็นคนกู้เงินนอกระบบนั้นแหละ เขาเองจึงศึกษาอย่างจริงจังและปรับมาเป็นจุดเด่นของธนาคารที่ชาวบ้านทั่วไปเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่ายและถูกกฏหมาย ห้องของเขาสะอาดเอี่ยม คงเพราะพ่อใช้ให้เด็กรับใช้ทำความสะอาดอยู่เสมอ นอกจากเสื้อผ้าแล้ว ก็มีแค่หนังสือตั้งแต่สมัยเรียน อย่างอื่นก็ไม่ค่อยมีอะไรนัก น่าแปลกที่บ้านเขาก็ร่ำรวยแต่เขาไม่ค่อยมีอะไรเป็นพิเศษ ชีวิตตอนเด็กเป็นยังไงนะ เขาแทบจำไม่ได้ นอกจากภาพที่เห็นแม่นั่งร้องไห้อยู่บ่อยๆ ชายหนุ่มสลัดความคิดของตัวเอง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นเสื้อยืดกับกางเกงยีนแล้วเดินลงมาชั้นล่าง พ่อเห็นลูกชายเดินลงบันไดมาแล้วก็หันไปสั่งคนรับใช้ให้จัดการตั้งโต๊ะได้ “จะมีคนอื่นมากินข้าวด้วยเหรอ” “ไม่มีหรอก” พ่อส่ายหน้าไปมาแล้วเดินไปที่ห้องรับประทานของบ้าน ปรินทรมองอาหารบนโต๊ะ แกงส้มชะอมไข่เจียว ผัดพริกปลาดุก แกงอ่อมเนื้อ และข้าวสวยร้อนๆที่เด็กรับใช้กำลังตักใส่จาน ของโปรดของเขาที่พ่อไม่น่าจะจำได้ด้วยซ้ำไป แต่เอาเถอะ เขานั่งที่เก้าอี้ใกล้กับพ่อซึ่งจะนั่งหัวโต๊ะเป็นประจำอยู่แล้ว “กินข้าวซะก่อน” “กินไปพูดไปก็ได้ ไม่ต้องรักษามารยาทกันมากนัก” แต่ไหนแต่ไรก็แบบนั้นแหละ ตอนที่แม่ยังอยู่ กินข้าวอยู่ดีๆก็มีคนมาตามพ่อออกไปบ่อยๆ “เออๆ คืองี้นะ” พ่อเริ่มเข้าเรื่อง “ว่า?” “ข้ากำลังพูดอยู่เว้ย” “เปล่า ผมก็แค่บอกว่าผมฟังอยู่” เขาพูดทั้งที่ตักแกงส้มใส่จานข้าว แล้วส่งเข้าปาก “เออๆ” นับวันยิ่งคุยกับลูกยากเข้าไปทุกที “จำเสี่ยกำธรได้ไหม” “ฮืม” ลูกชายเพียงหยักหน้ารับ คู่แข่งของพ่อ แต่เสี่ยกำธรทำมากกว่าคือมีซุ้มมือปืนกับขายยาเสพติดด้วย “มันมาเหยียบตาปลาของพ่อหรือไง” “ก็ทำนองนั้น” ปกติต่างคนต่างอยู่ “เอ็งก็รู้ว่าช่วงหลังพ่อไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้แล้ว เหลือแค่เรื่องคาสิโนอย่างเดียว เลี้ยงแค่คนเก่าคนแก่ไว้ อยู่ด้วยกันมานาน แต่มันก็เด็กรุ่นใหม่ๆ หามๆห้าวๆเข้ามา มันก็ไปอยู่กับเสี่ยกำธร” “แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง” “พ่อก็หวังปรึกษาเอ็งนั้นแหละ” ปรินทรหยิบน้ำขึ้นมาดื่มเล็กน้อย แล้วมองหน้าผู้เป็นพ่อ “ปกติเรื่องผิดกฏหมายผมไม่ยุ่งนะพ่อ” “รู้แล้ว พ่อเป็นห่วงเด็กๆ แถวบ้านเรา ตัวเล็กตัวน้อยจะไปติดยาเสียหมด เดี๋ยวนี้ยามันหาง่ายยิ่งกว่าลูกอมเสียอีก” “บ้านเราไม่มีตำรวจดีๆหรือไง” “มีครับ แต่เราก็ต้องขอความร่วมมือกับคนในชุมชนด้วย” ปรินทรหันไปมองผู้ที่เข้ามาใหม่ ชายหนุ่มรูปร่างสูงอายุคงรุ่นน้องเขาสามหรือสี่ปี กำนันทรงชัยยิ้มแล้วกวักมือเรียกให้เข้ามาใกล้ๆ “มาพอดี มารู้จักกันไว้ซิ” กำนันทรงชัยแนะนำ “นี่สารวัตรวรดร สารวัตรครับนี่ลูกชายผม” “สวัสดีครับคุณปรินทร ต้องขอโทษที่เข้ามาตอนรับประทานอาหาร” “คนกันเองทั้งนั้น นั่งๆ” “ขอบคุณครับ” ปรินทรกระตุกยิ้มตามมารยาท พิจารณาผู้ชายตรงหน้าที่แต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ็ตเก็ตยีนสีดำสีเดียวกับกางเกงที่เขาสวม อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ว่าถูกพิจารณาด้วยสายตาก็ยิ้มๆ “นอกเวลางานครับ” “ครับ ผมเข้าใจ” ปรินทรยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD