ตอนที่4

1436 Words
คำเตือน ⚠️ ลงดึกเพราะมีเรื่องผี ใจไม่แข็งแนะนำให้มาอ่านพรุ่งนี้เช้านะจ๊ะ ตอนที่ 4 ว่าที่เมีย นี่ก็เข้าวันที่สามแล้วสำหรับการเข้าค่ายสานสัมพันธ์พี่น้องของเหล่าวิศวะ ซึ่งเอาจริงๆมันก็สนุกดีเหมือนกันนะ กิจกรรมของพวกเขาแต่ล่ะอย่างเหมือนมาเที่ยวสนุกกันมากกว่า อย่างเช่นกิจกรรมในคืนนี้ “เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับ” ใช่แล้วค่ะ กิจกรรมของค่ำคืนนี้คือการนั่งรอบกองไฟเพื่อเล่าเรื่องผี “ถ้าน้องผักบุ้งกลัวกระโดดกอดพี่ได้เลยนะครับ” “น้องเขาไม่กล้ากอดมึงหรอกไอวิน มึงอะน่ากลัวกว่าผีอีก” ฉันได้แต่หัวเราะกับเหตุการณ์ตรงหน้า ตลอดเวลาที่อยู่ค่ายกับพวกเขามันทำให้ฉันรู้ว่าพวกเขาเป็นคนดีมากทีเดียว ถึงจะชอบหยอกฉันแต่ไม่เคยมีใครล่วงเกินฉันเลยแม้สักครั้ง พรึบ เสื้อแขนยาวสีดำถูกโยนลงมาคลุมหัวฉัน แทบจะไม่ต้องเดาเลยว่าใครเพราะการกระทำห่ามๆแบบนี้มีแค่ดาวเหนือคนเดียวเท่านั้นแหละ “ใส่ไปเดี๋ยวก็ไม่สบาย” ฉันกำลังจะโยนเสื้อแขนยาวคืนเจ้าของแต่กลับต้องชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมา “เขยิบดิ นั่งด้วย” และก็ได้สติอีกครั้ง เมื่อดาวเหนือแทรกตัวลงนั่งระหว่างฉันและพี่วิน “มาเบียดทำไมเนี่ย” “อย่าเสียงดังสิ” ความเงียบและสายตาจากคนอื่นทำให้ฉันต้องยอมเงียบแล้วยอมให้ดาวเหนือนั่งเบียดอยู่อย่างนั้นแล้วหันไปฟังพี่บีมเล่าต่อ “ทุกคนคงเคยได้ยิน คนโบราณบอกว่าอย่าขานรับเสียงเรียก อย่าเดินตามคนไม่มีเงาใช่มั๊ย” เพียงแค่เปิดเรื่องมาก็ทำเอาขนฉันเริ่มลุกแล้ว ฉันเลยเขยิบเข้าหาดาวเหนืออย่างไม่รู้ตัว “เรื่องมันมีอยู่ว่า มีกลุ่มเพื่อนรักกลุ่มหนึ่งมาตั้งแคมป์ริมทะเลกัน” แง ทำไมเรื่องต้องเกี่ยวกับทะเลด้วยเนี่ยและในจังหวะเดียวกันนั้นเองลมจากทะเลก็พัดผ่านหน้าฉันไปราวกับกล่าวทักทาย ฉันเลยเขยิบตัวเข้าหาดาวเหนือมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้เลยกลายเป็นขาข้างนึงของฉันเกยตักดาวเหนืออยู่ พอรู้ตัวฉันเลยจะขยับออกแต่มือหนากลับคว้าเอวไว้ “นั่งตักเลยก็ได้นะครับ” ดาวเหนือพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ฉันเลยค้อนวงใหญ่ใส่เขา จะขยับหนีก็ไม่ได้เพราะเขารั้งเอวไว้อยู่ “แล้วยังไงต่อวะไอบีม อย่าลีลาดิ” “เออๆ พักกินน้ำแปบเดียว” คนเล่าหันไปกินน้ำต่อก่อนจะกลับมาเล่าด้วยหน้าตาเคร่งขรึม “กลุ่มเพื่อนรักเนี่ยมีกัน 4 คน ชื่อ เอ บี ซี ดี ซึ่งซีเป็นคนที่ชอบเห็นหรือได้ยินอะไรแปลกๆเสมอ วันนี้ก็เหมือนกัน” ‘พวกมึง’ ทั้งสามหยุดกิจกรรมของตัวเองหันมองซีซึ่งเป็นคนเรียก ซีมีสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้องก่อนจะหัวเราะพออกมา ‘ฮ่าๆ กูแค่จะบอกว่า กูหล่อ’ เพื่อนต่างส่ายหน้าในความบ้าของเขาก่อนจะหันกลับไปทำกิจกรรมตัวเองต่อ ส่วนซีก็ก้มหน้าแล้วกระซิบเบาๆว่า ‘อย่ามากวนพวกเราเลย’ และเสียงหัวเราะแหลมๆก็ดังกลับมาให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว ‘หึหึ มาสนุกด้วยกันสิ’ โครม! “กรี๊ด” “เหี้ย!!” ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่ตกใจแต่วิศวะคนอื่นๆก็ตกใจ พากันอุทานเสียงดังไม่ต่างกัน “แหะๆ ขอโทษผมแค่จะเอาน้ำแข็ง” ต้นตอของเสียงมาจากนัทที่ทำฝาลังน้ำแข็งหล่นนั่นเอง ฉันถอนหายใจพลางเอามือทาบอกไว้ “กลัวขนาดนี้กลับไปนอนกันมั๊ย” พรึบ ชิบหาย ฉันมานั่งตักดาวเหนือตอนไหนเนี่ยแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รีบหันหน้ากลับมาเพราะตอนนี้หัวใจฉันเต้นแรงกว่าตอนฟังเรื่องผีอีก “ปล่อยสิ จะลง” ฉันกระซิบบอกเจ้าของตักด้วยเสียงอันเบาที่สุด กลัวคนอื่นจะหันมาสนใจ “จะฟังต่อก็นั่งดีๆ” ดาวเหนือเอ็ดฉันเล็กน้อย พลางกระชับแขนแน่นขึ้น ฉันอยากจะขัดขืนแต่บีมก็ดันเล่าต่อเลยต้องหันไปสนใจฟังบีมด้วยความลุ้น อยากฟังต่อให้จบ “หลังจากที่ซีได้ยินเสียงนั้นเขาเลยเริ่มเครียด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากเล่าให้เพื่อนหมดสนุกกัน จนกระทั่งกลางคืน ซึ่งทุกคนมานั่งล้อมรอบกองไฟกินเหล้าร้องเพลงกัน” โอเค บรรยากาศตอนนี่เริ่มน่าขนลุกกว่าเดิมเพราะเเสงไฟเริ่มน้อยลงกว่าเดิมจนแทบมืดสนิท ลมก็เริ่มแรงขึ้นกว่าเดิม “หนาวหรอ” เสียงเข้มกระซิบถาม “นิดนึง” ความรู้สึกอบอุ่นจากอ้อมกอดด้านหลังทำฉันเคลิ้มไปชั่วขณะก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ เขาคงหนาวด้วยล่ะมั้ง “จากนั้นเอเกิดปวดฉี่ขึ้นมา” ‘กูไปฉี่ก่อนนะ’ ‘เดี๋ยวไอเอ’ ‘อะไรวะ ไอซี คนยิ่งปวดฉี่อยู่’ ‘ถ้าได้ยินเสียงอะไรอย่าขานรับนะ’ เอหัวเราะร่าเพราะคิดว่าเพื่อนคิดจะแกล้งก่อนจะเดินออกไปจัดการธุระตัวเอง ไม่ได้สนใจสิ่งที่เพื่อนเตือน ฟิ้ว ฟิ้ววว สายลมพัดผ่าน จนคนโดนสัมผัสขนลุกซู่แต่ยิ่งไปกว่านั้นสายตาเอดันเหลือบไปเห็นอะไรสักอย่างไหวๆอยู่หลังต้นไม้ ‘เอ เอ’ เสียงเรียกชื่อดังขึ้นราวกับเสียงกระซิบแผ่วเบาลอยมาตามสายลม เอทำเป็นไม่สนใจ คิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนแกล้ง ‘เอ เอ’ ‘เล่นอะไรกับวะพวกเชี่ยเนี่ย’ พรึบ ว่างเปล่า รอบข้างเอว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของสิ่งมี ชีวิตใดๆทั้งสิ้น ‘หึหึ มาสนุกกันเถอะเอ’ ‘เฮ้ย กูไม่เล่นนะโว้ย’ ‘หึหึ’ เสียงหัวเราะดังขึ้น ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนดังอยู่เหนือศีรษะ ด้วยความอยากรู้ เอเลยค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองและสิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาถึงกับตัวแข็งทื่อ เบิกตาโต ขาแข็งไปหมด ผู้หญิงผมยาวถึงเอวในชุดคล้ายระบำชาวเกาะนั่งห้อยขาอยู่บนต้นมะพร้าว เธอค่อยๆฉีกยิ้มกว้างให้เอก่อนจะหยิบมีดกรีดลงบนคอมือตัวเอง เลือดสีแดงสดเริ่มไหลออกมา ออกมาช้าๆ “โชคดีที่ซีไปตามเพื่อนเพราะถ้าช้ากว่านั้นผีสาวระบำเอาเอไปอยู่ด้วยแน่” “โหย ไอเหี้ยหลอนชิบ” “เออ สัสแล้วดูต้นมะพร้าวแถวนี้สิ” ฉันอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองต้นมะพร้าวเหนือศีรษะแต่สิ่งที่เห็นไม่ใช่ต้นมะพร้าวแต่กลับเป็นหน้าหล่อๆของดาวเหนือต่างหาก “ไปนอนได้แล้ว ง่วง” “...” “ไปนอนกัน” ยิ่งฉันเงียบ ดาวเหนือก็ค่อยๆโน้มหน้าลงมา ฉันเลยรีบพยักหน้ากระเด้งตัวออกจากตักเขา “เออๆ ไปสิ” บังกะโล “คืนนี้นายมานอนบนเตียงได้นะ” ฉันพูดเสียงเบาเพราะสองคืนที่ผ่านมาฉันยื่นคำขาดให้ดาวเหนือนอนพื้นแต่คืนนี้หลังจากฟังเรื่องผี ฉันเลยไม่กล้านอนคนเดียวบนเตียงอ่า “หึ กลัวผีละสิ” ดาวเหนือแสยะยิ้มมุมปากแต่ก็ยอมย้ายขึ้นมานอนบนเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอน ฉันเลยทิ้งตัวลงนอนตามโดนเว้นระยะห่างไว้ หมับ “นี่ เอาขาพี่ออกไปเลยนะ” ฉันพยายามดันขายาวที่พาดอยู่ตรงเอวออก นี่มันขาคนหรือเสาไฟวะ หนักชิบหาย “ขอก่ายหน่อย” แต่ไอเจ้าของขาก็ยังคงหน้ามึน ไม่ยอมเอาขาตัวเองออกไป “ได้ ถ้าพี่ก่ายนั้นน้องถีบนะ” “ถ้าน้องถีบพี่เสียบนะครับ” “ไอหื่นกาม” ดาวเหนือหัวเราะร่วน เขาเอื้อมมือมายีหัวฉันก่อนจะวางมันไว้บนหัวแบบนั้น “อือ พี่เหนือเอาออกไป” “พี่ไม่ทำอะไรน้องหรอก ถ้าน้องไม่อนุญาต” ตึกตัก ตึกตัก บ้าจริงทำไมหัวใจเต้นแรงขนาดนี้เนี่ย ขณะที่ฉันกำลังควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ อยู่ๆดาวเหนือก็พลิกตัวขึ้นคร่อมฉัน “หรือว่าน้องอนุญาตแล้ว” “มะ...ไม่ ลงไปนะ” “ไม่สักนิดเลยหรอ” เขาถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “>_หวั่นไหวหน่อยสิ พี่เร้าใจนะ” “อร๊าย ไอพี่ดาวเหนือ” ฉันผลักดาวเหนือออกเต็มแรง รีบมุดเข้าผ้าห่มด้วยความเขิน ส่วนดาวเหนือนะหรอหัวเราะจนบ้าไปแล้วมั้ง —————— 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD