ตอน
อาบน้ำกลางป่า
รัฐมนตรีโมไนยนั่งหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทิ้งตัวอย่างสบายยกมือกอดอก จ้องหน้าลูกน้องด้วยสายตาไม่พอใจหลังจากได้รับรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับคู่หมั้นสาวที่เขาให้พวกมันออกไปสืบ ลูกน้องคนสนิทยืนประสานมือก้มหน้าสีหน้าหวาดกลัวบทลงโทษของเจ้านาย ด้วยรู้นิสัยใจคอของเจ้านายหนุ่มเป็นอย่างดีว่าเวลาไม่ได้ดังใจแล้ว ราวกับมีพายุย่อมๆ เกิดขึ้นเลยทีเดียว ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงฟาดกำปั้นทุบลงบนโต๊ะเสียงดัง ดวงตาวาวโรจน์ด้วยเพลิงโทสะ
“เข้ามาใกล้ๆ ฉัน…” ชายหนุ่มสั่งเสียงเนิบนาบพลางกระดิกนิ้วเรียก
ชายในชุดซาฟารีสีน้ำเงินเข้มหน้าซีดเผือด คล้ายกับรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตนเองต่อจากนี้ ทันทีที่เดินเข้าไปหาเจ้านายหนุ่มก็ถูกตบฉาดจนหน้าหัน มีโลหิตสีแดงไหลเป็นสายออกมาจากมุมปากแต่ก็ยังก้มหน้าสงบนิ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนทำโทษแบบนี้ ไอ้คนก่อนหน้าเคยถูกฟาดด้วยด้ามปืนจนฟันหักไปหลายซี่
“ถ้าคราวหน้ายังไม่ได้เรื่องอะไรคืบหน้าอีก แกอย่าสะเออะเสนอหน้ามาให้ฉันเห็น ออกไป! …”
รัฐมนตรีหนุ่มตวาดเสียงเขียวกัดฟันกรอด อย่างไม่สบอารมณ์ ใช่เพียงเขาจะเป็นห่วงหญิงสาวคู่หมั้นเท่านั้น ยังรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่กลายเป็นตัวตลกให้พวกบรรดาฝ่ายตรงข้ามหัวเราะเยาะเล่นกันอย่างสนุกปาก ด้วยไม่สามารถปกป้องคู่หมั้นของตัวเองเอาไว้ได้ ใครก็ตามที่มันบังอาจมากระตุกหนวดเสือเช่นเขา มันต้องได้รับบทเรียนที่สาสม ชายหนุ่มนั่งลงมองรูปถ่ายของพันธิตราด้วยความปวดร้าว
รอยยิ้มสดใสของหญิงสาวในภาพถ่ายเสมือนมีดแหลมคมที่ทิ่มแทงเข้าไปในอก และรู้สึกเจ็บปวดเสียทุกครั้งที่หายใจเข้าออก คล้ายว่ามันจะแทงลึกจมเข้าไปในเนื้อทุกขณะ เมื่อเวลาได้ผ่านไปเนิ่นนานยิ่งขึ้น ชายหนุ่มหยิบรูปถ่ายเอามาแนบไว้กับอก พลางย้อนคิดถึงอดีตอันหอมหวานยามได้อยู่ใกล้ชิดกับคนในภาพ ร้อยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอเหมือนดังแว่วอยู่ข้างหู ประหนึ่งกำลังหลอกหลอนเขาอยู่ด้วยความจริงที่ว่า เธอหายตัวไปแล้วด้วยฝีมือของใครก็ตามที่เขาต้องตามล่าและช่วยเหลือเธอออกมาให้ได้…
พันธิตราถอยกรูดไปอยู่ท้ายกรงขัง เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังไขกุญแจเข้ามาหลังจากที่เขานอนออมแรงมาแล้วเรียบร้อย ชายหนุ่มปรี่เข้ามาหาหญิงสาวพร้อมเชือกในมือของเขาไม่พูดไม่จา เข้ามาถึงก็จับมือของเธอข้างหนึ่งมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา ปลายเชือกอีกข้างเขามัดมันเข้ากับข้อมือของตัวเอง
“แกจะทำบ้าอะไรเนี่ย… จะพาฉันไปไหน”
หญิงสาวพยายามสลัดมือออกจากการจับกุมของเขา แต่ก็สู้แรงของชายหนุ่มไม่ได้ยิ่งขัดขืนเขาก็ยิ่งรุนแรงกับเธอมากขึ้น จนข้อมือของเธอเขียวช้ำไปด้วยแรงบีบของเขา
“ผมจะพาคุณไปอาบน้ำ ไม่ได้อาบมาหลายวันแล้วนี่ ผมนอนอยู่เหนือลมเหม็นเน่าตัวคุณจนแทบอ้วก”
เขาพูดออกมาหน้าตาเฉย เล่นเอาคนฟังหน้าชาวาบแม้ว่ามันจะไม่เป็นความจริงก็เถอะ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงนะไอ้เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกมากไม่รู้บ้างเลยหรือไง
“ไอ้บ้า…”
หญิงสาวสบถใส่แล้วยกหัวไหล่ของเธอขึ้นดมเบ้ปากให้ชายหนุ่มที่พูดเกินจริงไปมาก แต่อันที่จริงเธอก็รู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัวอยู่ไม่น้อย ไหนจะคราบดินคราบโคลนที่อยู่บนเสื้อผ้าบวกกับผมเผ้าที่เกาะกันเป็นกระจุก นี่ถ้ามีกระจกส่องหน้าไม่รู้ว่าเธอจะรับสภาพหน้าตาของตัวเองในตอนนี้ได้หรือเปล่า
“เตือนไว้ก่อนเลยนะ ถ้าทำตุกติกกับผมอีกคราวนี้คุณเจ็บตัวแน่”
รอนโรเบิร์ตขู่สับทับอีกรอบ เขาขี้เกียจเล่นเกมแมวจับหนูกับเธออีก ครั้งก่อนถ้าเขาไปช้ากว่านั้นอีกนิดเดียว หนูสกปรกอย่างเธอคงถูกงูเห่าตัวนั้นกัดตายเป็นผีสาวเฝ้าป่าไปแล้ว
“มัดแน่ซะขนาดนี้ ใครจะหนีไปไหนได้กันล่ะ”
เธอเถียงกลับทันควันมองค้อนประหลับประเหลือก
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ไม่งั้นถ้าผมจับคุณกลับมาได้ล่ะก็”
รอนโรเบิร์ตเลียริมฝีปากตัวเองมองหญิงสาวอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยสายตาหิวกระหาย ไม่ได้แตกต่างอะไรกับสายตาของพวกฆาตกรโรคจิตในหนังสยองขวัญที่หญิงสาวเคยดูมา และรู้สึกเหมือนว่ามันจะได้ผลเป็นอย่างดีซะด้วย
หญิงสาวรู้สึกขนลุกและวาบหวิวอย่างประหลาด กับสายตาที่เหมือนกับลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของเธอราวกับกำลังเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าเขา จนต้องหลุบตาลงต่ำ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นมาบริเวณท้องน้อยสร้างกระแสหวิววาบและซาบซ่านขึ้นมากลางกายสาว ยอดดอกบัวคู่งามรัดรึงเป็นตุ่มไตชูชัน ไม่เคยนึกมาก่อนว่านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบดำตรงหน้าจะมีอิทธิพลกับร่างกายของเธอขนาดนี้ และคลื่นแห่งอารมณ์ไหวหวิวที่มันป่วนปันในตัวเธอมันคือสิ่งใดกัน มีบางครั้งเกิดความรู้สึกขึ้นมาแว่บหนึ่งว่าเธอเคยเห็นแววตาแบบนี้ของเขาที่ไหนมาก่อน
พันธิตราเดินตามเขามายังรถจิ๊บที่จอดอยู่ไม่ไกลกับจุดที่เธอถูกขังมากนัก ยานพาหนะเพียงหนึ่งเดียวในป่ากว้างที่เขาน่าจะใช้มันพาตัวของเธอเข้ามากักขังเอาไว้ในป่านี้ และถ้าเธอคิดจะหนีออกไปนี่มันก็คงจะเป็นราชรถชั้นยอด หญิงสาวนึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจกับความหวังอันน้อยนิดของเธอ
“นายไม่มีชื่อเรียกเหรอ… คือฉันจะได้เรียกถูกน่ะ”
เธอชวนคุยใจหนึ่งก็คิดว่าอาจจะได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยคเกี่ยวกับตัวเขาบ้าง
“คุณอยากเรียกอะไรก็เชิญเรียกตามสบาย”
ชายหนุ่มหันมาหาเธอแว่บหนึ่งตอบเหมือนตัดความรำคาญ ขณะเปิดประตูรถพร้อมทั้งดันร่างของหญิงสาวขึ้นไปโดยจับเอวคอดของเธอ และดันสะโพกกลมกลึงที่ลอยอยู่ด้านหน้าเหมือนตั้งใจ หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างของตัวเองมองชายหนุ่มที่ทำหน้าตานิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อน ก่อนจะเห็นยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากของเขา
“งั้น ฉันจะเรียกนายว่า จอมลามกก็แล้วกันดูมันน่าจะเข้ากับบุคลิกคนแบบนายดี”
หญิงสาวลอบยิ้มกับชื่อที่เธอเพิ่งตั้งให้ชายแปลกหน้า