Chapter 6

1296 Words
"ตัวเล็กคะ ออกมาคุยกับพี่หน่อยนะ " ก๊อก ก๊อก ก๊อก "ตัวเล็ก ตัวเล็กคะ" ผมยืนเคาะประตูหน้าห้องตัวเล็กได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นเป็นระรอก ผมถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างคิดไม่ตก ทำยังไงดี ตัวเล็กเวลางอนหรือโกรธจะหายนานมาก ผมเคยเจอครั้งหนึ่งตอนนั้นน้องงอนผมเรื่องที่ผมจะพาไปเที่ยวแต่ผมผิดนัดเพราะผมลืม ง้อเป็นอาทิตย์แม้กระทั้งของหวานที่เคยง้อสำเร็จบางทีก็ไม่สำเร็จ "ตัวเล็กพี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้หนูถูกมองไม่ดีนะ พี่ขอโทษ ออกมาคุยกันได้มั้ยพี่ขอร้อง" ผมเริ่มเสียงอ่อนลงเริ่มจะหมดแรงละผมตะโกนมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ "คีย์ลูกพอเถอะ ปล่อยน้องไปก่อน คีย์กลับไปก่อนนะเดี๋ยวน้าจะดูน้องให้ ให้น้องอารมณ์เย็นกว่านี้คีย์ค่อยคุย" ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เอาจริงคือผมจะนอนหลับมั้ยคืนนี้อ่ะ ทะเลาะกันทีไรผมคิดไม่ตกไม่มีอารมณ์อยากทำอะไรเลย "เชื่อน้านะ" "ครับ ผมฝากด้วยนะครับน้องร้องไห้ไม่หยุดเลย ยังไงพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่" ผมยกมือไหว้คุณน้าแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น ตลอดทางผมก็มาคิดว่าผมทำอะไรลงไปบ้าง ผมไม่คิดว่าการที่ทำให้นั่นให้นี่มันเหมือนเป็นการทำร้ายน้องทางอ้อม "หรือว่าผมจะให้พ่อกับแม่มาขอหมั้นตัวเล็กดีวะ" เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็รีบตรงดิ่งกลับบ้านทันที หึ แม่ผมต้องชอบแน่ๆที่ผมจะหาให้ไปขอลูกสะใภ้อ่ะ เอี๊ยดดดดดด!! ผมจอดรถตรงที่จอดรถที่บ้านเดินลงมาแล้ววิ่งเข้าไปในตัวบ้านทันที ไปคุยกับแม่ดีกว่าเผื่อจะได้ไอเดียอะไรดีๆ "พ่อ แม่ " ผมตะโกนเรียกพวกท่านที่นั่งดูทีวีสวีทกันอยู่ในห้องนั้น หมั่นไว้ เหม็นความรักโว๊ยยยยย "ไงลูกชายได้ข่าวเปย์รถสาวคันหกล้านนิ ที่มาหาคืออะไรน้องไม่รับแล้วทะเลาะกัน แม่เดาถูกมั้ย" สมกับเป็นคุณหญิงมลจริงๆ เดาถูกเป๊ะ ผมเดินเข้าไปสวมกอดแม่ผมแล้วอ้อนนิดหนึ่ง "แม่ครับน้องโกรธผมอ่ะ ทำไงดี" แม่ผมมองหน้าพ่อแล้วหัวเราะขำๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรก็ผมก็ถูกโกรธบ่อยๆอยู่แล้วกับเรื่องใช้เงินเนี้ย "เราก็รู้ว่าน้องไม่ชอบให้เราใช้เงินมาก ยิ่งซื้อของแพงๆให้ตัวเล็กก็ยิ่งไม่ชอบ เราก็รู้นิสัยน้องแล้วยังจะทำ สมควรมั้ยหละที่จะโดนโกรธ" ก็สมควรไงแต่อย่าตอกย้ำผมได้มั้ยยย ผมกำลังเครียดอยู่น้าาาาาา "ผมรู้ไงครับแต่แม่ก็รู้นิสัยผมนี่นา ช่วยผมหน่อยสิแม่อยากได้ตัวเล็กเป็นลูกสะใภ้นี่นาแม่ช่วยผมหน่อยนะไปขอหมั้นตัวเล็กให้ผมหน่อย น้องถูกมองว่าเป็นเด็กเสี่ยอ่ะผมไม่ชอบให้ใครมาว่าน้องแบบนั้น" "ก็เราทำแบบนั้นนี่ ทุกวันนี่คนทั้งบริษัทมองว่าลูกเลี้ยงต้อย เลี้ยงเด็ก นี่ถ้าคนอื่นรู้ว่าเป็นตัวเล็กพ่อเค้าจะทำหน้ายังไง ทำอะไรรักษาหน้าพ่อแม่เขาด้วยนะลูก อานทีทำงานกับเรามานาน เขาเป็นคนเก่ง ลูกสาวเขาก็น่ารัก แม่ก็เป็นครูบาอาจารย์ทำอะไรคิดให้มากๆลูกเขามีพ่อมีแม่" "งั้นแม่ไปขอหมั้นน้องให้ผมหน่อยคนอื่นจะได้ไม่เม้าท์กันไง นะๆๆแม่" แม่ผมถอนหายใจออกมาเหมือนจะปลงกับผมแล้วก็หันไปมองสบตากับพ่อ "จัดการลูกคุณที ฉันหละเหนื่อยใจจริงๆ" แม่ผมสะบัดหน้าหนีผมไปเลยอ่าวแม่ไม่ช่วยอ่ะ ผมหันไปทำหน้าอ้อนวอนพ่อผมแทน "พ่อคร้าบบบบบบ" "หยุดความคิดเรื่องนั้นเลย น้องเพิ่งจะขึ้นปีหนึ่งรอน้องโตอีกหน่อย แล้วก็ห้ามเลยนะห้ามล่วงเกินน้องเด็ดขาด คนนี้พ่อขอเกรงใจอานทีบ้าง ส่วนเรื่องหมั้นพ่อจะจัดการให้แน่นอนอย่างน้อยน้องต้องเรียนตอนปี3 อายุสัก20ปีก็ได้ ค่อยหมั้น ระหว่างนี้ลูกห้ามยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเด็ดขาด แล้วก็ดูแลน้องด้วยถ้าทำได้พ่อจะจัดการเรื่องนี้ให้" ผมยักไหล่แบบชิวๆมาก "ผมก็ไม่ได้ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอยู่แล้ว พ่อก็เห็นนี่นาว่าวันๆผมทำแต่งานเลิกงานก็ไปรับน้องไปทานข้าวตัวติดอยู่กับตัวเล็กอ่ะ" ผมพูดความจริงพ่อแม่ผมก็รู้ว่าผมไม่ยุ่งกับใคร ผมอยากทำตัวให้สะอาดในอนาคตเราสองคนแต่งงานกันน้องจะได้ไม่ต้องมาปวดหัวเรื่องผู้หญิงที่มาวุ่นวายกับผม เพราะผมไม่มี "ก็ดี แล้วก็ดีให้ตลอดด้วย พรุ่งนี้เช้าเก้าโมง ประชุมกับหุ้นส่วนใหม่ในการโปรโมตห้างที่เปิดใหม่ เขาจะใช้พรีเซ็นเตอร์เด็กวัยใสที่ไม่เคยผ่านกล้องมาก่อน มีที่คัดไว้แล้วห้าคนลูกต้องไปเข้าประชุมด้วยงานของลูกโดยตรง ตั้งใจทำงานหละเงินก็เพลาๆบ้าง นี่ไม่แปลกใจเลยนะว่าทำไมตัวเล็กถึงบ่นเรื่องการใช้เงิน เพราะเรามันใช้เก่ง" โดนพ่อด่าอีกละอะไรวะเงินนี่ผมทำงานเองนะเฟ้ย ทำตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่ง พ่อให้เงินเดือนแล้วก็โบนัสประจำปี ภายในเวลาแค่ห้าปีผมมีเงินเก็บเป็นร้อยล้านแหนะ ก็นะพ่อแบ่งหุ้นให้นี่ปันผลเลยเยอะหน่อย "ว่าแต่จะขอหมั้นน้องเนี้ย น้องรับรักเราแล้วเหรอ" แม่ผมเอ่ยถามยิ้มๆ แหะๆ ไม่เคยบอกน้องไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นพี่สนิทคิดไม่ซื่ออ่ะ อิอิ "ก็แหมค่อยบอกก็ได้ ยังไงน้องก็ต้องเป็นของผม" "เห้อออ นี้ลูกชายเราจะไปหมั้นเค้าลูกกับน้องจะต้องรักกันก่อน ไม่ใช่ไปมัดมือชกเค้าแบบนั้น" "แต่ผมเชื่อว่าน้องก็รักผม" "แล้วน้องรู้มั้ยว่าเรารักน้องแบบที่ผู้ชายรักผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าเราไม่เคยบอกน้องก็จะไม่รู้ เข้าใจที่แม่พูดใช่มั้ย" ผมเงียบไปอย่างใช้ความคิดผมรู้ว่าน้องก็รักผม และผมคิดว่าน้องก็น่าจะรู้เพราะผมแสดงออกชัดขนาดนั้น แต่ก็นั้นแหละผมไม่เคยพูดน้องก็คงไม่กล้าคิด "แล้วผมต้องทำยังไงอ่ะ สารภาพรักแบบในหนังเหรอ มันไม่ใช่ผมอ่ะ" "ก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไป พยายามบอกพยายามแสดงออกบ้าง ถึงน้องจะแอบคิดแต่เชื่อแม่สิถ้าเราไม่พูดไม่บอกตรงๆ น้องไม่กล้าคิดแน่นอน" นั้นแหละนิสัยตัวเล็กเลย เธอไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง และชอบคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับคนอื่น โดยเฉพาะกับผมบางทีเวลาเจอคนใหญ่คนโต น้องจะพยายามห่างผมคงกลัวคนอื่นว่าให้อ่ะ "ผมจะค่อยๆบอกน้องแล้วกัน งั้นพรุ่งนี้ประชุมเสร็จผมลางานนะ ผมจะไปง้อตัวเล็ก ไปละไปนอนดีกว่า" ผมหอมแก้มแม่ผมหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้นหนีไปทันที ไปนั่งคิดนอนคิดว่าจะง้อเด็กน้อยด้วยอะไรดี ซื้อสร้อยให้ดีมะ เชี่ยยยย ซื้ออีกละมีหวังได้โดนโกรธกว่าเดิมมมม เห้อออออ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD