5

2575 Words
วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้วยอารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไรนัก เมื่อติดต่อปลายสายไม่ได้เลย ณธิดายังไม่ค*****นที่ยืมไป แล้วงานก็ยังหาไมได้ ไม่มีที่ไหนติดต่อกลับหาสักแห่งเดียว ถ้ายังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีกเดือน เธอแย่แน่           ว่าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นใหม่ มองชั่งใจครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจต่อสายอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เบอร์ที่เพียรโทรมาตลอดสามวันอีกแล้ว ทันทีที่เชื่อมต่อสัญญาณได้ ทางนั้นกดตอบรับสายอย่างไวราวกับจดจ้องรอเธออยู่           “ว่ายังไงณัช”           “คือ...งานที่ปูนิ่มบอก เขาได้คนมาทำงานหรือ...” ยังถามไม่ทันจบความดี อัญจารีย์รีบตอบรวดเร็วทันควัน           “ยัง ยังไม่ได้รับใครเลย ณัชจะมาสมัครใช่ไหม”           “อือม์ ใช่จ้ะ”           “โอย...ดีใจอ่ะ ดีใจมากๆ มาได้เลย คุณนพรอ เอ๊ย ไม่ใช่ๆ คือบริษัทรอคนมาสมัครอยู่น่ะ ณัชจะมาวันไหน วันนี้เลยได้ไหม”           “วันนี้หรือ” ณัชชาเหลือบมองเวลาเห็นว่าล่วงเข้าบ่ายโมงไปแล้ว วันนี้ไปอย่างไรก็ไม่ทัน แล้วถามกลับอย่างเกรงใจ           “พรุ่งนี้ณัชเข้าไปกรอกใบสมัครได้ไหมปูนิ่ม”           “ได้จ้ะ เดี๋ยวแจ้งฝ่ายบุคคลให้นะณัช บาย”           วางสายลงแล้วก็คล้ายจะโล่งใจ แต่รู้ว่าไม่ใช่ เหมือนเป็นความโล่งใจแบบจอมปลอม เข้าไปในวงจรของนพรัตน์แล้วเธอจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ ได้แต่หวังใจว่าเรื่องราวครั้งเก่า นพรัตน์จะลืมสิ้นมันไปเสียให้หมด อย่าได้ติดค้างคาใจอะไรกันเลย เธอก็จะตั้งใจทำงาน จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวไปปะปนกับเรื่องงานโดยเด็ดขาด                     “พรุ่งนี้มีนัดประชุมกรรมการบริหารที่ห้องใหญ่นะคะบอส สิบโมงถึงบ่ายสองค่ะ”           นพรัตน์พยักหน้าเบาๆ ทำนองว่ารับรู้แล้ว หลังติ้งรายงานตารางของวันพรุ่งนี้จบ รับแฟ้มเอกสารคืนมาก็พาร่างที่อวบขึ้นเล็กน้อยออกไปด้านนอก ชายหนุ่มหยิบข่าวที่ไล่สายตาค้างอยู่เมื่อครู่มาอ่านต่อ อัญจารีย์จึงค่อยเข้าไปเลียบๆเคียงๆใกล้โต๊ะนพรัตน์ หาจังหวะบอกเขา           “พรุ่งนี้ณัชชาจะมาสมัครงานแหละคุณนพ”           ลอบมองชายหนุ่ม เห็นว่าไม่มีอาการอะไร ตอบรับแค่สั้นๆว่า           “อืม”           เลยถามต่อ “คุณนพจะสัมภาษณ์เองไหมคะ”           นพรัตน์บอกทั้งที่ยังไล่สายตาไปกับแท็ปเลตในมือว่า ‘ไม่’ จากนั้นแล้วถึงได้เดินออกไปสนทนาที่นอกห้อง เมื่อมีสายเรียกเข้ามาพอดี อัญจารีย์มองแล้วทำปากขมุบขมิบไล่ตามหลังไป เป่าลมออกจากปากเบาๆ หวังใจว่าเพื่อนทั้งสองคนของเธอจะกลับมาคุยกันได้แบบเดิมอีกครั้งเท่านั้น           กรอกใบสมัครเรียบร้อยแล้วบอกกับทางฝ่ายบุคคลเมื่อทางนั้นถามว่าเริ่มงานได้เมื่อไร เธอพร้อมทำงานในสัปดาห์หน้า ก็พอดีกับที่ประตูห้องนั่งสัมภาษณ์ถูกเคาะแล้วเปิดออกชนิดที่เรียกว่าไม่รอคอยให้ใครต้องมาอนุญาต           หญิงวัยห้าสิบปีที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอชักสีหน้าเล็กน้อยตอนประตูห้องถูกเคาะ แต่พอเห็นคนที่วิสาสะเข้ามาเป็นใครก็ฝืนยิ้มบดบังใบหน้าบึ้งตึงเมื่อครู่ ยกมือไหว้ แต่ดูเหมือนสายตาของคนมาใหม่จะไม่ได้มองทางนั้น เห็นจ้องนิ่งที่แผ่นหลังของพนักงานใหม่ เอ่ยทักทายเสียงราบเรียบ           “สวัสดีณัชชา” พยายามระงับอาการตื่นตกใจ เพราะไม่คิดว่านพรัตน์จะลงมาที่ห้องนี้ ค่อยหันหน้าไปยิ้มบางๆให้เขา พร้อมทำความเคารพอีกฝ่าย อย่างที่ผู้ใต้บัญชาควรทำ “สวัสดีค่ะ” เสียงของเขาทุ้มน่าฟังตอนเอ่ยทักเธอ แต่กระนั้นแววตากลับดูเยือกเย็นราวคนไม่มีความรู้สึก           พบกันคราวก่อนณัชชาไม่ได้มีโอกาสสำรวจเขาแบบตรงๆอย่างวันนี้ ใบหน้าของเขายังคงเค้าโครงเดิมไม่เปลี่ยนจากเมื่อก่อนนัก ผมดำสลวยถูกตัดให้รับกับใบหน้าอย่างประณีต แลดูสมบุคลิกของผู้บริหารอยู่ไม่น้อย รอยยิ้มสุภาพแต่ดูมีอำนาจบารมี มองเห็นว่าบางทีคล้ายมีแววเยาะหยันแฝงอยู่ข้างในเล็กน้อย เห็นแล้วรู้สึกเสียดเข้าไปถึงในหัวใจ ราวกับมีเสี้ยนหนามปักฝังอยู่ จะเอาออกก็ยากเต็มกลืน ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นก็เจ็บปวดทรมานทุกลมหายใจเข้าออกอย่างไรอย่างนั้น           “เดี๋ยวขึ้นไปที่ชั้นบนได้เลย ไม่ต้องสัมภาษณ์” “เอ่อ แต่ว่าตามระเบียบแล้ว” “เธอมาทำงานกับผม ผมจะจัดการที่เหลือเอง” “ได้ค่ะคุณนพ” “ณัชชาเดี๋ยวตามขึ้นไปข้างบน คุยรายละเอียดอื่นต่อ แล้วจะให้คุณติ้งสอนงานวันนี้เลย คุณพนิตส่งแฟ้มตามหลังไปก็แล้วกัน”           “ค่ะคุณนพ” คนที่นั่งสัมภาษณ์เธอบอกอย่างกระตือรือร้น “ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะคะคุณณัชชา” ณัชชายกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่าย แล้วขยับตัวลุกจากเก้าอี้ ออกจากห้องนั้นไป โดยมีนพรัตน์เปิดประตูรออยู่ เขาเดินเยื้องไปด้านหน้าเล็กน้อย ตรงไปยังลิฟต์ของผู้บริหาร กดเรียกไม่นานประตูเหล็กเปิดอ้าออก ณัชชามองที่เขา เห็นผายมือให้เธอเข้าไปก่อน เลยก้าวขาที่รู้สึกว่าสั่นเล็กน้อยไปยืนตัวลีบในนั้น ประตูเหล็กค่อยๆเลื่อนปิดลงช้าๆไร้สุ้มเสียงใดๆ นพรัตน์จึงคลายกระดุมออกแล้วบอกด้วยท่าทีแบบเดิม “ไม่ต้องเรียก ’คุณ’ หรอกณัชชา อยู่กันแค่เราคุยกันแบบเพื่อนได้เลย ไม่ได้ถืออะไร” “ค่ะ” ได้ยินเสียงหวานรับคำสั้นๆ ก็ออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อย ไม่ให้เธอเรียกว่า ‘คุณ’ ก็ยังจะ ‘ค่ะ’ กับเขาอีกหรือ แล้วยืนกันเงียบๆจนถึงชั้นบนที่เป็นส่วนของห้องทำงานของนพรัตน์ จึงพากันเดินออกไป นพรัตน์พูดคุยเรื่องเงื่อนไขการทำงานกับเธอโดยตรง เรื่องของภาระงานว่าขอบเขตถึงขนาดไหน และบางครั้งอาจต้องออกไปค้างที่อื่นบ้าง แต่หากเธอไม่สะดวก บอกเขาก่อนได้ พร้อมกับส่งสัญญาการจ้างงานให้เธออ่าน ในนั้นระบุเงื่อนไขทั่วๆไป ณัชชาอ่านแล้วเซ็นชื่อส่งคืนให้เขาไป นพรัตน์บอกเหมือนสั่งว่าหากพร้อมให้เริ่มทำงานได้ทันที อย่างช้าสุดไม่เกินมะรืนนี้ ไม่ติดธุระอะไรจะเริ่มงานวันนี้เลยจะเป็นการดีที่สุด เขามองตาเธอก็บอกต่อเหมือนเข้าใจความคิดของเธอเรื่องการเริ่มงาน เขาอ้างว่าไม่แน่ติ้งอาจมาไม่ได้ทุกเมื่อ หากเธอเริ่มงานไวก็จะได้เรียนรู้งานได้ไวขึ้น และเมื่อวันที่ติ้งไม่มาแล้วก็จะไม่วุ่นวายมากนัก ในเมื่ออย่างน้อยเธอก็พอเป็นงานแล้ว           ทำเพียงยิ้มอย่างฝืนๆเท่านั้นแล้วผละไปหาติ้ง เลขาของเขาที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆอยู่ ติ้งเตรียมเอกสารให้เธอไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน รวมไปถึงเรื่องส่วนตัวของนพรัตน์ที่ตนเรียกอีกฝ่ายติดปากว่า ‘บอส’ เธอก็ตั้งใจจะเรียกให้เหมือนกับคนอื่น ไม่อยากถือสิทธิ์ว่าเป็นเพื่อนของเขาแล้วจะตีตนเสมอกันได้            ติ้งปล่อยให้เธอทดลองใช้ระบบงานของบริษัท ค่อยผละเอาเอกสารไปให้นพรัตน์ที่ด้านใน ยื่นแฟ้มให้เขาแล้วเอ่ยชมเสียงอ่อน           “น้องณัชหัวไวนะคะบอส”           อัญจารีย์ที่อยู่ในห้องด้วยได้ยินก็รีบเสริมทันที “สมัยเรียนน่ะที่หนึ่งของรุ่นนี่คะ ใช่ไหมคุณนพ”           “ไม่รู้สิ รายละเอียดปลีกย่อยมากก็จำไม่ได้”           ได้ยินคำตอบของเขาแล้ว สองสาวลอบมองตากันทันที แล้วทำหน้าแหยงๆ ติ้งรับแฟ้มมาแล้วรีบผละจากไป ไม่รู้ว่านพรัตน์อารมณ์ไหนในตอนนี้ ห่างๆหน่อยก็ท่าจะดีอยู่ไม่น้อย           เห็นประตูห้องทำงานปิดลงแล้ว อัญจารีย์ค่อยว่าขึ้น           “คุณนพคะ พี่ติ้งแกดูท่าจะแพ้ท้องหนักมากแล้วนะ ให้มาทำงานแบบนี้น่าเป็นห่วง วันก่อนเห็นไปอาเจียนหน้าซีดในห้องน้ำ โอย...ปูนิ่มล่ะกลัวแกจะเป็นลม กินอะไรก็ออกมาหมด”           “อือ” ได้ยินเขาตอบสั้นๆแค่นั้น ไม่ว่าอะไรต่อ อัญจารีย์มองแล้วก็นึกขัดใจ ถามอีก           “ถ้ายังไงคุณนพน่าให้แกลาไปเตรียมตัวรอคลอดเลยก็ดีนะคะ”           “ติ้งลา แล้วเพื่อนคุณทำไหวหรือ”           “อะไรกันจะมาเพื่อนคุณเพื่อนผมได้ยังไง ณัชชาก็เพื่อนของเราทั้งคู่ไม่ใช่หรือคะ”           อัญจารีย์เพ่งจับผิดคนที่โบ้ยณัชชาให้มาเป็นเพื่อนตัวเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขัดขึ้นมา เป็นณัชชานั่นเอง อัญจารีย์เลยยิ้ม      “มาพอดี ถามเจ้าตัวเลยไหมคุณนพ” ณัชชาที่เอาแฟ้มรายงานมาให้นพรัตน์ ยิ้ม ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป อัญจารีย์ได้ทีเลยถาม “ถ้าพี่ติ้งจะลา ณัชทำงานคนเดียวไหวไหม” “สบายมากค่ะ งานหลักๆคุณติ้งบอกณัชหมดแล้ว”           “เห็นไหม บอกแล้วว่าระดับณัชชา ไม่ไหวได้ไง เนอะๆ”           นพรัตน์มองทางณัชชาแวบเดียวก็ก้มลงอ่านรายงานในแฟ้มที่เธอส่งให้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปจากนั้น ณัชชารับแฟ้มแล้วถึงออกจากห้องไปบ้าง ผ่านไปอีกสัปดาห์ ติ้งยังมาทำงานอยู่ เมื่อนำเอกสารไปให้นพรัตน์ ผู้เป็นรับมาเปิดออก ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอยู่นั้น ติ้งก็แว่วเสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมา “เรียบร้อยดีไหมคุณติ้ง”           “เอ่อ...หมายถึงน้องณัชใช่ไหมคะ เรียบร้อยมากเลยค่ะ” แล้วรีบรายงานเรื่องของณัชชาให้นายฟังต่อจากนั้น นพรัตน์แสดงท่าทีคล้ายไม่ได้สนใจฟังมากมายอะไรนัก ครู่เดียวเปลี่ยนเรื่องสนทนาออกปากถามอาการขณะตั้งครรภ์ของอีกฝ่ายแทน           “ได้ข่าวว่าแพ้มากหรือคุณติ้ง”           เลขานุการเจ้าของชื่อเงียบน้ำตาคลอเล็กน้อย กลั้นสะอื้นด้วยความซาบซึ้งใจ ตั้งแต่ร่วมงานกันมา เพิ่งมีครั้งนี้เองที่ผู้เป็นนายออกปากถามเรื่องส่วนตัวของเธอ           เม้มปากแน่น ตอบเสียงสั่นๆ           “แพ้ไม่มากเท่าไรหรอกค่ะ”           นพรัตน์มองใบหน้าเลขาที่ช่วยงานเขามาอย่างหนักหน่วงด้วยสายตาสำรวจ แล้วเอนตัวพิงพนัก บอกสั้นๆเหมือนคำสั่ง           “ลาเถอะ”                                   คนท้องอ่อนได้ยินไม่ถนัด ค่อยชำเลืองมองนายจ้างอีกที ถามเบาๆ “อะไรนะคะ”           “ลาไหม ผมให้ลา จะลาตอนนี้ก็ได้ คลอดแล้วจะอยู่ให้นมลูก เลี้ยงลูกสักระยะก็ได้ ผมให้สิทธิลากับคุณ”           “แต่บอสคะ ติ้งยังอยากทำงานกับบอสอยู่นะคะ”           “ไม่ได้ให้ลาออกหรอกน่า รอบก่อนก็แท้งไปรอบหนึ่งแล้ว ถ้าหลุดอีกคราวนี้ คงติดยาก อายุก็ไม่น้อยแล้วด้วย”           ได้ยินนพรัตน์บอกมาแบบนั้นก็ยิ่งปลาบปลื้มใจเข้าไปอีก บอกน้ำตาคลอ           “ขอบคุณค่ะบอส”           “เดี๋ยวผมแจ้งฝ่ายบุคคลเอง”           “ขอบคุณค่ะ”           บอกจบออกจากห้องทันทีพร้อมแฟ้มงานที่นำเข้าไปด้วย           นพรัตน์ถอนใจเบาๆ เมื่อสำรวจติ้งตามที่ณัชชาบอกเขาเมื่อวานนี้             ‘คุณติ้งหน้าซีดมากค่ะ มือถือยาดมตลอด ตอนนี้คุณติ้งสอนงานให้ณัชหมดแล้ว ณัชพอทำงานแทนได้แล้วค่ะ ถ้าบอสจะให้แกลา ณัชว่าแกคงดีใจ’             คนพูดน้อยแบบนั้น เอ่ยปากเสียยาวเหยียดแทนคนอื่นทั้งที เขาเลยสังเกตติ้งตามที่เธอบอก เห็นว่าจริงอย่างที่ว่ามาทั้งหมด แล้วที่ให้ติ้งลาเพราะเขาเห็นว่าสมควร ณัชชาไม่ได้มีผลอะไรกับระบบความคิดของเขาทั้งนั้น           ไม่มีเลยสักนิดเดียว!           หลังนพรัตน์ให้ลาได้ ติ้งเองมีความตั้งใจจะช่วยงานต่ออีกระยะเพราะคิดว่าตัวเองยังทำงานไหว แต่แล้ววันรุ่งขึ้นสามีของติ้งก็โทรศัพท์มาบอกว่าติ้งมีอาการแพ้ท้องอย่างหนักจนต้องพาส่งโรงพยาบาล และแพทย์ให้นอนดูอาการไปก่อน  นพรัตน์จึงบอกว่าให้ลาไปเลยจนคลอดลูกเรียบร้อยแล้วก็ค่อยคุยกันอีกทีตอนนั้น ณัชชาจึงเข้ามารับทำงานทั้งหมดแทนติ้ง เลขาคนเก่าของนพรัตน์ไปโดยปริยาย   ร่วมเดือนที่ทำงานกับนพรัตน์ในตำแหน่งเลขานุการชั่วคราวของเขา ณัชชาคิดว่าตนเองทำงานได้ไม่ขาดตกบกพร่องแต่ประการใด ติ้งโทรมาบอกเพิ่มเติมในเรื่องที่ยังไม่ได้บอก และสามารถปรึกษาติ้งได้ทุกเมื่อ ทางนั้นรอรับสายสแตนบายตลอดเวลาทำการ บางครั้งนพรัตน์เองจะบอกงานเธอ เขาไม่ได้นิ่งดูดาย คอยจับผิด คอยหาเรื่อง หรือเอาแต่ตำหนิว่ากล่าวไม่มีเหตุผลอย่างที่นึกกลัวในคราแรก จึงทำให้ทุกอย่างราบรื่น จะมีก็แค่ความอึดอัดเล็กๆน้อยๆจากสายตาของนพรัตน์ที่บางคราวมองมาคล้ายมีแววเยาะหยันข้างในลึกๆเท่านั้น ได้แต่บอกตัวเองว่าคงคิดมากเกินไป สายตาของเขาคงเป็นแบบนั้น ไม่ว่าจะมองใคร คงใช้สายตาราวกับอยู่สูงกว่าคนอื่นมองเสมอ อาจด้วยพื้นฐานเป็นคนไว้ตัวจึงทำให้เขาเป็นเช่นที่ว่า เพราะนอกนั้นดูเหมือนว่าการทำงานจะไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องกังวล นพรัตน์ไม่ได้เป็นเจ้านายใจร้ายอย่างที่เคยได้ยินมา เพียงแค่เขาเป็นคนค่อนไปทางเคร่งครัดเท่านั้น บอกแบบไหนคือต้องได้แบบนั้น และเธอก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะเคร่งเหมือนกัน หากงานไม่เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยมากพอ เธอจะแก้ไขจนมันเรียบร้อยดีถึงส่งให้เขา วันนี้ณัชชาตื่นเช้ากว่าปกติ เลยไม่อยากนอนต่อ จึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวมารอที่หน้าอาคารสำนักงาน รู้ว่าประตูจะเปิดให้พนักงานเข้าได้ก่อนเวลาเริ่มงานหนึ่งชั่วโมง พลันฝนเทลงมาแต่เช้าตอนที่นั่งรอตรงม้าหินด้านหน้าอาคาร เลยรีบลุกอย่างไวขยับไปยืนหลบฝนแต่ไม่พ้นอยู่ดี ครู่เดียวมีพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาบอกกับเธอ           “เข้าไปข้างในได้เลยครับคุณ”           “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรอให้ประตูเปิดค่อยเข้าไปก็ได้ค่ะ” “เข้าได้ครับ ใครมาเช้ามากๆ เข้าทางด้านหลังได้เลย สแกนนิ้วตรงประตูนะครับ มาครับผมพาไปดีกว่า” ณัชชาขอบคุณพนักงานคนนั้นแล้วเดินตามหลังไป เห็นอีกฝ่ายใช้บัตรพนักงานแตะให้เธอเข้าลิฟต์เพื่อขึ้นไปรอที่ชั้นบน ค่อยพยักหน้าบอกเขา “ขอบคุณมากนะคะ” เหลือบมองป้ายชื่อของอีกฝ่าย ส่งยิ้มเปี่ยมไมตรีให้ “ไม่เป็นไรครับ” คล้อยหลังณัชชาแล้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทรเพื่อรายงานไปยังปลายสายจนเรียบร้อยถึงวางลง กลับไปยังบริเวณด้านหน้าของอาคารสำนักงานอีกครั้ง    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD