Chapter 8
ถ่านไฟรัก
พาณิชย์กุลย์ พร็อพเพอร์ตี้ แลนด์...
เวลาที่ฝาผนังล่วงเลยผ่านมาจนเกือบสองทุ่ม ภีมพลปิดไฟล์ปิดทุกสิ่งอย่างที่เปิดทิ้งไว้เพื่อเตรียมกลับบ้าน และทันใดนั้นเอง
"กลับหรือยังคะพี่เหนือ"
ยายเด็กข้างบ้าน...โสภิดา ฝึกงานที่นี่แล้วก็ทำงานที่นี่ หล่อนสะพายกระเป๋าถือวิสาสะเข้ามาในห้องทำงานของเขา ซ้ำยังทำท่าไปนั่งรออย่างสบายใจที่โซฟา
"เธอนี่รู้เวลาจริง ๆ เลยนะ"
เขาเหน็บแนม ขณะเก็บสัมภาระใส่กระเป๋า คว้าเบลเซอร์มาสวม ตามด้วยกระเป๋าที่สะพายไว้บนไหล่ เตรียมตัวกลับบ้านได้ทันที
"ไปค่ะ ดาต้าหิวข้าวแล้ว"
คำว่าหิวข้าวเหมือนมีอะไรมาสะกิดใจ อยู่ดี ๆ เขาก็หันไปจ้องหน้าคนข้างกาย คลี่ยิ้มไปให้หล่อน จนโสภิดารู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาแบบนั้น
"วันนี้ไปกินข้าวที่บ้านพี่ไหม"
"อะ อะไรนะคะ!"
หล่อนไม่เชื่อหู คิดไปพร้อมกัน วันนี้เขาจะมาไม้ไหนกันแน่
"พี่ถามว่า ไปกินข้าวที่บ้านพี่ไหม กินคนเดียวทุกวัน...มันเหงาน่ะ แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ"
"ไปสิคะ ไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"
หล่อนมัวแต่ยืนช็อก จนต้องวิ่งตามคนที่เปิดประตูเดินนำไปหลายก้าว ตลอดทางเดินที่พาไปสู่ลานจอดรถ หัวใจหล่อนพองโตยิ้มไม่หุบ ดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อเขาเอ่ยปากชวนไปกินข้าวที่บ้าน ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหล่อนอยู่ในสายตา มีเพียงหล่อนที่เป็นฝ่ายวิ่งตามเขามาตลอด
"คุณพ่อกลับมาแล้ว"
ยุพินวิ่งกลับมายังมุมรับรองแขก เมื่อหล่อนเห็นรถของภีมพลกำลังแล่นผ่านรั้วบ้านเข้ามา หล่อนเข้ามาทำท่า
หยอกเย้ากับทารกน้อยในอ้อมกอดของจันทร์เจ้าเอย เลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก จนรักประหนึ่งเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของตัว
'วันนี้จะเจออิทธิฤทธิ์อะไรบ้างนะเอย'
จันทร์เจ้าเอยอดคิดไม่ได้ หล่อนสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึก ก่อนจะอุ้มลูกของเขาเดินออกไปรับหน้า รู้ดีว่าเมื่อยามเขากลับมา จะต้องได้เห็นหน้าลูกก่อนใคร
".....!"
หล่อนชะงักฝีเท้า เมื่อเดินออกไปยังไม่ทันพ้นกรอบประตู ก็เห็นภีมพลเดินหัวร่อต่อกระซิกกันมากับผู้หญิงที่ทำงาน...หล่อนพอจะรู้มาบ้างว่าเธอคนนั้นเป็นเด็กข้างบ้าน และยังเป็นเด็กที่มารดาของหล่อนอาศัยเส้นสายฝากเข้าไปทำงานในพาณิชย์กุลฯ
โสภิดามองคนที่อุ้มทารกน้อยมารอรับหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า...จันทร์เจ้าเอย เลขาคนโปรดของบอสใหญ่ หล่อนไม่ค่อยชอบหน้าเธอคนนี้เอาเสียเลย
"วันนี้ดาต้าจะมากินข้าวกับพี่ ไปเตรียมโต๊ะสิเอย"
เขาแสดงละครต่อหน้าทุกคน ทำทีเป็นรู้จักหล่อนในตัวตนของจันทร์เจ้าเอย
"หนูเอยอยู่กับน้องนะจ๊ะ เดี๋ยวป้าไปจัดการเอง"
"ไม่ต้อง ให้เธอทำ!"
เสียงสั่งกึ่งตะคอกทำให้ยุพินชะงักฝีเท้า หล่อนมองหน้าเจ้านายหนุ่มสลับกับจันทร์เจ้าเอยด้วยแววตาเลิ่กลั่ก
เหตุใดคนจะแต่งงานกันถึงมีท่าทีไม่ลงรอยรอยกันเอาเสียเลย แววตาของเจ้านายหนุ่มราวกับเกลียดชังกันมาแต่ชาติปางไหน
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเอยทำเอง"
ยุพินมองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาสื่อถึงความเกรงใจ สองมือรับร่างทารกน้อยมาจากอ้อมอกของอีกฝ่าย...มองตามหลังทั้งสามคนที่กำลังเดินตรงไปยังห้องอาหารด้วยความไม่เข้าใจ
เจ้านายของหล่อนต้องการอะไร ถึงพาผู้หญิงคนอื่นเข้าบ้าน ซ้ำยังให้คนที่กำลังจะกลายสถานะมาเป็นแม่ของลูกจัดโต๊ะให้ หล่อนไม่เข้าใจหนุ่มสาวสมัยนี้ ได้แต่ส่ายหัวพลางระบายลมหายใจออกมา
ในห้องรับประทานอาหาร จันทร์เจ้าเอยวิ่งวุ่นกับการเตรียมอาหารแบบเร่งด่วน และตลอดการแสดงออก มีสายตาของคนเจ้าคิดเจ้าแค้นคอยมองตลอดเวลา
'เธอพาตัวเองมาตกนรกเองนะเอิง'
ถามว่าสงสารหล่อนไหม เขาคิดว่าไม่ และภีมพลก็ทำในสิ่งที่โสภิดาต้องยกมือขึ้นทาบอก
"พี่เหนือ..."
แก้วน้ำที่ถูกมือใหญ่แกล้งปัดจนล้มนอนตะแคงอยู่บนโต๊ะ น้ำในแก้วไหลนองไปทั้งโต๊ะ ก่อนไหลลงพื้นจนเลอะเทอะไปทั่ว
จันทร์เจ้าเอยยืนนับหนึ่งถึงร้อยในใจ รู้ทั้งรู้ว่าเขาแกล้ง แต่...มันจะไม่ได้ผล จะแสดงให้เขาเห็นว่าหล่อนเข้มแข็งกว่าที่คิด
"รีบเอาผ้ามาเช็ดสิ เห็นมั้ยเนี่ยว่ามันหก"
เขาลุกพรวดขึ้น แววตาเข้มมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"กำลังจะไปค่ะ"
จันทร์เจ้าเอยเดินไปทางหลังบ้าน เพื่อหาผ้ามาเช็ดโต๊ะ รวมทั้งไม้ถูพื้นเพื่อเช็ดคราบน้ำที่เปียกนองอยู่บนพื้น...ตลอดระยะทาที่พาไปสู่ทางออก แววตาคู่สวยก็ร้อนผ่าวปวดหนึบ
'ทนเอาไว้นะเอย...สักวัน...เขาจะต้องได้รับกรรมอย่างสาสม'
หล่อนสูดลมหายใจให้ลึก ตั้งสติรับมือกับสิ่งที่ไม่ได้ก่อ อดทนเพื่อเป้าหมายอันสูงสุด นั่นคือการเอาคืนเขาอย่างสาสม
หล่อนเดินกลับมา ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำ โดยที่มีสายตาสองคู่คอยมอง ประหนึ่งหล่อนเป็นสาวใช้ที่พวกเขาจะเหยียบย่ำอย่างไรก็ได้
"ชักช้าแบบนี้ วันนี้พี่กับดาต้าจะได้กินมั้ย ข้าวน่ะ"
เขาทำทีเป็นถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำกระฟัด กระเฟียดอารมณ์เสีย...จันทร์เจ้าเอยรีบตักข้าวใส่จานสองใบ ต้องเอาใจเด็กข้างบ้านของเขา รู้สึกฝืนใจเหลือเกินหากแต่ก็ต้องทำ
"จะไปไหนก็ไป มีอะไรเดี๋ยวพี่จะเรียกเอง"
เขาโบกมือไล่คล้ายกับไล่แมลงหวี่แมลงวันอันแสนน่ารำคาญ คล้ายกับต้องการทำทุกอย่างเพื่อบั่นทอนใจคนที่คิดว่าเป็นปานตะวัน ในขณะที่จันทร์เจ้าเอยไม่เผยความรู้สึกใด ๆ ออกมา ตรงกันข้าม...ภีมพลกลับยิ่งร้อนรุ่ม
เมื่อเจ้าหล่อนใช้ความนิ่งเข้าสู้ ไม่แสดงท่าทีหึงหวง ทั้งที่เขาอยากให้หล่อนเจ็บ จากการเห็นเขากำลังปลูกต้นรักใหม่อยู่กับใครอีกคน
"พี่เหนือ กับข้าวไม่อร่อยเหรอคะ"
โสภิดาตักอาหารไปใส่จานให้เขาหวังเอาใจ...แต่หล่อนพลาดเสียแล้ว เมื่อเขากลับยิ่งแสดงท่าทีรำคาญ
"ไม่ต้องดาต้า พี่ตักกินเองได้"
โสภิดานั่งงงทำตาปริบ ๆ เมื่อเขาเปลี่ยนท่าทีกะทันหันหลังจากผู้หญิงคนนั้นปลีกตัวออกไป แววตาที่มองมา ผิดจากคนก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
"อิ่มแล้วเหรอคะ"
หล่อนถามเมื่อเห็นเขารวบช้อนเข้าด้วยกัน ตามมาด้วยการยกน้ำขึ้นจิบ ทั้งที่เพิ่งทานไปไม่กี่คำด้วยซ้ำ
"อืม...พี่ขอตัวก่อนนะ เธอก็นั่งทานไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องรีบ"
เขาลุกออกจากที่นั่ง ทำท่าจะเดินหนีไปเสียดื้อ ๆ และนั่นทำให้โสภิดารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
"พี่เหนือ! ทำแบบนี้กับดาต้าเหรอคะ"
เขาหันกลับมา แววตาเข้มตวัดมองคนที่ตะคอกใส่เสียงดัง ด้านโสภิดาลุกพรวดขึ้น ยืนกำมือแน่นมองหน้าคน
ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
"พี่เหนือเห็นดาต้าเป็นอะไรคะ นึกจะทำอะไรใส่ก็ทำกันง่าย ๆ เหรอคะ"
และภีมพลก็ทนเสแสร้งต่อไปไม่ได้ เขารู้สึกรำคาญและหงุดหงิดกับท่าทีเอาแต่ใจนั่นเหลือเกิน
"ก็พี่อิ่ม จะให้นั่งเฝ้าเธอหาพระแสงอะไรล่ะ เมียก็ไม่ใช่ ทำไมต้องนั่งเฝ้าฮึ!"
"อ๊ายยย ไอ้พี่เหนือ คอยดูนะคะ ดาต้าจะฟ้องคุณป้า จะฟ้องให้หมดเลยว่าพี่เหนือแกล้งดาต้า!"
"ไปเลย เชิญ จะฟ้องอะไรก็ฟ้อง!"
"ได้!"
หล่อนกระทืบเท้าเดินหนีไป ภีมพลมองตามหลังแล้วส่ายหัวออกมา เขากำลังคิดว่าพลาดที่คิดจะใช้โสภิดาเป็นเครื่องมือ เพราะดูแล้วคนที่เขาเข้าใจว่าคือปานตะวันไม่ได้มีท่าทีหึงหวงเขากับเด็กข้างบ้านแม้สักนิดเดียว
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นกลางดึกสงัด ภีมพลเดิน
ไปส่องตาแมว เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ริมฝีปากได้รูปก็กระตุกยิ้มเยาะ
'เอิง...ถึงกับต้องมาเคาะห้องผัวเก่าเลยเหรอ'
คิดพลางกระชากบานประตูให้เปิดออก...กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่โชยมาเข้าจมูก รอยยิ้มหวาน ๆ ที่คลี่ส่งมาให้ แววตากลมโตดำขลับที่จับจ้อง อีกทั้งความอวบอิ่มที่ชุดนอนซ่อนเอาไว้ไม่มิด สะกดให้เขายืนนิ่งราวต้องมนตร์
"เอิง...ขอเข้าไปข้างในได้มั้ยคะ"
แววตายาวรีที่มองมาอย่างออดอ้อน อีกทั้งกลิ่นกายแสนหอมหวานที่ระเรี่ยลอยวน ทำให้ภาพความทรงจำผุดพราวขึ้นมาในหัวภีมพล
แล้วเขาก็ไม่รู้ตัวเลยว่า ได้เปิดทางให้หล่อนเดินเข้ามาในห้องตอนไหน รู้ตัวอีกที...หล่อนก็พาร่างขึ้นเตียงของเขา ขยับเข้าไปทางฝั่งที่ลูกสาวของเขากำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็ก
“เอิง...มันไม่ใช่ที่ของเธอ ลงมา เดี๋ยวนี้!"
"ทำไมคะ ในเมื่อเราจะแต่งงานกันแล้ว อีกหน่อยเอิง
ก็ต้องมานอนที่นี่ การที่เอิงจะทำแบบนี้มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอคะ"
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เขารู้สึกพ่ายแพ้คนตรงหน้า เมื่อยอมไม่ได้จึงรีบปราดขึ้นเตียง คว้าแขนหล่อนแล้วฉุด
กระชากลากถูให้หล่อนลงไปจากพื้นที่ส่วนตัวของเขา
"โอ๊ย! เอิงเจ็บนะคะ"
หล่อนร้องออกมา เมื่อแรงช้างม้าเหวี่ยงหล่อนจนถลาไปติดข้างผนัง จนต้องคลำไปยังหัวไหล่ที่เจ็บจากแรงกระแทก
จำใส่หัวเธอเอาไว้! ความรักของเรามันจบไปแล้ว มันจะไม่มีอะไรเหมือนเดิม ที่พี่แต่งงานกับเธอก็เพราะไม่อยากขัดคุณพ่อ เธอควรสำเหนียกเอาไว้ ท่านมีโรคประจำ ตัวรุมเร้า อย่าทำอะไรให้ท่านต้องเครียดเป็นอันขาด"
"....."
"ถึงจะเป็นเมียแต่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้!"
"พี่เหนือ...แน่ใจว่าลืมเอิงได้จริง ๆ ใช่มั้ยคะ"
"ใช่! ลืมตั้งแต่วันที่เธอทิ้งลูกไปนั่นแหละ"
จันทร์เจ้าเอยยืนนิ่ง หล่อนนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อข่มอารมณ์...จะทำให้เขารักให้เขาหลงก็ต้องเอาตัวเข้าแลก เพราะไหน ๆ ก็เสียตัวให้เขาไปแล้ว คิดพลางสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกเพื่อรวบรวมความกล้า
'เอาน่าเอย...เธอไม่มีอะไรจะเสียไปกว่านี้แล้วนี่'
หล่อนใจสั่นไม่น้อย...ยามปลายนิ้วเรียวค่อย ๆ ลากไล้ไปบนไหล่ขาวเนียน แล้วเขี่ยสายชุดนอนให้เลื่อนหลุดลงไปค้างอยู่บนต้นแขนทั้งสองข้าง มองเขาด้วยแววตาเชิญชวน
"เอิง! ทำบ้าอะไร"
เขามองแววตายาวรีที่มองมาอย่างน่าสงสาร หล่อนเปลี่ยนท่าทีจากวันนั้นโดยสิ้นเชิง ด้วยการทำในสิ่งไม่คาดฝัน สายชุดนอนถูกเขี่ยออกจากต้นแขน เนื้อผ้านุ่มลื่นเลื่อนหลุดจากร่างลงไปกองอยู่ตรงปลายเท้า ภีมพลลมหายใจร้อนผ่าวหายใจติดขัด แววตาเข้มร้อนเป็นไฟ ได้แต่มัวตกตะลึง...หล่อนโนบราทั้งล่างและบน
ในใจเขาช่างต่างจากท่าทีภายนอก หล่อนทำให้เขาปั่นป่วนไปทั้งกายใจ รู้สึกหวามหวิวในอกลามเลียไปถึงช่องท้อง ราวกับมีผีเสื้อนับพันโบยบินอยู่ข้างใน
"เอิง! ใส่มันกลับขึ้นไป เดี๋ยวนี้!"
และก่อนจะตบะแตก เขารีบถลาลงจากเตียงแล้วเข้าไปหาร่างเปลือยเปล่าน่าจับกด สองมือรีบหยิบชุดนอนของหล่อนขึ้นมา เขาจะบ้าตายกับสองเต้าขาวอร่ามที่โดดเด่นทิ่มแทงสายตา ยั่วยวนจนน่าเอาหน้าเข้าไปซุกแล้วลองลิ้มชิมความหอมหวานด้วยปากและลิ้นเหลือเกิน
"อย่าโง่สิคะ มันเป็นเรื่องธรรมดาของผัวเมียกัน"
หล่อนไม่ยอมให้เขาได้สวมชุดนอนให้ ขยับร่างเข้าไปแนบชิด บดเบียดเข้ากับกายกำยำ สองแขนเคลื่อนไปคล้อง
ลำคอแกร่งเอาไว้ มองด้วยแววตาเชิญชวน
"เอิง...ออกไป..."
เขาเอ่ยไล่เสียงสั่นเบาหวิว เพราะรู้สึกได้...ใจกำลังอ่อนระทวยไปกับการยั่วยวนของเธอ
"เอิงรู้ว่าพี่เหนือเองก็อยาก ให้...เอิงช่วยนะคะ"
ท่ามกลางใจที่สั่นระรัวของจันทร์เจ้าเอย หล่อนพยายามเก็บซ่อนอาการตื่นเต้น...ความใกล้ชิดที่ทำให้ประหม่า กลิ่นกายของเขาที่ทำให้มือไม้สั่น และหล่อนรู้ตัวดี หล่อนเองก็กำลังจะเคลิบเคลิ้มไปกับเสน่ห์เรือนกายของเขา...บ้าไปแล้ว...ที่หล่อนมีความรู้สึกหวั่นไหวไปกับผู้ชายที่เคยข่มเหงน้ำใจกันอย่างป่าเถื่อน
มือข้างหนึ่งลากไล้ลงต่ำ...ตรงกลางกาย...หล่อนสัมผัสได้ถึงความแข็งขึงที่ดึงดันอยู่ภายใต้กางเกงนอน ตกใจจนเกือบชักมือกลับ เมื่อได้รู้ว่า...เขาเองก็ไม่ได้ใส่กางเกงไว้อีกตัว มีเพียงกางเกงนอนบาง ๆ เนื้อนุ่มที่ขวางกั้น แววตาเข้มหรี่มอง และอกอิ่มที่เบียดเสียดก็ทำให้คนถูกรุกรานอารมณ์กระเจิดกระเจิง หล่อนกำลังจะทำให้เขาตบะแตกจากความสาวสวยสด ใจเขากำลังดำดิ่งลึก ลุ่มหลงไปกับกลิ่นหอมตราตรึงที่ลอยกรุ่นอยู่ตรงหน้า
"เอิง...อย่า...พี่..."
เขาห้ามเสียงเบาหวิว เมื่อมือนุ่มยังคงลากไล้สัมผัสอยู่กับแก่นกายแข็งขึง ใจเขาเต้นเร่า อยากจับหล่อนกดแล้วจับสองขาขาว ๆ แยกออก ชำแรกแทรกลึกเข้าไปในกายของเธอแล้วกระแทกกระทั้นให้ร่างสาวสะท้านไหว
และเขาก็ไม่ทน สองแขนแข็งแรงรวบร่างเปลือยเปล่าขึ้นมา ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียง แล้วโยนร่างหล่อนไปบนนั้น ร่างหนักโถมตามลงไปทาบทับ ริมฝีปากอุ่นบดขยี้ลง
บนกลีบปากนุ่มจากกระแสปรารถนาแสนเชี่ยวกราก...จูบ...ที่ทำเอาจันทร์เจ้าเอยเผลอเคลิบเคลิ้มดื่มด่ำไปกับมัน ใจของหล่อนกำลังถูกเขาฉุดให้ดำดิ่งลึกสู่ห้วงพิสวาสที่มีหนามแหลมคม
กางเกงนอนของเขาถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว เขาแทรกตัวไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลางหว่างขาของหล่อน ใจของจันทร์เจ้าเอยเต้นเร่าเพราะความกลัวและตื่นเต้น หล่อนอายจนต้องเอี้ยวหน้าซุกกับหมอนหลับตาหนี รับรู้ได้ว่าเขาจับขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบนบ่ากำยำ
"อูวววว เอิง ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะลูกหนึ่งแล้ว"
อา...เนินเนื้อของหล่อนช่างสวยเหลือเกิน เขาครางฮืออยู่ในลำคอขณะจับจ้องกลีบสวาทด้วยแววตาหื่นกระหาย ท่อนเนื้อที่เบ่งบานเต็มที่จดจ่ออยู่หน้ารอยแยกสีชมพูระเรื่อ เขาแอ่นสะโพกดันสวนเข้าไปในร่องสวาทแดงฉ่ำอุ่นซ่านอย่างช้า ๆ
มันคับแน่นและเล็กแคบจนเขาแทรกเข้าไปได้อย่างยากลำบาก เขาขยับดัน ๆ ดึง ๆ อยู่อย่างนั้นชั่วครู่ ก่อนท่อนเนื้อจะแทรกหายเข้าไปร่องสวาทเต็มลำ ร่องสวาทนุ่มหยุ่นอุ่นซ่านนั้นคับติ้วจนเขาต้องสูดปากออกมาเบา ๆ
"เอิง เอิงจ๋า แน่นดีจริง ๆ"
ใบหน้าเหยเกแดงก่ำเพราะความเสียวซ่าน เขามองกลีบเนื้อที่ตึงเปรี๊ยะจนแทบปริแตกออกจากกัน มันโอบอุ้มตัวตนของเขาไว้อย่างแนบแน่นและลึกล้ำจนความสุขซึมซาบไปทั้งกายแกร่ง
และเพียงสอดประสานแทรกลึกแบบเนื้อแนบเนื้อ ความหวามไหวและสุขล้ำก็ซึมซาบไปทั่วหัวใจดวงน้อย ๆ ของจันทร์เจ้าเอย น่าแปลก ที่คราวนี้มันกลับทำให้หล่อนมีความสุข ไม่เจ็บปวดเหมือนครั้งแรกแสนเลวร้าย จนหล่อนลืมไปว่ากำลังเอาตัวเข้าแลกเพื่อหวังให้เขาติดกับดัก
"ซี๊ดดดด...พี่เหนือ...อืมมม"
"เอิง....เธอ...เจ็บหรือเปล่า...ซี๊ดดดด"
ความลืมตัว เขาจึงอดถามออกมาเพราะความเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเนินเนื้อของหล่อนยังคงเหลือร่องรอยแดงช้ำจากการล่วงล้ำ...ฝ่ามืออุ่นยื่นไปทาบลงบนพวงแก้มแดงระเรื่อ ลากไล้เบา ๆ ด้วยความอาทร เขาลืมไปว่าเกลียดหล่อนมากแค่ไหน
"อื๊อ...มะ...ไม่ค่ะ...มันแค่คับแล้วก็แน่นไปหมด...อืมมม"
"พี่จะ...ขยับแล้วนะ...ซี๊ดดดด...อูยยยย"
แววตาเข้มร้อนแรงหลุบมองท่อนเนื้อที่ครูดไปกับกลีบเนื้ออวบสีแดงจากแรงรัก...โอ...มันสวยงามจนเขาหวามไหวไปทั้งร่าง จนต้องโยกขยับอย่างช้า ๆ เพื่อยื้อเวลาแห่งความสุขให้ยืดยาวออกไป...อยากมีความสุขกับหล่อนนาน ๆ หัวใจร่ำร้องบอกแบบนั้น
เสียงหวานครางออกมายามเขากระแทกเข้าสุดออกสุดแบบเน้น ๆ เขาบดกรามจนเป็นสันนูนเพราะแรงตอดรัดในร่องสวาทกำลังบีบรัดท่อนเนื้อของเขาจนแทบจะขาดออกจากกัน ยามนี้เขารู้สึกแปลก ๆ อยู่ในหัวใจยิ่งนัก สรุปว่าเขาเกลียดหล่อนจริง ๆ หรือที่ผ่านมาแค่หลอกตัวเองกันแน่
หรือเพราะความจริงแล้ว เขาไม่อาจลืมแม่ของลูกได้ลง...เขายังคงเก็บหล่อนเอาไว้จนเต็มหัวใจ แต่เพราะความเจ็บปวดทำให้เขาหลอกตัวเองว่าเกลียดหล่อน
ในขณะที่จันทร์เจ้าเอยนั้นต้องงัดเล่ห์มารยาทุกวิถีทาง ทำยังไงก็ได้ให้เขารักและหลงหล่อนจนโงหัวไม่ขึ้น ไม่มีอะไรต้องอาย โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง
“อูยยย..เอิงมีความสุขเหลือเกินค่ะพี่เหนือ กระแทก...แรง ๆ...แรงกว่านี้อีกได้ไหมคะ”
เขาตอบสนองเสียงร่ำร้องแสนทรมานด้วยการขยับเอวใส่ไม่ยั้ง และไม่รู้ว่าเขาเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงทิ่มแทงได้หนักหน่วงรุนแรงถึงใจดีเหลือเกิน ความกระสันทำให้หล่อนก็เด้งเอวสวนขึ้นไป เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังประสานอยู่ในห้องกว้าง ห้องที่เสียงไม่อาจเล็ดลอดออกไปได้
"อูยยยย...ซี๊ดดด...เอิง...หยะ อย่า อย่าทำแบบนั้น...อย่าขมิบ...พี่เสียว...อู้วววว"
"เอิง...มะ...ไม่ได้ทำ...เอิงเสียว ของพี่เหนือมันคับร่องไปหมด เสียวไม่ไหวแล้วค่ะ...ซี๊ดดด...อาาาา”
ภีมพลชักท่อนเนื้อออกมาจากร่องสวาท แล้วสอดกระแทกเข้าไปใหม่ เขาส่ายเอวไปมาแล้วเอาออกมา ก่อนสอดเข้าไปใหม่อีกครั้ง เสียงหวานครางประท้วงเมื่อเขาทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นจนหล่อนต้องเด้งสะโพกเข้าหา เขาตอบสนองการเรียกร้องทางกายด้วยการชักออกมาจนสุดลำแล้วกระแทกเข้าไปใหม่แรง ๆ จนหล่อนร้องครางดังลั่นเพราะมันทั้งเสียวและสะใจ จนสั่นสะท้านไปทั้งกายและใจ
“ซี๊ดดด...พี่เหนือขา...เสียวอะไรแบบนี้ พี่เหนือเอามันส์ที่สุด...อูยยย”
“ซี๊ดดด...เอิง...เอิงจ๋า...ร่องแน่น ๆ ของเธอตอดตลอดเวลาเลย ของเธอก็ทั้งมันส์ทั้งเสียว พี่จะเสร็จแล้ว...อูยยยย”
“หยะ อย่าหยุด! กระแทกแรง ๆ เลยค่ะ...ซี๊ดดด...”
"ซี๊ดดด...เอิง! เอิง! โอวววว"
เขาร้องครางพร่ำเพ้อละเมอเสียงสั่นพร่า น้ำรักขุ่นข้นปลดปล่อยเข้าสู่ร่องสวาทจนหล่อนรับรู้ได้ถึงท่อนเนื้อที่กระตุกอย่างรุนแรงอยู่ข้างใน กายกำยำเกร็งกระตุกตามเพราะความเสียวจากร่องสวาทที่ตอดรัด จากนั้นหล่อนก็แอ่นสะโพกเข้าหาแล้วร้องลั่นออกมาด้วยสีหน้าซ่านเสียว จนเขาต้องรีบกระแทกแรง ๆ เพื่อช่วยให้หล่อนได้ปลด ปล่อยน้ำสวาทออกมาจนชุ่มโชกท่อนเนื้อที่ยังคงขยับอยู่อย่างนั้น ฝังอยู่ข้างในร่องหลืบร้อนฉ่าไม่ยอมเอาออกมา
หญิงสาวนอนแผ่หมดแรงปล่อยให้ร่างหนักโถมทับเอาไว้อย่างนั้น รับรู้ได้ว่าหัวใจของเขานั้นเต้นแรงจากการใช้พลังจนเหนื่อยหอบ สองแขนเรียวกอดเกี่ยวแผ่นหลังชื้นเหงื่อเอาไว้ ต่างมีความสุขล้นจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดใด ๆ ได้เลย
ชายหนุ่มขยับอีกหลายครั้งอย่างช้า ๆ เพื่อช่วยให้หล่อนหลั่งน้ำรักออกมาจนหมด เมื่อเสียงครวญครางอย่างเป็นสุขนั้นแผ่วลง เขาจึงค่อยๆ ผ่อนแรง พร้อมดูดปากชมพูระเรื่อที่เผยอออกจากกันอย่างดื่มด่ำ จูบที่จันทร์เจ้าเอยเผลอใจดำดิ่งลึกกับรสสัมผัสจากเขาซึ่งเป็นผู้ชายคนแรก เขาซึ่งพรากความสาวหล่อนไปเพราะความเข้าใจผิด คิดเองเออเองฝ่ายเดียว
ยาวนานเหลือเกินกว่าที่สองกายอ่อนแรงจะยอมผละออกจากกัน และคืนนี้มันจะไม่เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว เมื่อหล่อนทำให้เขาติดใจในรสสวาทจนต้องปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกหลาย ๆ ครั้ง ในขณะเดียวกันสาวน้อยนลินก็ยังคงหลับสนิท ราวกับรู้จึงไม่ตื่นขึ้นมางอแงหรือขัดขวางให้กิจกรรมรักบนเตียงต้องสะดุดลง