ทุกลมหายใจผ่อนเข้าออกด้วยจังหวะที่ไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากต้องทำงานหนักมาตั้งแต่ช่วงเช้า ดรุณีต้องวิ่งวนระหว่างบ้านกับร้านเพื่อมาดูลูกค้ากับลูกสาว หนูขวัญอาการดีขึ้นบ้างแล้วหลังได้รับการรักษาจากคุณหมอที่ย่าของแกพามารักษาถึงบ้าน แต่ก็ยังไม่สดชื่นเท่าไหร่นัก หนูน้อยยังนอนติดเตียง ตื่นมาทีไรก็ชอบอ้อนขอให้กอด ดรุณีเห็นแล้วชื่นใจดีใจที่ลูกกลับมามีชีวิตชีวามากกว่าช่วงสองสามวันก่อน วันนี้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการร้านบ้านขนมหวานของตนค่อนข้างเยอะ ทำเมนูเสิร์ฟแทบไม่ทัน
หญิงสาวเหลือบไปมองนาฬิกาบ่อยครั้งสงสัยว่าทำไมป่านนี้น้องสาวยังกลับมาไม่ถึงร้านอีก วาฟเฟิลหอมกรอบถูกนำออกจากเครื่องอบมาตากพัดลมลดระดับความร้อน แปรงเล็กๆ ปาดหน้าเนยมาเช็ดทำความสะอาดเครื่อง ก่อนมือเล็กจะเทแป้งวาฟเฟิลลงไปอบอีกครั้ง ลูกน้องในร้านเข้ามาจัดส่วนที่เสร็จใส่จาน โรยหน้าด้วยท็อปปิ้งต่างๆ ตามออร์เดอร์ นำไปเสิร์ฟลูกค้า ร้านแห่งนี้นอกจากเครื่องดื่มแล้วยังมีเค้ก ขนมหวาน อาหาร รวมถึงเมนูอื่นอีกมากมาย มีโต๊ะประมาณยี่สิบโดยเหมารวมโต๊ะอินดอร์ในสวนด้านนอก ร้านไม่ใหญ่มาก ดูแลกันเองในครอบครัวแค่พี่กับน้อง
เจ้าของร้านชื่อ ‘ดรุณี’ อายุย่างยี่สิบหก หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ผิวพรรณเนียนสวย มีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบไม่เว้นวันแม้จะรู้ว่าหญิงสาวมีลูกสาวแล้วหนึ่งคน และน่ารักมากด้วย ส่วนเจ้าของร้านอีกคนชื่อ ‘ดาริกา’ นักศึกษาสาวปีสี่
สองพี่น้องคู่นี้หน้าตาสวยน่ามองไม่แพ้กัน แต่ดูเหมือนคะแนนความนิยมจะอยู่ที่คนเป็นพี่เพราะอ่อนหวานมากกว่า ส่วนคนน้องนั้นดุยิ่งกว่าพิตบูล ใครมาจีบก็ถูกไล่กลับบ้านทุกราย
ดาริกาบอกไม่อยากมีแฟน ไม่สนใจจะคุยกับใคร เพราะกลัวได้แฟนได้พ่อของลูกห่วยๆ แบบพี่เขย น้องสาวหล่อนพูดเกินไป ภูดิศไม่ได้ห่วยขนาดนั้นซะหน่อย ตรงกันข้ามเขาเป็นพ่อที่ดีมาก รักลูก เลี้ยงลูกแทนหล่อนได้สบาย ก็แค่ไม่รักหล่อนเท่านั้นแหละ
ทำไงได้ ก็หล่อนไม่มีอะไรที่คู่ควรเขาเลยนี่นา
ร้านนี้เป็นธุรกิจของครอบครัวตั้งแต่สมัยบิดามารดาของทั้งสองยังมีชีวิต พวกท่านรักร้านนี้มากและหวังอยากให้ทั้งสองช่วยกันดูแลร้านให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเยอะๆ แรกเริ่มนั้นดรุณีเป็นพนักงานออฟฟิศ แต่เพราะมีเหตุจำเป็นบางอย่างทำให้ไม่สามารถทำงานต่อได้ จึงตัดสินใจกลับมาบริหารงานในร้านได้ร่วมสามปีแล้ว ช่วงบ่ายสามไปจนถึงหกโมงเย็นลูกค้าจะแน่นร้านเป็นพิเศษส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน ร้านบ้านขนมหวานของสองศรีพี่น้องตั้งอยู่ใกล้โรงเรียน แหล่งช็อปปิ้ง และห้างสรรพสินค้า สามารถเดินมาจากรถไฟฟ้าได้แค่ห้านาทีก็ถึง ภายในร้านเป็นกระจกรอบด้าน ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ง่ายๆ เน้นกระถางต้นไม้และรูปภาพต่างๆ ให้ดูสภาพตาสบายใจ แม้จะยังสวยแต่มันก็เก่าบ้างแล้วแหละ
“ออร์เดอร์ใหม่นะคะพี่ดา เยอะมาก ลูกค้ายกโขยงกันมากินเลี้ยงวันเกิดเกินสิบคนค่ะ”
ก็ดีสิ ลูกน้องทำหน้าเหนื่อยแต่ดรุณีกลับยิ้มรับ ชอบใจที่มีลูกค้าเข้าร้านเยอะ
“พี่ทำอาหารเอง หนูมาทำวาฟเฟิลแทนพี่ทีนะ”
ดรุณีให้น้องทำต่อส่วนตัวเองนั้นเข้าครัวไปทำเมนูไข่ข้นใส่เบคอน เสียงลูกค้าจอแจดังไปทั้งร้านส่วนพนักงานก็เร่งปั่นเครื่องดื่ม ทำขนม ทำอาหารยกใหญ่แทบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองอะไร จนกระทั่งดาริกากลับจากมหา’ลัย น้องวิ่งแปดคูณร้อยมาจากบีทีเอส หอบแฮ่กๆ หน้าเคาร์เตอร์ร้าน ผมเผ้ายังชี้ฟูอยู่เลยก็รีบวิ่งไปสวมผ้ากันเปื้อนพร้อมทำงาน
“ขอโทษที่มาช้านะคะพี่ดา พอดีดรีมเข้าไปหาอาจารย์มา”
“พี่เข้าใจ ดรีมดูหน้าร้านให้พี่ทีนะ ยังเหลือเมนูอาหารอีกสามจาน”
“ได้ค่ะ ไว้ใจได้เลยเดี๋ยวดรีมช่วยดูให้”
ดาริกายิ้มรับ รวบผมลวกๆ ขึ้นมัดทบเป็นมวยด้านบนไม่ให้มันรกรุงรังใบหน้า ก่อนจะวิ่งวุ่นช่วยพนักงานเสิร์ฟอาหาร ว่างก็มาปั่นเครื่องดื่ม รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูกค้าแค่คนเดียวหรือสองคนก็ทำให้คนมองมีความสุขได้แล้ว ร้านนี้เป็นธุรกิจครอบครัวดังนั้นดาริกาจึงรักมันมาก ออร์เดอร์เยอะไปถึงช่วงหนึ่งทุ่มก็เริ่มมีน้อยลง เหลือลูกค้าไม่กี่โต๊ะเท่านั้น น้องพนักงานจัดเก็บสถานที่ ล้างอุปกรณ์บางส่วน และกลับในเวลาสองทุ่ม
หลังจากนั้นดรุณีกับดาริกาช่วยกันดูร้านแค่สองคน
“เป็นยังไงบ้างคะ”
สาวน้อยชุดนักศึกษาเดินยิ้มมาแต่ไกลเข้ามาหาพี่สาว ก้มลงมองบัญชีของร้านอ่านยังไงก็ไม่ค่อยเข้าใจ ดาริกาลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ หยิบใบเสร็จต่างๆ ขึ้นมาดู ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าวัตถุดิบ มองแล้วก็กลอกตาแรง เหนื่อยหน่าย ค่าใช้จ่ายสูงลิบจนแทบมองไม่เห็นตัวกำไร แค่พอมีหมุนในร้านแบบเดือนชนเดือนเท่านั้น
การทำร้านขนมให้ได้กำไรสูงๆ ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้มันยากมาก มองไปทางไหนก็มีร้านแบบนี้อยู่เต็มไปหมด คู่แข่งเยอะ ก็ต้องขายตัดราคากัน เน้นที่ราคาไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนไปเน้นที่จำนวนลูกค้าแทน ผลก็อย่างที่เห็น ถึงแม้ลูกค้าจะเยอะแต่รายได้ของร้านก็ไม่ได้สูงตามไปเลย
พี่สาวหันมามองหน้า มีแววตาเศร้า เท่านั้นดาริกาก็คอตก เสียใจ กลัวจะรักษาร้านไว้ไม่ได้นาน
“ดรีมก็รู้ว่าเราขายได้เยอะก็จริง แต่ค่าใช้จ่ายของเราก็มีเยอะไม่ต่างกัน ดูวันต่อวันไม่ได้หรอก ไว้รอสรุปยอดกำไรรายเดือนแล้วกันนะ” แตะไหล่น้องให้กำลังใจ หล่อนเองก็รักร้านนี้ไม่แพ้กัน ก็คงต้องดูแลช่วยกันต่อไปอาจจะมีสักวันที่ลูกค้าเข้ามากกว่านี้
“ดรีมเพิ่งรู้ว่าเพื่อนในสาขาคนหนึ่งทำเพจรีวิวที่เที่ยว คนตามเยอะมากน่าจะหลักแสน ดรีมจะขอเขาให้มารีวิวร้านเรา พี่ดาคิดว่ายังไงคะ”
อีตาแอดมินเพจก็เป็นหนึ่งในคนที่ตามจีบ ดาริกาเชิดใส่หลายครั้งแต่พอมานึกๆ ดูแล้ว หว่านเสน่ห์แลกผลสักนิดคงไม่เป็นไร ว่าแล้วสาวนักศึกษาก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ว่าแต่… อีตานั่นจะยอมช่วยดีๆ ไหมนะ หล่อนดันด่าไปเยอะเลยตั้งแต่รู้ว่าเขาสนใจจะจีบตนเอง
“ถ้าทำได้ก็ดีเลยสิ ขอบใจดรีมมากนะ”
มีประกายสดใสจากดรุณีแว็บเดียวเท่านั้นทว่าวินาทีถัดมาก็กลับมาเครียดเหมือนเดิม ตอนนี้ในหัวหล่อนมีหลายเรื่องให้ต้องคิด ต้องทำ กายอรชรลุกออกจากเก้าอี้นำใบเสร็จและสมุดบัญชีร้านไปเก็บให้มิดชิด ล็อกกุญแจเสร็จสรรพ หล่อนทอดสายตามองล็อกเกอร์ตู้นั้น ก่อนจะค่อยๆ หมุนกายกลับมาเพื่อสบสายตากับน้องสาว ฝั่งดาริกานั้นเลิกคิ้วขึ้นสูงเชิงถาม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมพี่ดามองหน้าดรีมแบบนั้น”
“พี่คิดว่า… จะออกไปหางานทำ”
“ทำไมล่ะคะ ช่วยกันทำร้านก็ดีอยู่แล้วนะ”
“อีกเดือนเดียวดรีมก็เรียนจบแล้ว เข้ามาบริหารเต็มตัวได้ พี่ออกไปทำงานข้างนอกเราก็จะได้มีรายได้เพิ่มด้วยไง ไม่ดีเหรอ”
ฝืนใจส่งรอยยิ้มไปให้ แม้ข้างในหัวใจจะเจ็บปวดและหวาดกลัวมากแค่ไหนก็ตาม ห่วงร้าน ห่วงน้อง ห่วงลูก แต่ก็อยากมีรายได้เยอะๆ มาเลี้ยงลูก เผื่อสักวันหนึ่งไม่มีใครคอยช่วยเรื่องเงินจะสามารถเลี้ยงลูกเองได้ สิ่งที่ดรุณีกลัวจับใจคือการถูกแย่งลูกไป หากภูดิศอยากหย่าและจะยื่นขอสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกก็ย่อมทำได้ เขามีเงิน มีอำนาจ มีความพร้อมมากกว่า
ส่วนหล่อน… แทบจะไม่มีอะไรติดตัวเลย
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างสองพี่น้อง ดรุณีก้มหน้าลง เผยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเล่าต่อ “เมื่อวานที่คุณเคนมาหา เขาชวนพี่ไปทำงานด้วย เขามีแผนจะมาเปิดบริษัทที่เมืองไทยก็เลยอยากได้คนคอยช่วยงาน สำนักงานไกลหน่อยแต่เขาอาสาออกค่าใช้จ่ายการเดินทางให้ หรือถ้าพี่ไม่อยากไปกลับ เขาก็เสนอที่พักพนักงานให้ แต่… พี่ไม่กล้าตอบรับ”
เพราะนามสกุลที่ใช้ยังเป็นของภูดิศ
ถึงแม้จะชอบคุณเคนคนนี้ที่แสนใจดีและจริงใจ แต่ดาริกายังไม่อยากให้พี่สาวด่วนตัดสินใจ
“คุณเคนก็ทำบริษัทเกี่ยวกับการก่อสร้างไม่ใช่เหรอคะ พี่ดาคิดดีแล้วหรือยัง ถ้าคุณแก้วรู้เข้า ท่านต้องไม่พอใจและมาต่อว่าพี่ดาอย่างแน่นอน”
“พี่ถึงหนักใจไง” ดรุณีถอนหายใจอย่างอ่อนล้า จะไปทำอะไรก็ไม่ได้ ได้แค่ทำร้านขนมงกๆ นามสกุลของเขาเปรียบเสมือนคำสาป และการผูกมัดหล่อนไม่ให้ออกไปไกลจากร้านขนมแห่งนี้ ดรุณีครุ่นคิดมานานแล้วว่าถึงเวลาหรือยังที่จะคืนนามสกุลให้เขา
“ถ้าพี่ดาอยากทำงานกับคุณเคนจริงๆ ดรีมว่าพี่ดาจัดการเรื่องหย่าก่อนเถอะ คนอย่างคุณแก้วไม่ยอมให้พี่ดาทำอย่างนั้นแน่ ท่านคงอับอายจนแทบอยากหน้าแทรกดินหนีถ้าคนอื่นรู้ว่าเราเกี่ยวข้องกับท่านยังไง ดรีมไม่กลัวหรอกนะ แต่แค่ไม่อยากให้พี่ดามีปัญหา”
คุณแก้วกัลยา คือภรรยาเจ้าของบริษัทคอนสตรัคชั่นยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย และอีตาลูกชายคนกลางของท่านก็คือพี่เขยสุดห่วยของหล่อนนี่แหละ ไม่ชอบหน้าทั้งแม่ทั้งลูกเลย เจอทีไรอยากวิ่งหนีให้ไกลถึงขอบโลก สองคนนี้ใจดีแค่กับหนูขวัญเท่านั้น พูดเพราะ พูดหวาน แต่กับพี่สาวหล่อน ไม่ชอบหน้า เจอทีไรเอะอะก็แขวะเอะอะก็เหน็บต่อว่าต่างๆ นานา คิดว่าตัวเองวิเศษมาจากไหนก็ไม่รู้
ดรุณีฝืนยิ้ม พยักหน้ารับ “พี่ก็คิดเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว คุณหมอกเอง… ก็เกริ่นๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว” ว่าอยากหย่า อยากปล่อยกันและกันให้ไปเจอคนอื่นที่ดีกว่า เขาหมายถึงใคร หมายถึงตัวเองใช่ไหมที่อยากเจอผู้หญิงคนอื่น เพราะสำหรับดรุณีแล้ว ถึงแม้มันจะเจ็บปวด แต่คงไม่มีอะไรสุขใจไปมากกว่าการได้อยู่ใกล้คนที่ตนเองหลงรัก
“เหอะ! ถ้าพี่ดาหย่าให้จริง คงปิดบ้านเลี้ยงไปสิบวัน ดีใจยิ่งกว่าบริษัทได้กำไรหมื่นล้านอีกมั้ง!”