เอ่ยอย่างเหยียดๆ เกลียดในตัวภูดิศที่ไม่เคยให้เกียรติพี่สาวของหล่อนเลย ควงผู้หญิงคนอื่นออกงานเดือนละคน ไม่ยอมให้ใครรู้ด้วยซ้ำว่าจดทะเบียนกับพี่สาวหล่อนแล้ว ผู้ชายเฮงซวย เห็นแก่ตัวพรรคนั้น อุตส่าห์สาปแช่งทุกวัน ไม่น่าอายุไม่ยืนมาถึงทุกวันนี้
ทันใดนั้นเองประตูร้านจากที่เปิดพอแง้มๆ ก็ผลักเข้ามาเต็มบาน ทั้งสองหันไปมองต่างก็ตกใจเมื่อเห็นคุณแก้วกัลยาเดินหน้าบึ้งเข้ามา
ท่านตวัดสายตามาจิกใส่ดาริกา “จะนินทาอะไรใคร ทำไมไม่เช็คให้ดีๆ ก่อนล่ะดรีมว่าปิดประตูหรือยัง”
ยอมรับว่าตกใจ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะเถียงกลับในทันที “ก็นี่มันร้านของเรานี่คะ จะพูดอะไรต้องเกรงใจใครด้วยเหรอ”
“ดรีม!” ปรามน้องสาวไม่ให้หยาบคายไปมากกว่านี้ น้องแสนดื้อเชิดหน้าใส่ไม่ยอมขอโทษคุณแก้วด้วยซ้ำ เป็นฝ่ายดรุณีที่ต้องเข้าไปยกมือไหว้ท่าน “ดาขอโทษแทนน้องด้วยนะคะ คุณแก้ว”
“ฉันไม่ถือโทษเด็กไร้มารยาทหรอก” หญิงวัยกลางคนมาดคุณนายจิกสายตาใส่ดาริกา ดูทำเข้า ยังมีหน้ามาเชิดใส่ตนอีก ไม่ยอมไหว้ด้วยซ้ำ ท่านเห็นว่านับวันดาริกายิ่งทำตัวก้าวร้าวมากขึ้น
“หัดสั่งสอนน้องบ้างนะ ทำตัวแบบนี้เรียนจบไปทำงานที่ไหนคงไม่มีใครอยากรับหรอก ฉันแวะมาเยี่ยมกับเอาของมาให้หลาน”
ของที่ว่าคือเสื้อผ้าสำหรับเด็กผู้หญิงแต่ละตัวสวยๆ ทั้งนั้น มีนม ขนม และของเล่นสองสามชิ้น บรรจุอยู่ในถุงขนาดใหญ่
ดรุณียกมือไหว้ก่อนรับของส่งให้ดาริกานำไปเก็บในบ้าน เดินทะลุหลังร้านไปก็ถึง เครื่องปรับอากาศแม้จะถูกเปิดให้เย็นมากแค่ไหนแต่ก็ดับความร้อนในใจดรุณีไม่ได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคุณแก้วกัลยาเพียงลำพัง ท่านถามถึงอาการของหลาน อยากจะเจอแต่หลานยังหลับก็เลยไม่รบกวน หล่อนตอบกลับทุกคำถามจากนั้นท่านก็เงียบไป
ดรุณีรู้สึกอึดอัด จึงทำลายความเงียบด้วยการนำน้ำมาเสิร์ฟ ท่านปรายสายตามามอง ไม่ดื่ม ไม่แตะ แต่ก็ไม่ไปไหน กวาดสายตามองรอบๆ ร้าน ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่ง “ฉันได้ยินเรื่องที่เธอพูดเมื่อกี้หมดแล้วนะ นายเคนเสนอจะให้เงินเดือนกี่บาทล่ะ”
น้ำเสียงของคุณแก้วกัลยาค่อนข้างเหน็บแนม ดรุณีจึงบอกตัวเลข แอบเห็นว่าท่านแสยะยิ้ม
“ก็ถือว่าเยอะนะ สำหรับคนว่างงานนานอย่างเธอ”
“ค่ะ” หญิงสาวยิ้ม ก็ไม่รู้จะพูดคำไหนได้ดีกว่านี้อีกแล้ว ลดสายตาลงต่ำมองกระเบื้องและถุงเท้าที่ตนเองสวมใส่ มันช่างเรียบง่าย แตกต่างจากรองเท้าส้นเตี้ยมีราคาของคุณนายแสนล้านอย่างคุณแก้วกัลยา อายุท่านแม้จะห้าสิบกว่าแล้วแต่รูปร่างและใบหน้ายังสง่างาม และยังทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสในบริษัทร่วมกับคุณภูธเนศผู้เป็นสามี ทุกครั้งที่ได้เผชิญหน้ากัน ดรุณีมักจะจำวันแรกที่เจอท่านได้เสมอ สตรีผู้ดี ร่ำรวย เก่งกาจ ไม่สนใจใครหน้าไหน คนทำงานดีก็ถูกชม ส่วนคนทำงานพลาดท่านด่ากราดไม่เว้นช่วงให้ใครหายใจ ทุกคนที่ถูกท่านด่าต่างถูกเชิญให้ออกจากงานทั้งนั้น และดรุณีเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะมีปัญหาสุขภาพขณะนำเสนองานต่อหน้าลูกค้า จนกระทั่งมารู้ทีหลัง ว่ากำลังตั้งครรภ์กับลูกชายท่าน ตนก็ตกงานเสียแล้ว
คุณนายถอนหายใจ สงสารลูกสะใภ้อยู่นะ รู้ว่าดรุณีอยากมีรายได้เพิ่มเพื่อจะได้สิทธิ์การเลี้ยงดูลูก ในกรณีที่ลูกชายของตนต้องการจะหย่าขาดและเรียกร้องสิทธิ์นี้ แต่เพราะนิสัยท่านเชิดแบบนี้มานานแล้วก็เลยพูดอะไรอ่อนโยนไม่เป็น
“ถึงแม้ว่าการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับเธอ แต่ฉันก็ควรมีสิทธิ์บอกว่าฉันไม่ชอบถ้าเธอเลือกจะไปทำงานกับคู่แข่ง เธอกำลังใช้นามสกุลของฉัน จะคิดจะทำอะไรก็เห็นแก่หน้าตระกูลของฉันบ้าง”
“ดาเข้าใจค่ะ ดาจะรอจัดการเรื่องหย่าก่อนถึงจะตอบรับคำชวนของคุณเคน”
“ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์นะดรุณี อย่าลืมสิว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ของฉัน! จะไปทำงานกับคู่แข่งได้ยังไง”
“แล้วคุณแก้วจะให้ดาทำยังไงคะ ดาอยากมีงานทำ คุณแก้วก็รู้นี่คะว่าเพราะอะไร” ลูกชายท่านพูดกรอกหูทุกวันเรื่องหย่า เจอหน้าทีไรก็พูดถึงแต่เรื่องนี้ หัวใจดรุณีอ่อนล้าไปหมดเพราะคำพูดพวกนั้นจากภูดิศ หล่อนเจ็บขนาดนี้ ท่านยังไม่เห็นใจกันบ้างอีกเหรอ
“สนใจคำพูดฉันคนเดียวก็พอแล้ว ตาหมอกจะพูดอะไรก็ปล่อยเขาพูดไป!” ท่านยืนกรานหนักแน่นแบบนี้และทำได้มาหลายปีแล้ว ถึงจะไม่ได้พอใจในตัวดรุณีนัก อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็เป็นแม่ของหลานท่าน ยังไงท่านก็ยกตำแหน่งลูกสะใภ้ให้แค่ดรุณี ผู้หญิงรายทางที่ตาหมอกควง ก็ตัวหลอกทั้งนั้น มองแว็บเดียวก็ดูออกถึงไส้ถึงพุงแล้ว
จนถึงทุกวันนี้ในใจตาหมอกก็มีแต่แม่นั่น ไม่เคยรักคนอื่นเลย
“คุณแก้วเป็นแม่คุณหมอก เข้าใจคุณหมอก แต่ไม่เคยเข้าใจเลยว่าดารู้สึกยังไง เสียใจมากแค่ไหน” ดรุณีหลั่งน้ำตาต่อหน้าและท่านก็ทำเหมือนทุกครั้ง คือเมินหน้าหนี มือหล่อนเกิดสั่นระริก
ในทันใดนั้นเองดาริกาก็กลับเข้ามาในร้านและมายืนเคียงข้าง อ้อมแขนของน้องอุ้มหลานมาด้วย หนูขวัญมองหน้าคุณแม่สลับกับคุณย่า แกกำลังสงสัยว่าคุณแม่ร้องไห้ทำไมจึงส่งมือมาให้ท่านอุ้ม
“หนูขวัญ มาหาคุณย่าสิคะ” ท่านเปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก ส่งยิ้มให้หลานจะเข้ามาอุ้ม แต่ดาริกาไม่ยอมให้เข้ามา
“เธอคิดจะทำอะไร” เด็กคนนี้ชักจะหยาบคายขึ้นทุกวัน!
สาวน้อยนักศึกษาก้มศีรษะลงเล็กน้อยต่อหน้าท่าน “ขอโทษนะคะคุณแก้ว แต่ไม่ใช่วันนี้ค่ะ หลานของดรีมยังไม่หายป่วยเกรงว่าน้ำมูกของแกจะไปเลอะชุดแพงๆ ของคุณเข้า”
“เธอกำลังประชดฉันอยู่นะดรีม” คุณนายเหวลั่น ชี้หน้าเด็กสาวรุ่นลูก ท่านเกรี้ยวกราดเสียจนลุงคนขับรถตกใจ ลุงนิรุตจะเข้ามาขัดทว่าถูกด่าเปิง ถอยหลังไปหลายก้าว ไม่กล้าเข้ามายุ่งอีก
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ได้ประชด”
“ฉันรุ่นแม่เธอนะ หัดเคารพกันบ้างสิ!”
“ดรีมไม่ได้อยากหยาบคายนะคะ แต่สิ่งที่คุณแก้วกับครอบครัวคุณแก้วทำกับเรามันมากเหลือเกิน ดรีมกลั้นใจพูดประจบคุณไม่ได้ พี่ดาเองก็อยากหย่ากับคุณหมอก เราคุยกันแล้ว”
“ดรีม! ดา! พวกเธอรู้ตัวใช่ไหมว่ากำลังพูดอะไร และกำลังพูดกับใคร! ถ้าฟ้องหย่าจริงคิดเหรอว่าเธอสองคนจะเอาปัญญาที่ไหนมาชนะฉันกับตาหมอก มีทรัพย์สินแค่ร้านเล็กๆ นี้ แถมมีแววจะเจ๊งเหล่ไม่เจ๊งเหล่ คิดเหรอว่าศาลจะตัดสินให้พวกเธอเป็นฝ่ายชนะ ได้เลี้ยงหลานฉัน!”
ท่านชี้หน้ากราดด่าแม้หลานจะยังอยู่ตรงนี้
“พอเถอะค่ะ ดา… สงสารลูก” ดรุณีสะเทือนใจ สะอึกสะอื้น ปิดตาลูก ไม่อยากให้แกเห็นภาพคุณย่าในมุมมองที่แปลกไป ทว่าคุณแก้วยังไม่ยอมหยุดด่า ชี้หน้าด่าทั้งจะเข้ามาตีแขนดาริกา ทะเลาะกันลั่น ในที่สุดหนูขวัญก็แผดเสียงร้องไห้ออกมา
“แง้…”
“หย่าได้ แต่ฉันต้องเป็นฝ่ายได้เลี้ยงหนูขวัญ ไม่ใช่พวกเธอ!”
“…”
“เสียแรงที่ฉันช่วยเรื่องเงินเธอมาตลอดนะดรุณี ถ้าฉันรู้ว่าน้องสาวเธออกตัญญูแบบนี้ ฉันไม่ช่วยเธอให้เสียความรู้สึกหรอก!”
“ดาขอโทษนะคะ ดรีมพอเถอะ…”
“เรื่องนี้คุณหมอกพูดกับพี่ดาทุกครั้งที่เจอหน้า แล้วคุณแก้วจะให้เราทำยังไงคะ ให้หน้าด้านเก็บทะเบียนสมรสไว้ทำไม”
ดาริกาพยายามใช้เหตุผลอธิบาย แต่ดูเหมือนว่าคุณแก้วจะไม่สนใจ เป็นฝ่ายดรุณีที่ทนสงสารลูกไม่ไหวรีบพาแกออกมา หนูขวัญร้องไห้ไม่ยอมหยุดแม้จะถูกวางตัวลงบนพื้น มีคุณแม่คอยเช็ดน้ำตาให้
“ฮึก… ฮือ… คุณย่า…” ยัยหนูเพิ่งสองขวบเศษ ยังพูดได้ไม่กี่คำ ก็แค่ คุณแม่ ดรีม ป๊ะป๋า คุณปู่ คุณย่า ทุกคนรักหนูขวัญกันทั้งนั้น แต่วันนี้คุณย่ากลับขึ้นเสียงใส่ แกเพิ่งฟื้นจากไข้กลัวจะร้องไห้แล้วร่างกายกลับมาร้อนอีก ถ้าลูกป่วยซ้ำสอง หล่อนคงแทบขาดใจ
“ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณแม่อยู่ตรงนี้แล้ว หนูขวัญไม่ต้องร้องแล้วนะลูก คุณย่าไม่ได้โกรธ ท่านรักหนูขวัญนะ”
“ฮือ…” เด็กหญิงตัวน้อยใช้กำปั้นเล็กๆ ขยี้ตา โถมกายเข้ากอดมารดา ทิ้งน้ำหนักศีรษะลงกลางอกแสนอุ่นของท่าน
“ไม่ต้องร้องนะลูก ไม่ต้องร้องไห้นะคะ”
ดรุณีเช็ดน้ำตาให้ลูก แม้บนใบหน้าตนเองจะมีมากกว่าก็ตาม ดรุณีสะอึกสะอื้นร่ำไห้เนื้อตัวสั่นสะท้าน น้อยใจในตัวคุณแก้ว คุณหมอก และทุกคน ว่าทำไมถึงใจร้ายกับหล่อนมากขนาดนี้
คุณแม่ยังสาวร้องไห้อย่างหนัก จนกระทั่งมือป้อมๆ ยกขึ้นมาแตะบนแก้ม หล่อนจึงรู้ ว่าทั้งชีวิตนี้จะขออยู่เพื่อลูกเพียงคนเดียวเท่านั้น