4|

1218 Words
“นานาหลับไปนานมากเลยเหรอคะ” ฉันตื่นขึ้นมาก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว “สดชื่นขึ้นมั้ยคะ” “ปวดหัวมากกว่าค่ะ ทำไมไม่ปลุกคะ” “ไม่กล้าค่ะ เห็นกำลังหลับสบาย” “ขอยาแก้ปวดก่อนได้มั้ยคะ” “ทานมื้อเย็นก่อนดีกว่าค่ะ” “ก็ได้ค่ะ แล้ว ที่นี่เขากินข้าวกันแบบนี้เหรอคะ นานาหมายถึงห้องใครห้องมัน” “เปล่าหรอกค่ะ ที่นี่มีห้องทานข้าวแต่วันนี้คุณหิรัญไม่อยู่ค่ะ แล้วก็สั่งให้จันทร์ยกอาหารมาให้คุณนานาบนนี้ด้วย” อ่อ เพราะเขาไม่อยู่นี่เอง ถึงอยู่ฉันก็คงกินไม่ลงเพราะไม่ชินที่จะต้องร่วมโต๊ะอาหารกับเขา “นานาไม่ได้ทำให้คนอื่นลำบากใช่มั้ยคะ” “ลำบากแน่ๆ ค่ะ ถ้าคุณนานาทานน้อย” “ยังไงคะ นานาอาจไม่ค่อยหิวก็เลยทานน้อย” แต่อาหารในถาดนั่นสวนทางกับประโยคที่พูดออกไปมาก “แม่ครัวต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับหัวหน้าแม่บ้านว่าเจ้านายทานอาหารหมดหรือเปล่า ถ้าไม่หมดก็ต้องหาเหตุผลมาด้วยว่าเพราะอะไร อาหารไม่ถูกปาก หรือว่าป่วยก็เลยทานได้น้อย” ฉันถึงกับเหม่อไประยะหนึ่ง ถึงขั้นนั้นเชียวเหรอ วิจัยกันเป็นเรื่องราว “ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยค่ะ” “ถ้าไม่หิวจริงๆ จันทร์จะแจ้งแม่ครัวให้ค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะ กับข้าวน่ากินทั้งนั้นเลย” ฉันรีบหยิบช้อนขึ้นมาแล้วลงมือจัดการอาหารเย็นตรงหน้าทันที ทุกคนมีหน้าที่ต้องจัดการ ฉันเองก็มีหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้ฉันไม่ใช่แค่เด็กอายุสิบแปดธรรมดา อยู่ในฐานะภรรยาของมาเฟียผู้มีอิทธิพล ทั้งน่าเกรงขามแล้วก็น่ากลัว ฉลาดรู้ทันทุกเรื่องสมแล้วที่เขาประสบความสำเร็จกับทุกเรื่อง ยกเว้น เรื่องคู่ครอง เพราะถูกครอบครัวบังคับ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยอมแต่งงานกับเด็กที่ไม่ได้มีดีอะไรเลยอย่างฉัน “เสื้อผ้าคุณนานาอยู่ในตู้นี้นะคะ ของใช้ส่วนตัวจันทร์เตรียมไว้ให้แล้วเรียบร้อย อยากได้อะไรเพิ่มบอกค่ะ” หลังจากมื้อเย็นเรียบร้อย พี่จันทร์ก็แนะนำทุกอย่างภายในห้องให้ฉันฟังอย่างละเอียด ข้อห้ามเยอะมากจนทำให้ฉันเริ่มอึดอัด “ซักชั้นในเองได้มั้ยคะ” “ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้เด็ดขาด อึดอัดหน่อยนะคะเดี๋ยวก็ชิน” ถึงเขาจะดูใจร้ายปากไม่ดี แต่ความเป็นอยู่ของฉันก็ไม่ย่ำแย่เหมือนการกระทำของเขาเลยสักนิด “จะพยายามนะคะ” หลังจากอธิบายจนเสร็จสรรพพี่จันทร์ก็บังคับให้ฉันเข้านอนเร็วกว่าปกติทั้งๆ ที่เพิ่งตื่น เหตุผลที่ดื้อไม่ได้คือพรุ่งนี้มีตรวจร่างกายโดยหมอเกรซ “ฝันดีนะคะพี่จันทร์” “ฝันดีค่ะ” พี่จันทร์อยู่กับฉันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง กลางคืนก็นอนเฝ้าเพราะฉันเป็นคนขอ ฉันไม่ชินกับห้องตัวเองและบ้านหลังนี้เอาเสียเลย มันใหญ่แล้วก็เงียบเหงาไม่เหมือนบ้านหลังเล็กที่ฉันเคยอยู่ ต้องปรับตัวอีกนานแค่ไหน ต้องอยู่อีกนานมั้ย เช้าวันต่อมา มือฉันเย็นเฉียบตื่นเต้นสุดๆ “จันทร์จะรออยู่หน้าห้องนะคะ” ฉันพยักหน้ารับทั้งที่ในใจไม่อยากให้พี่จันทร์ห่างไปไหนไกลเลย “หวัดดี แผลเป็นไงมั่ง” หมอเกรซทักทายฉันด้วยท่าทางสบายๆ สงสัยได้นอนเต็มอิ่มก็เลยอารมณ์ดีไม่เหมือนวันนั้น “ไม่ปวดแล้วค่ะ” พอหมอเกรซเดินเข้ามาพี่จันทร์ก็ออกไปทันที สักพักร่างสูงของคนที่ฉันไม่ค่อยอยากเจอก็เดินเข้ามา “ตรวจให้ละเอียดนะ เอาให้แน่ใจว่ายัยนี่บริสุทธิ์จริงๆ” ดูคำพูดคำจาเขาสิ จะให้มองหน้าแล้วยิ้มให้กันได้ยังไง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแต่ส่วนใหญ่จะร้ายมากกว่า “จะให้ตรวจ ก็ออกไปสิ” “ทำไมวะ” เขาถามเสียงเข้ม “อยู่ในฐานะอะไร เกะกะหรือเป็นภาระ ช่วยหยิบจับอะไรไม่ได้ก็ออกไป” “ไอ้หมอ” “อะไร พูดผิดตรงไหน” เขาทำท่าฮึดฮัดเหมือนกำลังหงุดหงิดแล้วอยากพูดอะไรบางอย่าง “ถ้าบอกว่าเป็นสามี จะให้อยู่” ฉันขึ้นไปนอนรอหมอเกรซบนเตียงอย่างเงียบๆ ห้องนี้ไม่ใช่ห้องนอน ฉันไม่เคยรู้ว่าในคฤหาสน์หลังนี้มีห้องผ่าตัดอยู่ด้วย อุปกรณ์การแพทย์สามารถเปิดโรงพยาบาลขนาดเล็กได้เลย “กลัวจังเลยค่ะหมอ” “ตอนโดนฝัง ไม่น่ากลัวกว่าเหรอ” ฉันพยักหน้ารัวๆ แล้วก็ไม่อยากนึกถึงมันอีก “พี่จะใช้เครื่องสแกนก่อนนะ ถ้ามีเสียงดังตรงไหน ตรงนั้นมีไมโครชิพฝังอยู่” ฉันพยักหน้ารับรู้ ส่วนคนปากร้ายก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขานี่มันหน้ามึนที่หนึ่งเลย “หนูไม่เคยรู้เลยว่าในตัวมีไมโครชิพมากกว่าหนึ่งอัน” หญิงสาวที่อยู่ในมูลนิธิจะต้องถูกฝังไมโครชิพที่ข้อมือทุกคน ฉันและเพื่อนๆ กลัวมากหากใครขัดขืนก็จะถูกทำโทษ ฉันไม่อยากนึกถึงมันอีกเลยเพราะหนึ่งในนั้นที่ขัดขืนก็คือฉันนี่แหละ “ตี๊ด” “ฝังเข้าไปได้ยังไง” ความกังวลเข้าเล่นงานฉันอีกครั้ง เมื่อสัญญาณเครื่องตรวจจับไมโครชิพดังขึ้นเป็นระยะ หมอเกรซหยิบไอแพดขึ้นแล้วอุทานประโยคที่ทำให้ฉันใจไม่ดี “ตรงไหน” เขาคนนั้นที่ยืนนิ่งรีบขยับเข้ามาหาหมอเกรซแล้วชะโงกหน้ามองหน้าจอไอแพดทันที “ผนังท้องด้านซ้าย ใกล้ๆ กับมดลูก” ฉันรู้สึกเสียววาบตรงท้องน้อยทันที จุดนี้ฉันไม่รู้จริงๆ ให้สาบานที่ไหนก็ได้ “หนูไม่รู้จริงๆ นะคะว่ามันเข้าไปได้ยังไง” “ใจเย็นๆ มันสามารถเอาออกได้ มึงเข้าใจใช่มั้ยว่าพวกมันทำแบบนี้เพื่ออะไร” หมอเกรซหันไปคุยกับคุณหิรัญแล้วเขาก็พยักหน้ารับรู้ ส่วนฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองถูกไมโคชิพอันนี้ฝังอยู่ในตัวตอนไหน “มึงคิดว่ากูจะมีลูกกับยัยนี่เหรอ เหอะ ไอ้เฒ่านั่นคงคิดสินะ” มีลูกเหรอ? “มันอันตรายมากขนาดนั้นเลยเหรอคะหมอ มีลูกไม่ได้เหรอคะ” ฉันกลัว กลัวว่าร่างกายตัวเองจะไม่สมบูรณ์และร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉันเพิ่งอายุสิบแปดเองนะ “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” “ดูเหมือนว่า เด็กคนนี้โจนาธานตั้งใจส่งให้มึงโดยเฉพาะ มึงไม่อยากแต่งงานแน่นอนว่าคงอยู่กับเด็กคนนี้ได้ไม่นาน มันก็เลยบีบให้มึงสลัดเด็กนี่ทิ้งให้เร็วกว่าเวลาที่มันคาดการณ์เอาไว้ มดลูกไม่ปกติ แล้วก็เรื่องที่มึงเล่าให้กูฟังอีก มึงจะเอายังไงต่อไป” ฉันบีบมือตัวเองแน่นแล้วนอนนิ่งให้หมอเกรซตรวจร่างกายต่ออยากรู้ว่าพวกมันทำอะไรกับร่างกายของฉันอีกบ้าง “กูไม่รู้” “มึงคงคิดตอนจบไว้แล้ว ใช่มั้ย” “อย่าส่งฉันกลับเลยนะคะ ฉันไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD