“นานาหลับไปนานมากเลยเหรอคะ” ฉันตื่นขึ้นมาก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว
“สดชื่นขึ้นมั้ยคะ”
“ปวดหัวมากกว่าค่ะ ทำไมไม่ปลุกคะ”
“ไม่กล้าค่ะ เห็นกำลังหลับสบาย”
“ขอยาแก้ปวดก่อนได้มั้ยคะ”
“ทานมื้อเย็นก่อนดีกว่าค่ะ”
“ก็ได้ค่ะ แล้ว ที่นี่เขากินข้าวกันแบบนี้เหรอคะ นานาหมายถึงห้องใครห้องมัน”
“เปล่าหรอกค่ะ ที่นี่มีห้องทานข้าวแต่วันนี้คุณหิรัญไม่อยู่ค่ะ แล้วก็สั่งให้จันทร์ยกอาหารมาให้คุณนานาบนนี้ด้วย” อ่อ เพราะเขาไม่อยู่นี่เอง ถึงอยู่ฉันก็คงกินไม่ลงเพราะไม่ชินที่จะต้องร่วมโต๊ะอาหารกับเขา
“นานาไม่ได้ทำให้คนอื่นลำบากใช่มั้ยคะ”
“ลำบากแน่ๆ ค่ะ ถ้าคุณนานาทานน้อย”
“ยังไงคะ นานาอาจไม่ค่อยหิวก็เลยทานน้อย” แต่อาหารในถาดนั่นสวนทางกับประโยคที่พูดออกไปมาก
“แม่ครัวต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับหัวหน้าแม่บ้านว่าเจ้านายทานอาหารหมดหรือเปล่า ถ้าไม่หมดก็ต้องหาเหตุผลมาด้วยว่าเพราะอะไร อาหารไม่ถูกปาก หรือว่าป่วยก็เลยทานได้น้อย” ฉันถึงกับเหม่อไประยะหนึ่ง ถึงขั้นนั้นเชียวเหรอ วิจัยกันเป็นเรื่องราว
“ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยค่ะ”
“ถ้าไม่หิวจริงๆ จันทร์จะแจ้งแม่ครัวให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ กับข้าวน่ากินทั้งนั้นเลย” ฉันรีบหยิบช้อนขึ้นมาแล้วลงมือจัดการอาหารเย็นตรงหน้าทันที ทุกคนมีหน้าที่ต้องจัดการ ฉันเองก็มีหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้ฉันไม่ใช่แค่เด็กอายุสิบแปดธรรมดา อยู่ในฐานะภรรยาของมาเฟียผู้มีอิทธิพล ทั้งน่าเกรงขามแล้วก็น่ากลัว ฉลาดรู้ทันทุกเรื่องสมแล้วที่เขาประสบความสำเร็จกับทุกเรื่อง ยกเว้น เรื่องคู่ครอง เพราะถูกครอบครัวบังคับ
ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยอมแต่งงานกับเด็กที่ไม่ได้มีดีอะไรเลยอย่างฉัน
“เสื้อผ้าคุณนานาอยู่ในตู้นี้นะคะ ของใช้ส่วนตัวจันทร์เตรียมไว้ให้แล้วเรียบร้อย อยากได้อะไรเพิ่มบอกค่ะ” หลังจากมื้อเย็นเรียบร้อย พี่จันทร์ก็แนะนำทุกอย่างภายในห้องให้ฉันฟังอย่างละเอียด ข้อห้ามเยอะมากจนทำให้ฉันเริ่มอึดอัด
“ซักชั้นในเองได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้เด็ดขาด อึดอัดหน่อยนะคะเดี๋ยวก็ชิน” ถึงเขาจะดูใจร้ายปากไม่ดี แต่ความเป็นอยู่ของฉันก็ไม่ย่ำแย่เหมือนการกระทำของเขาเลยสักนิด
“จะพยายามนะคะ”
หลังจากอธิบายจนเสร็จสรรพพี่จันทร์ก็บังคับให้ฉันเข้านอนเร็วกว่าปกติทั้งๆ ที่เพิ่งตื่น เหตุผลที่ดื้อไม่ได้คือพรุ่งนี้มีตรวจร่างกายโดยหมอเกรซ
“ฝันดีนะคะพี่จันทร์”
“ฝันดีค่ะ”
พี่จันทร์อยู่กับฉันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง กลางคืนก็นอนเฝ้าเพราะฉันเป็นคนขอ ฉันไม่ชินกับห้องตัวเองและบ้านหลังนี้เอาเสียเลย มันใหญ่แล้วก็เงียบเหงาไม่เหมือนบ้านหลังเล็กที่ฉันเคยอยู่ ต้องปรับตัวอีกนานแค่ไหน ต้องอยู่อีกนานมั้ย
เช้าวันต่อมา
มือฉันเย็นเฉียบตื่นเต้นสุดๆ
“จันทร์จะรออยู่หน้าห้องนะคะ” ฉันพยักหน้ารับทั้งที่ในใจไม่อยากให้พี่จันทร์ห่างไปไหนไกลเลย
“หวัดดี แผลเป็นไงมั่ง” หมอเกรซทักทายฉันด้วยท่าทางสบายๆ สงสัยได้นอนเต็มอิ่มก็เลยอารมณ์ดีไม่เหมือนวันนั้น
“ไม่ปวดแล้วค่ะ” พอหมอเกรซเดินเข้ามาพี่จันทร์ก็ออกไปทันที สักพักร่างสูงของคนที่ฉันไม่ค่อยอยากเจอก็เดินเข้ามา
“ตรวจให้ละเอียดนะ เอาให้แน่ใจว่ายัยนี่บริสุทธิ์จริงๆ” ดูคำพูดคำจาเขาสิ จะให้มองหน้าแล้วยิ้มให้กันได้ยังไง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแต่ส่วนใหญ่จะร้ายมากกว่า
“จะให้ตรวจ ก็ออกไปสิ”
“ทำไมวะ” เขาถามเสียงเข้ม
“อยู่ในฐานะอะไร เกะกะหรือเป็นภาระ ช่วยหยิบจับอะไรไม่ได้ก็ออกไป”
“ไอ้หมอ”
“อะไร พูดผิดตรงไหน” เขาทำท่าฮึดฮัดเหมือนกำลังหงุดหงิดแล้วอยากพูดอะไรบางอย่าง
“ถ้าบอกว่าเป็นสามี จะให้อยู่” ฉันขึ้นไปนอนรอหมอเกรซบนเตียงอย่างเงียบๆ ห้องนี้ไม่ใช่ห้องนอน ฉันไม่เคยรู้ว่าในคฤหาสน์หลังนี้มีห้องผ่าตัดอยู่ด้วย อุปกรณ์การแพทย์สามารถเปิดโรงพยาบาลขนาดเล็กได้เลย
“กลัวจังเลยค่ะหมอ”
“ตอนโดนฝัง ไม่น่ากลัวกว่าเหรอ” ฉันพยักหน้ารัวๆ แล้วก็ไม่อยากนึกถึงมันอีก
“พี่จะใช้เครื่องสแกนก่อนนะ ถ้ามีเสียงดังตรงไหน ตรงนั้นมีไมโครชิพฝังอยู่” ฉันพยักหน้ารับรู้ ส่วนคนปากร้ายก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขานี่มันหน้ามึนที่หนึ่งเลย
“หนูไม่เคยรู้เลยว่าในตัวมีไมโครชิพมากกว่าหนึ่งอัน” หญิงสาวที่อยู่ในมูลนิธิจะต้องถูกฝังไมโครชิพที่ข้อมือทุกคน ฉันและเพื่อนๆ กลัวมากหากใครขัดขืนก็จะถูกทำโทษ ฉันไม่อยากนึกถึงมันอีกเลยเพราะหนึ่งในนั้นที่ขัดขืนก็คือฉันนี่แหละ
“ตี๊ด”
“ฝังเข้าไปได้ยังไง” ความกังวลเข้าเล่นงานฉันอีกครั้ง เมื่อสัญญาณเครื่องตรวจจับไมโครชิพดังขึ้นเป็นระยะ หมอเกรซหยิบไอแพดขึ้นแล้วอุทานประโยคที่ทำให้ฉันใจไม่ดี
“ตรงไหน” เขาคนนั้นที่ยืนนิ่งรีบขยับเข้ามาหาหมอเกรซแล้วชะโงกหน้ามองหน้าจอไอแพดทันที
“ผนังท้องด้านซ้าย ใกล้ๆ กับมดลูก” ฉันรู้สึกเสียววาบตรงท้องน้อยทันที จุดนี้ฉันไม่รู้จริงๆ ให้สาบานที่ไหนก็ได้
“หนูไม่รู้จริงๆ นะคะว่ามันเข้าไปได้ยังไง”
“ใจเย็นๆ มันสามารถเอาออกได้ มึงเข้าใจใช่มั้ยว่าพวกมันทำแบบนี้เพื่ออะไร” หมอเกรซหันไปคุยกับคุณหิรัญแล้วเขาก็พยักหน้ารับรู้ ส่วนฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองถูกไมโคชิพอันนี้ฝังอยู่ในตัวตอนไหน
“มึงคิดว่ากูจะมีลูกกับยัยนี่เหรอ เหอะ ไอ้เฒ่านั่นคงคิดสินะ”
มีลูกเหรอ?
“มันอันตรายมากขนาดนั้นเลยเหรอคะหมอ มีลูกไม่ได้เหรอคะ” ฉันกลัว กลัวว่าร่างกายตัวเองจะไม่สมบูรณ์และร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉันเพิ่งอายุสิบแปดเองนะ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“ดูเหมือนว่า เด็กคนนี้โจนาธานตั้งใจส่งให้มึงโดยเฉพาะ มึงไม่อยากแต่งงานแน่นอนว่าคงอยู่กับเด็กคนนี้ได้ไม่นาน มันก็เลยบีบให้มึงสลัดเด็กนี่ทิ้งให้เร็วกว่าเวลาที่มันคาดการณ์เอาไว้ มดลูกไม่ปกติ แล้วก็เรื่องที่มึงเล่าให้กูฟังอีก มึงจะเอายังไงต่อไป” ฉันบีบมือตัวเองแน่นแล้วนอนนิ่งให้หมอเกรซตรวจร่างกายต่ออยากรู้ว่าพวกมันทำอะไรกับร่างกายของฉันอีกบ้าง
“กูไม่รู้”
“มึงคงคิดตอนจบไว้แล้ว ใช่มั้ย”
“อย่าส่งฉันกลับเลยนะคะ ฉันไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้ว