“เป็นอะไรคะคุณนานา”
“ถ้าบอกว่าเบื่อ พี่จันทร์จะช่วยนานาได้มั้ยคะ”
“แน่ะ โกรธคุณหิรัญเหรอคะ” ฉันถอนหายใจแล้วพยักหน้า
“ไปรับนานามาส่งบ้านแล้วตัวเองก็ออกไปข้างนอกต่อ” ปกติไม่เห็นอยากมารับ ส่งคนขับรถมารับตลอด
“งานคุณหิรัญเยอะนี่คะ ได้ยินว่าจะมีการเลือกตั้งประธานกลุ่มการค้าใหม่ คงยุ่งกว่าเดิม อย่าน้อยใจไปเลยนะคะ”
“เปล่าน้อยใจค่ะ”
“มือยังสั่นอยู่หรือเปล่าคะ ไปให้หมอเกรซเช็กหน่อยมั้ยคะ” ฉันมองข้อมือตัวเองแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“เป็นเอฟเฟ็กจากวันนั้นค่ะ ถ้านานาไม่กรีดข้อมือตัวเองหวังฆ่าตัวตายก็คงไม่เป็นแบบนี้” ฉันรู้แล้วว่าผลข้างเคียงของมันเป็นยังไง แต่ก็ไม่ได้หนักจนถึงขั้นใช้ชีวิตประจำวันลำบาก
“ไม่พูดถึงแล้วนะคะ”
“พี่จันทร์นั่นแหละชอบดึงดราม่าอยู่เรื่อย”
“โทษจันทร์อีกแล้วนะคะ”
ในคฤหาสน์หลังใหญ่มันทั้งเงียบเหงาแล้วก็น่าเบื่อ บนโต๊ะอาหารสุดหรูที่มีแค่ฉันกับอาหารหลากหลายเมนูจัดวางเอาไว้อย่างสวยงามและน่ากินทุกเมนู แต่มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกหายเหงาขึ้นมาได้เลย
“คุณหิรัญไม่กลับมาทานมื้อเย็นเหรอคะป้าสมจิต”
“กลับดึกเหมือนทุกวันค่ะ ให้ป้าตักข้าวเลยมั้ยคะ”
“นานาไม่หิวค่ะ ขอนมกับผลไม้ก็พอ” ฉันดันตัวลุกจากเก้าอี้ด้วยท่าทางสุภาพ
“อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ”
“ไม่ค่ะ นานาจะไปรอบนห้องนะคะ”
พอมาถึงห้องฉันก็ล้มตัวลงบนที่นอนทันที มันเบื่อ เซ็ง เหงา ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เบื่อกฎกติกาของที่นี่เต็มทนก็เลยอยากทำตามใจตัวเองบ้าง ที่ผ่านมาฉันทำตัวดีมาตลอดไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเพราะการกระทำของตัวเองเลย แค่ไม่กินมื้อเย็นครั้งเดียวบ้านคงไม่ระเบิดหรอกมั้ง
“คุณนานา” เฮ้อ เสียงพี่จันทร์เรียกชื่อฉันดังมาแต่ไกล เสียงมาก่อนตัวอีก
“นานาไม่หิวนี่คะ”
“คุณหิรัญกลับมาแล้วค่ะ มีนี่มาฝากด้วย” ฉันถอนหายใจก็นึกว่าจะถูกดุเรื่องมื้อเย็น
“นานาไม่สนใจหรอกค่ะ ของแพงแบบนั้นกินไม่เป็น สู้ขนมตลาดนัดก็ไม่ได้”
“แต่ว่าร้านนี้คุณนานาต้องชอบแน่ๆ เลย” คนที่ชอบไม่ใช่ฉันหรอก พี่จันทร์ต่างหากทั้งเสียงและสายตาเป็นประกายซะขนาดนั้น
“นานาสั่งป้าสมจิตเอาไว้แล้วค่ะ”
“ไปทำอะไรไว้คะ ในครัวโดนอบรมชุดใหญ่เลยค่ะ” พี่จันทร์รู้แหละ
“รู้แล้วถามทำไมคะ”
“โกรธคุณหิรัญเหรอคะ” ได้ยินชื่อนี้ฉันก็รีบหันหน้าหนีทันที
“เปล่าค่ะ นานากำลังลดน้ำหนัก”
“ไหนบอกว่าจะไม่โกหกกันไงคะ”
“โกรธค่ะ โกรธมากด้วย โกรธจนกลืนข้าวไม่ลง”
“คุณนานา” พี่จันทร์เรียกฉันเสียงอ่อนแล้ววางถุงขนมในมือลง
“เขาจะเอาเรื่องงานมาอ้างทุกครั้งไม่ได้นะคะ นานาก็อยากมีชีวิตส่วนตัวบ้าง”
“แล้วทำไมไม่คุยกันคะ” ฉันนิ่งสนิทเมื่อได้ยินคำถามนั้น
“เขามีเหตุผลกับทุกคนยกเว้นกับนานาค่ะ”
หลายครั้งที่ฉันพยายามจะคุยแต่เขาก็ยกเรื่องงานมาอ้างตลอด ใครจะอยากคุยล่ะแบบนี้ ใช่สิ เขามีการมีงานต้องทำ ภาระหน้าที่ของเขาเยอะแยะเต็มไปหมด ฉันไม่เข้าใจหรอก แบบนี้ไง ฉันถึงเลือกที่จะเงียบแล้วทำตัวอยู่ในทางที่ควรจะเป็นตลอด
“อึดอัดมากเหรอคะ”
“นานาจะทำตามใจตัวเองบ้าง”
“โอเคค่ะ จันทร์จะเอาขนมไปเก็บนะคะ” วันนี้ฉันคงไม่ได้กินแล้วล่ะนมกับขนมที่สั่งป้าสมจิตไว้ ถ้าสถานการณ์มันตึงเครียดขนาดนี้ก็นอนหิวมันทั้งคืนไปเลย
“นานาจะอาบน้ำเข้านอนแล้วค่ะ จะได้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ อยากไปเรียนมากกว่าอยู่บ้าน”
ระหว่างอาบน้ำฉันก็รู้สึกแย่กับการกระทำของตัวเอง ไม่ใช่ไม่รู้สึกผิดแต่เพราะธรรมชาติของมนุษย์จะให้ยอมทำตามโดยที่ไม่สามารถแสดงความต้องการหรือไม่ต้องการได้เลยหรือ ต้องยอมแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะอยากให้คนนั้นคนนี้สบายใจเหรอ
“มันไม่ได้ไง เฮ้อ”
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็รีบเข้านอน
“คุณนานา”
“นานาง่วงแล้วค่ะ ค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะคะ”
เช้ามาอาการหงุดหงิดที่มีเริ่มลดลงแต่ก็ยังไม่หมดไป
“คุณหิรัญรออยู่ที่โต๊ะอาหารค่ะ”
“เขายังไม่ไปทำงานอีกเหรอคะ สายแล้วนะ” ฉันถามพี่จันทร์กลับเพราะทุกเช้าก็ไม่เห็นเขาสนใจมื้อเช้า ไปทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างตลอด
“เพิ่งเจ็ดโมงเองนี่คะ”
“สายของคุณหิรัญไม่รู้เหรอคะ”
“หยุดประชดได้แล้วค่ะ ไม่น่ารักเลยนะคะ”
“เขามองว่านานามีตัวตนอยู่ในบ้านก็บุญมากแล้วค่ะพี่จันทร์” ในมหา’ ลัย ไม่มีใครไม่รู้ว่าฉันแต่งงานแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้ หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกนินทาจากคนไม่รู้จักแต่เรื่องที่พูดทำเหมือนกับรู้จักฉันดี
“จันทร์มัดผมให้ดีกว่าค่ะ”
ฉันยอมนั่งลงให้พี่จันทร์มัดผมให้ ปล่อยให้คุณหิรัญนั่งรอนานจะเป็นเรื่องใหญ่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก
“อ้าว มาแล้วเหรอนั่งสิลูก” เพราะแบบนี้นี่เอง คุณหญิงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“คุณแม่ สวัสดีค่ะ” ฉันดีใจที่ได้เจอคุณหญิง แม้จะออกปากเรียกคุณแม่แต่ในใจฉันก็ยังเรียกท่านว่าคุณหญิงอยู่ดี
“เป็นไงบ้าง เมื่อคืนได้ข่าวว่าไม่แตะมื้อเย็นเลย ไม่อร่อยหรือว่ารสชาติไม่ถูกปากแม่จะได้จัดการให้”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ”
“แม่จะกลับเมื่อไหร่ครับ” อยู่ๆ เขาก็ถามแทรกขึ้นมา
“ใจร้ายจัง ลูกชายคนนี้ ว่ามั้ย” ฉันคลี่ยิ้มบางๆ เป็นคำตอบเท่านั้นเพราะรู้ดีว่าทั้งสองคนไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่ ถ้าโยนฟืนเข้าเตาที่กำลังระอุตอนนี้อาจจะกลายเป็นเพลิงครั้งยิ่งใหญ่ก็ได้
“ผมไม่ว่างมานั่งโต๊ะอาหารได้ทุกวันหรอกนะครับ”
“ดูแลกันหน่อยสิ”
“ที่ให้ทุกวันนี้มันยังไม่มากพออีกเหรอครับ” ฉันเริ่มอึดอัด ก้มมองมือตัวเองที่กำลังบีบกันแน่น ป้าสมจิต พี่จันทร์ และทุกๆ คนก็ก้มหน้าและเงียบกันหมด
“หิรัญ”
“ผมแต่งงานให้แม่แล้วแค่นี้ก็น่าจะพอใจได้แล้วนะครับ ทางที่ดีแม่อย่าเข้ามายุ่งเรื่องของผมอีกดีกว่า”
“นานามีสอบ ต้องรีบไปมหาวิทยาลัย ขอเสียมารยาทไม่ร่วมโต๊ะนะคะ” ฉันยกมือไหว้คุณหญิงแล้วรีบเดินออกมาทันที
“ถ้าแกยังไม่เลิกยุ่งกับลูกสาวเสี่ยนริศล่ะก็ แกจะไม่เหลืออะไรเลย” ฉันหยุดเดินเมื่อได้ยินประโยคนั้นของคุณหญิง
“มันจบแล้วครับแม่ ผมจะทำยังไงกับเด็กนั่นก็ได้ จะฆ่าเธอทิ้งตอนนี้ยังได้เลย”
ฉันรีบวิ่งออกจากตรงนั้นไปที่รถตู้ที่จอดรออยู่ ไม่อยากได้ยินเรื่องพวกนี้เพราะความจริงจากปากของเขามันทำให้ฉันหมดแรงยังไงก็ไม่รู้
_______________