7|

1293 Words
“เป็นอะไรคะคุณนานา” “ถ้าบอกว่าเบื่อ พี่จันทร์จะช่วยนานาได้มั้ยคะ” “แน่ะ โกรธคุณหิรัญเหรอคะ” ฉันถอนหายใจแล้วพยักหน้า “ไปรับนานามาส่งบ้านแล้วตัวเองก็ออกไปข้างนอกต่อ” ปกติไม่เห็นอยากมารับ ส่งคนขับรถมารับตลอด “งานคุณหิรัญเยอะนี่คะ ได้ยินว่าจะมีการเลือกตั้งประธานกลุ่มการค้าใหม่ คงยุ่งกว่าเดิม อย่าน้อยใจไปเลยนะคะ” “เปล่าน้อยใจค่ะ” “มือยังสั่นอยู่หรือเปล่าคะ ไปให้หมอเกรซเช็กหน่อยมั้ยคะ” ฉันมองข้อมือตัวเองแล้วส่ายหน้าเบาๆ “เป็นเอฟเฟ็กจากวันนั้นค่ะ ถ้านานาไม่กรีดข้อมือตัวเองหวังฆ่าตัวตายก็คงไม่เป็นแบบนี้” ฉันรู้แล้วว่าผลข้างเคียงของมันเป็นยังไง แต่ก็ไม่ได้หนักจนถึงขั้นใช้ชีวิตประจำวันลำบาก “ไม่พูดถึงแล้วนะคะ” “พี่จันทร์นั่นแหละชอบดึงดราม่าอยู่เรื่อย” “โทษจันทร์อีกแล้วนะคะ” ในคฤหาสน์หลังใหญ่มันทั้งเงียบเหงาแล้วก็น่าเบื่อ บนโต๊ะอาหารสุดหรูที่มีแค่ฉันกับอาหารหลากหลายเมนูจัดวางเอาไว้อย่างสวยงามและน่ากินทุกเมนู แต่มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกหายเหงาขึ้นมาได้เลย “คุณหิรัญไม่กลับมาทานมื้อเย็นเหรอคะป้าสมจิต” “กลับดึกเหมือนทุกวันค่ะ ให้ป้าตักข้าวเลยมั้ยคะ” “นานาไม่หิวค่ะ ขอนมกับผลไม้ก็พอ” ฉันดันตัวลุกจากเก้าอี้ด้วยท่าทางสุภาพ “อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ” “ไม่ค่ะ นานาจะไปรอบนห้องนะคะ” พอมาถึงห้องฉันก็ล้มตัวลงบนที่นอนทันที มันเบื่อ เซ็ง เหงา ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เบื่อกฎกติกาของที่นี่เต็มทนก็เลยอยากทำตามใจตัวเองบ้าง ที่ผ่านมาฉันทำตัวดีมาตลอดไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเพราะการกระทำของตัวเองเลย แค่ไม่กินมื้อเย็นครั้งเดียวบ้านคงไม่ระเบิดหรอกมั้ง “คุณนานา” เฮ้อ เสียงพี่จันทร์เรียกชื่อฉันดังมาแต่ไกล เสียงมาก่อนตัวอีก “นานาไม่หิวนี่คะ” “คุณหิรัญกลับมาแล้วค่ะ มีนี่มาฝากด้วย” ฉันถอนหายใจก็นึกว่าจะถูกดุเรื่องมื้อเย็น “นานาไม่สนใจหรอกค่ะ ของแพงแบบนั้นกินไม่เป็น สู้ขนมตลาดนัดก็ไม่ได้” “แต่ว่าร้านนี้คุณนานาต้องชอบแน่ๆ เลย” คนที่ชอบไม่ใช่ฉันหรอก พี่จันทร์ต่างหากทั้งเสียงและสายตาเป็นประกายซะขนาดนั้น “นานาสั่งป้าสมจิตเอาไว้แล้วค่ะ” “ไปทำอะไรไว้คะ ในครัวโดนอบรมชุดใหญ่เลยค่ะ” พี่จันทร์รู้แหละ “รู้แล้วถามทำไมคะ” “โกรธคุณหิรัญเหรอคะ” ได้ยินชื่อนี้ฉันก็รีบหันหน้าหนีทันที “เปล่าค่ะ นานากำลังลดน้ำหนัก” “ไหนบอกว่าจะไม่โกหกกันไงคะ” “โกรธค่ะ โกรธมากด้วย โกรธจนกลืนข้าวไม่ลง” “คุณนานา” พี่จันทร์เรียกฉันเสียงอ่อนแล้ววางถุงขนมในมือลง “เขาจะเอาเรื่องงานมาอ้างทุกครั้งไม่ได้นะคะ นานาก็อยากมีชีวิตส่วนตัวบ้าง” “แล้วทำไมไม่คุยกันคะ” ฉันนิ่งสนิทเมื่อได้ยินคำถามนั้น “เขามีเหตุผลกับทุกคนยกเว้นกับนานาค่ะ” หลายครั้งที่ฉันพยายามจะคุยแต่เขาก็ยกเรื่องงานมาอ้างตลอด ใครจะอยากคุยล่ะแบบนี้ ใช่สิ เขามีการมีงานต้องทำ ภาระหน้าที่ของเขาเยอะแยะเต็มไปหมด ฉันไม่เข้าใจหรอก แบบนี้ไง ฉันถึงเลือกที่จะเงียบแล้วทำตัวอยู่ในทางที่ควรจะเป็นตลอด “อึดอัดมากเหรอคะ” “นานาจะทำตามใจตัวเองบ้าง” “โอเคค่ะ จันทร์จะเอาขนมไปเก็บนะคะ” วันนี้ฉันคงไม่ได้กินแล้วล่ะนมกับขนมที่สั่งป้าสมจิตไว้ ถ้าสถานการณ์มันตึงเครียดขนาดนี้ก็นอนหิวมันทั้งคืนไปเลย “นานาจะอาบน้ำเข้านอนแล้วค่ะ จะได้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ อยากไปเรียนมากกว่าอยู่บ้าน” ระหว่างอาบน้ำฉันก็รู้สึกแย่กับการกระทำของตัวเอง ไม่ใช่ไม่รู้สึกผิดแต่เพราะธรรมชาติของมนุษย์จะให้ยอมทำตามโดยที่ไม่สามารถแสดงความต้องการหรือไม่ต้องการได้เลยหรือ ต้องยอมแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะอยากให้คนนั้นคนนี้สบายใจเหรอ “มันไม่ได้ไง เฮ้อ” หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็รีบเข้านอน “คุณนานา” “นานาง่วงแล้วค่ะ ค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะคะ” เช้ามาอาการหงุดหงิดที่มีเริ่มลดลงแต่ก็ยังไม่หมดไป “คุณหิรัญรออยู่ที่โต๊ะอาหารค่ะ” “เขายังไม่ไปทำงานอีกเหรอคะ สายแล้วนะ” ฉันถามพี่จันทร์กลับเพราะทุกเช้าก็ไม่เห็นเขาสนใจมื้อเช้า ไปทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างตลอด “เพิ่งเจ็ดโมงเองนี่คะ” “สายของคุณหิรัญไม่รู้เหรอคะ” “หยุดประชดได้แล้วค่ะ ไม่น่ารักเลยนะคะ” “เขามองว่านานามีตัวตนอยู่ในบ้านก็บุญมากแล้วค่ะพี่จันทร์” ในมหา’ ลัย ไม่มีใครไม่รู้ว่าฉันแต่งงานแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้ หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกนินทาจากคนไม่รู้จักแต่เรื่องที่พูดทำเหมือนกับรู้จักฉันดี “จันทร์มัดผมให้ดีกว่าค่ะ” ฉันยอมนั่งลงให้พี่จันทร์มัดผมให้ ปล่อยให้คุณหิรัญนั่งรอนานจะเป็นเรื่องใหญ่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก “อ้าว มาแล้วเหรอนั่งสิลูก” เพราะแบบนี้นี่เอง คุณหญิงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน “คุณแม่ สวัสดีค่ะ” ฉันดีใจที่ได้เจอคุณหญิง แม้จะออกปากเรียกคุณแม่แต่ในใจฉันก็ยังเรียกท่านว่าคุณหญิงอยู่ดี “เป็นไงบ้าง เมื่อคืนได้ข่าวว่าไม่แตะมื้อเย็นเลย ไม่อร่อยหรือว่ารสชาติไม่ถูกปากแม่จะได้จัดการให้” “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” “แม่จะกลับเมื่อไหร่ครับ” อยู่ๆ เขาก็ถามแทรกขึ้นมา “ใจร้ายจัง ลูกชายคนนี้ ว่ามั้ย” ฉันคลี่ยิ้มบางๆ เป็นคำตอบเท่านั้นเพราะรู้ดีว่าทั้งสองคนไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่ ถ้าโยนฟืนเข้าเตาที่กำลังระอุตอนนี้อาจจะกลายเป็นเพลิงครั้งยิ่งใหญ่ก็ได้ “ผมไม่ว่างมานั่งโต๊ะอาหารได้ทุกวันหรอกนะครับ” “ดูแลกันหน่อยสิ” “ที่ให้ทุกวันนี้มันยังไม่มากพออีกเหรอครับ” ฉันเริ่มอึดอัด ก้มมองมือตัวเองที่กำลังบีบกันแน่น ป้าสมจิต พี่จันทร์ และทุกๆ คนก็ก้มหน้าและเงียบกันหมด “หิรัญ” “ผมแต่งงานให้แม่แล้วแค่นี้ก็น่าจะพอใจได้แล้วนะครับ ทางที่ดีแม่อย่าเข้ามายุ่งเรื่องของผมอีกดีกว่า” “นานามีสอบ ต้องรีบไปมหาวิทยาลัย ขอเสียมารยาทไม่ร่วมโต๊ะนะคะ” ฉันยกมือไหว้คุณหญิงแล้วรีบเดินออกมาทันที “ถ้าแกยังไม่เลิกยุ่งกับลูกสาวเสี่ยนริศล่ะก็ แกจะไม่เหลืออะไรเลย” ฉันหยุดเดินเมื่อได้ยินประโยคนั้นของคุณหญิง “มันจบแล้วครับแม่ ผมจะทำยังไงกับเด็กนั่นก็ได้ จะฆ่าเธอทิ้งตอนนี้ยังได้เลย” ฉันรีบวิ่งออกจากตรงนั้นไปที่รถตู้ที่จอดรออยู่ ไม่อยากได้ยินเรื่องพวกนี้เพราะความจริงจากปากของเขามันทำให้ฉันหมดแรงยังไงก็ไม่รู้ _______________
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD