บทที่ 1 เรื่องราวอดีต...สู่อนาคต

2272 Words
The hospital A เป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ปัจจุบันมีหลายสาขา สาขา A B C ตามลำดับ ซึ่งสาขา A เป็นสาขาแรก ดังนั้นเรื่องความใหญ่โตไม่ต้องพูดถึง เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่พิเศษและมีแพทย์เฉพาะทางหลายสาขา เป็นโรงพยาบาลที่ให้ค่าตอบแทนสูงลิ่ว มีการทำงานเป็นระบบ... “เฮ้อ น่าเบื่อจัง” เสียงเล็กพึมพำออกมาระหว่างนั่งรอพบแพทย์ เด็กสาวนั่งอ่านโปสเตอร์ที่ติดประกาศอยู่บนผนังอาคาร อธิบายประวัติที่มาของโรงพยาบาล สายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย ไม่ใช่ว่าพยาบาลทำงานช้า แต่เป็นเพราะเธอรอให้คนเป็นพ่อโทรหา ...บนท่อนแขนส่วนปลายมีเฝือกชั่วคราวดามไว้ พยาบาลห้องฉุกเฉินได้มัดเฝือกไว้ให้พอที่จะประคองแขนได้ เด็กสาววัย 16 ปี มองแขนของตัวเอง ส่วนมืออีกข้างกำโทรศัพท์ไว้แน่น จนป่านนี้แล้วพ่อก็ยังไม่โทรมาหา ทว่าขณะนั้นเอง “สวัสดีค่ะคุณหมอ วันนี้เข้าเวรไหมคะ” เสียงพูดคุยกันของบุคลากรทางการแพทย์ทำให้ใบหน้าเล็กหันไปมอง เธอชะงักเล็กน้อยกับการได้เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ...ร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดเสื้อกาวน์ยาวสีขาว ทางด้านในสวมเสื้อเชิ้ตสีครามสามทับด้วยกางเกงสแลกส์สีดำ รองเท้าแตะทรงสลิปเปอร์สีขาวสำหรับแพทย์ที่ทางด้านหน้านั้นหุ้มปลายเท้าไว้ป้องกันอันตราย ทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของอลินเท่ากับใบหน้าของเขา “อึก...” ก้อนน้ำลายเหนียว ๆ ที่ก่อตัวขึ้นถูกกลืนลงคอ พร้อมกับอาการใจเต้นตึกตัก ลมหายใจของเธอถี่กระชั้นขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใบหน้าเล็กร้อนผะผ่าว หมอคนนี้เหมือนกับเทพบุตรในชุดขาว ใบหน้าหล่อเหลาเข้ากับทรงผมรองทรงต่ำสีดำ ผมทางด้านหน้าเซตเป็นคอมม่าอปป้าเกาหลี แต่ถึงอย่างนั้นคิ้วหนาดกดำก็ทำให้เขาไม่ใช่ผู้ชายหวาน สันกรามของเขาขยับตามปากที่กำลังพูดกับพยาบาล ไหนจะจมูกคมสันรับกับริมฝีปากหยักได้รูปอีก ทุกอย่างลงตัวราวกับถูกปลุกปั้นขึ้นมา อลินถึงกับต้องยกมือขึ้นป้องปาก “โห คนจริงป่ะเนี่ย” บางอย่างที่บอกไม่ได้ทางความรู้สึกคือเสน่ห์ ที่บ้านของเธอมีญาติพี่น้องหน้าตาดีกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่ต่างกันของแต่ละคนคือความมีเสน่ห์ยากจะอธิบายนี้ ทว่า “โอ๊ะ...” กะพริบเปลือกตาถี่ ๆ เมื่อเขาหันขวับมาราวกับจับได้ว่าเธอกำลังถ้ำมอง อลินทำเสมองไปทางอื่นพร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ปลายเท้าจิกลงพื้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นบนหน้าผากเกาะพราวจนเธอต้องยกมือขึ้นปาดออก เด็กสาวผ่อนลมหายใจผ่านริมฝีปาก ร่างทั้งร่างร้อนขึ้นมาฉับพลัน ความรู้สึกแบบนี้...เธอกำลังเขินอย่างนั้นหรือ แต่แล้ว “อลิน เกียรติภูมิใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มลึกดังขึ้นเหนือศีรษะทำให้คนที่นั่งก้มหน้าอยู่สะดุ้งโหยง ไหล่เล็กสั่นไหวด้วยความตกใจ พอเงยหน้าขึ้นก็พบกับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่เธอมองอยู่ก่อนหน้า “ได้ยินหมอหรือเปล่าครับ” “หล่อจัง” “หืม...” “คะ?” เอียงคอสงสัย ไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่คิดในหัวหลุดออกมาผ่านริมฝีปากเป็นเสียงพูด “หึ หมอถามว่าชื่ออลิน เกียรติภูมิหรือเปล่าครับ” “อ้อ...ค่ะ” เสียงของเขา...ชวนฝันได้อีกร้อยตื่น อลินยิ้มยิงฟันโชว์เหล็กดัดฟันในปาก “ถ้างั้นเชิญข้างในเลยครับ” ในมือของเขาถือชาร์ตคนไข้อยู่ เปลือกตาบางกะพริบปริบ ๆ เขาเป็นหมอประจำไข้ของเธอหรือ... เจ้าของร่างบางในชุดนักเรียนม.ปลายยังคงนั่งอึ้งอยู่ เขาหันหน้ามายิ้มให้เธอบาง ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร ทำให้เธอรีบลุกขึ้นยืน “โอ๊ย!” จนลืมไปว่าตัวเองแขนหัก “อ่า ระวังสิครับ” คุณหมอทำหน้าหวาดเสียวไปด้วย เขาเดินมาหาจับแขนทางด้านซ้ายของเธอ ค่อย ๆ ประคองให้เธอเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา “ผู้ปกครองล่ะครับ” “คือ...คุณแม่อยู่ต่างประเทศ ส่วนคุณพ่อทำงานค่ะ” “โอเคครับ แล้วโทรบอกหรือยังครับ” ว่าขณะพาเด็กนักเรียนไปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับโต๊ะทำงาน “ทะโทรบอกแล้วล่ะค่ะ” อลินพูดพร้อมกับอมยิ้ม น้ำเสียงติดขัดเล็กน้อยด้วยความเขินอาย คนอะไรหล่อวัวตายควายล้ม เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของเขา วางมือลงควบคุมเมาส์ สายตามองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ “ถ้าอย่างนั้น...หนูเอาโทรศัพท์มาอัดเสียงของหมอไว้นะครับ จะได้เอาไปให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง” “_” “ได้ยินหมอไหมครับ” “ห๊า อ้อ...วะว่าไงนะคะ” มุมปากหยักได้รูปยกยิ้มให้กับเด็กสาว เขาไม่ได้ว่างพอที่จะมารอผู้ปกครองของคนไข้ มีคนไข้หลายรายที่รอเขาอยู่ “เอกซเรย์มาหรือยังครับ” “ค่ะ” ตอบรับเสียงแผ่วเบา ก่นด่าตัวเองในใจว่าไม่มีสมาธิเอาเสียเลย “หมอแนะนำให้เอาโทรศัพท์มาอัดเสียงหมอไว้เผื่อเปิดให้ผู้ปกครองฟังครับ” “อ้อ ค่ะ” รีบทำตามอย่างว่าง่ายด้วยมือขวาที่ไม่บาดเจ็บ หมอหนุ่มเปิดอ่านชาร์ตคนไข้ที่พยาบาลเขียน สลับกับเงยหน้ามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปด้วย เสียงคลิกเมาส์ดังคลิก ๆ ท่ามกลางความเงียบของห้องทำงานสี่เหลี่ยม อลินกลืนน้ำลายลงคอทำตัวไม่ถูก สายตาเริ่มสำรวจมองออกไปรอบห้องทำงานของเขา โดยส่วนใหญ่ภายในห้องจะถูกตกแต่งด้วยหนังสือเล่มใหญ่ภาษาอังกฤษ ชิ้นส่วนโครงกระดูกจำลอง เครื่องชงกาแฟ และต้นไม้ฟอกอากาศ “จากประวัติบอกว่าตกกำแพงโรงเรียนเหรอครับ” “แฮะ ๆ” ไม่ตอบแค่หัวเราะกลบเกลื่อน ความแก่นเฮี้ยวจางหายไปในทันที “แค่พลาดน่ะค่ะ” “พลาด?” เขาไม่อยากซักไซ้หรอก แต่ก็เป็นการชวนคุยระหว่างดูภาพเอกซเรย์เพื่อให้คนไข้สบายใจ “โดดเรียนเหรอครับ” “เอ่อ...” พูดไม่ออกเลย อลินเม้มริมฝีปาก ทำไมเขารู้นะ “เห็นพยาบาลบอกว่าครูฝ่ายปกครองพามาส่งโรง’บาล” “ค่ะ แฮะ ๆ ไม่ได้ตั้งใจโดดเรียนนะคะ แค่...เบื่อ ๆ เลยออกมาข้างนอกแค่นั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจที่จะหนีเรียนนะคะ เป็นคาบว่างค่ะ หนูน่ะชอบเรียนหนังสือจะตายไม่ได้อยากโดดเรียนหรอกนะคะ” รีบพูดรัว ๆ จนลิ้นแทบพันกันเพราะเกรงว่าเขาจะเข้าใจผิด ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ถามอะไร “หึ พี่เข้าใจนะ” เขาแทนตัวเองว่าพี่ แผ่นดินไม่ได้คิดอะไรแต่คนที่คิดเป็นสาวน้อยน่าตาน่ารักต่างหากที่คิดไปไกล ฝ่ามือบางกำเข้าหากันแน่น เม้มริมฝีปากกลั้นรอยยิ้มไว้ “หนูอายุยังน้อยอยู่เลยไม่ควรออกมาข้างนอกนะ เกิดเหตุอะไรมามันไม่คุ้มหรอกนะครับ” “_” เงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มให้กับเขา เธอเขินสายตาของเขาจนตัวบิด ความเจ็บที่แขนแทบไม่มีหลงเหลืออยู่ แผ่นดินก้มมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ เขาต้องรีบไปเข้าห้องผ่าตัดแล้ว “เดี๋ยวหมอจะอธิบายให้ฟังนะครับ” ได้ยินอย่างนั้นอลินก็กดอัดเสียงของเขาไว้ ขณะที่ฝ่ามือหนาจับหน้าจอคอมพิวเตอร์เอียงเบา ๆ ให้คนไข้ได้เห็นภาพเอกซเรย์ด้วย “หมอประเมินจากภาพเอกซเรย์ไม่มีตรงไหนหักถึงขั้นผ่าตัดนะครับ แค่กระดูกส่วนปลายทางด้านในเคลื่อน...” เขาว่าพร้อมกับใช้ปากกาชี้ให้เธอดูภาพเอกซเรย์ อลินนิ่วหน้าด้วยความเสียวแปล๊บที่แขนของตัวเองเมื่อเห็นลอยเลื่อนของกระดูก “เพราะตอนลงน่าจะเอามือค้ำยันตัวเองใช่ไหมครับ กระดูกตรงนี้เลยเลื่อนเล็กน้อย หักไม่เยอะครับ” ใบหน้าเล็กพยักรับหงึกหงัก แอบผิดหวังเล็กน้อย หากเป็นมากกว่านี้พ่อก็คงมาหา แต่ก็ดีมากแล้วที่ตอนนี้ได้เจอกับเทพบุตรสุดหล่อตรงหน้า “เดี๋ยวหมอจะจัดกระดูกให้เข้าที่นะครับ แล้วจะให้ใส่เฝือกไว้จนกว่ากระดูกจะกลับมาเป็นปกติครับ” “ค่ะ...” ตอบรับเสียงแผ่วเบาพร้อมกับก้มหน้าลงด้วยความเหนียมอายเมื่อถูกสายตาคมมอง “ได้ยินหมอหรือเปล่าครับ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อสาวน้อยตรงหน้ามองเขาด้วยอาการเหม่อ ๆ ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกพัดไปมาที่ใบหน้าจิ้มลิ้ม แม้แต่เปลือกตาก็ไม่กะพริบ “หนู...” “ขา” “_” คราวนี้เป็นเขาเองที่ต้องกลืนน้ำลายลงคอ ชายหนุ่มวัย 31 ปีกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แพ้ภัยเด็กที่พูดคำว่าขา... กะพริบเปลือกตามองสาวอายุครึ่งค่อนชีวิตของเขา “อลิน...” เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอ ให้สาวเจ้าเลิกจ้องหน้าของเขาเสียที ในหัวของสาวน้อยช่างเพ้อฝัน จินตนาการไปต่าง ๆ นานา หากได้ครอบครองสายตาของเขาก็คงดี สายตาทำลายล้างแบบนี้... “คุณหมอชื่อแผ่นดินเหรอคะ” เอ่ยถามเสียงหวาน มองเห็นชื่อที่ปักอยู่บนเสื้อกาวน์ของเขา ในใจไม่อยากปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป ยกแขนข้างที่ไม่เจ็บมาเท้าคางที่โต๊ะทำงานของเขา “ครับ” เขาตอบรับก่อนจะกระแอมเสียงเบา ๆ มองดูแล้วเธอน่าจะคิดอะไรบางอย่างกับเขา แววตาที่เธอใช้มองนี้แทบจะเป็นรูปหัวใจ “เดี๋ยวขยับมานั่งที่เก้าอี้ตรงนี้นะครับ หมอจะจัดกระดูกให้” “เอ่อ เจ็บไหมคะ” “นิดหน่อยครับ” เขายิ้มให้เธอบาง ๆ เหมือนกับยิ้มให้กับคนไข้ทุกคน ทำเอาคนที่มองอยู่ใจละลาย เผลอขยับแขนไม่รู้ตัว “อ๊ะ!” “ระวังสิครับ” แผ่นดินทำหน้าดุ นั่นทำให้อลินอมยิ้มแทนที่จะรู้สึกผิด เธอลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งบนเก้าอี้ที่เขาบอก ...แผ่นดินเริ่มทำการรักษาตามความรู้และประสบการณ์การเป็นแพทย์ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ ซึ่งอลินไม่ได้หลับตาเพียงแค่ลอบมองใบหน้าของเขาคนนี้ พออยู่ใกล้...ไรหนวดของเขานั้นขึ้นเป็นตอเล็ก ๆ ใบหน้าแทบไม่มีรูขุมขน ใสขาวมีเลือดฝาดจาง ๆ อลินคลี่ยิ้มบาง ๆ อย่างคนเพ้อฝัน ทว่า กึด! “อ๊ะ! จะ ๆ เจ็บ ๆ ค่ะคุณหมอ” เธอร้องโอดโอยเมื่อคุณหมอทำการจัดแนวกระดูกให้เข้าที่ เห็นอย่างนั้นหมอหนุ่มก็ยกยิ้มมุมปาก นึกคิดในใจว่าแอบมองดีนัก คิดว่าเขาไม่รู้หรือ “เรียบร้อยครับ เดี๋ยวหมอใส่เฝือกให้...แล้วจะนัดติดตามอาการอีกทีนะครับ” อลินยังคงอ้าปากเหวอให้กับการเจ็บแปล๊บเมื่อครู่อยู่เลย แต่คุณหมอกลับมีสีหน้าเรียบเฉย “วันไหนคะ นัดมาอีกทีวันไหนคะ” “อาทิตย์หน้าครับ” แอบผิดหวัง ใบหน้าเล็กแสดงความรู้สึกผิดหวังออกมาอย่างเปิดเผย หมอหนุ่มจัดการใส่เฝือกกาบ (slab) ความชำนาญทำให้เขาจัดการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับคล้องสายคล้องแขน (sling) ให้ “เรียบร้อยครับ ระหว่างนี้อาจจะมีการอักเสบของบาดแผลภายในนะครับ แต่ไม่ต้องห่วงไม่กี่วันความเจ็บจะทุเลาลง หมอจะสั่งยาแก้ปวดให้นะครับ” “ค่ะ” เธอยิ้มให้กับเขาบาง ๆ “รอบหน้ามาตามนัดหมอให้ผู้ปกครองมาด้วยนะครับ เด็กต่ำกว่าสิบแปดปียังทำเอกสารไม่ได้นะครับ” แต่ยังดีที่คุณครูของเธอเซ็นเอกสารให้เอกซเรย์ได้ “ค่ะ คุณพ่อให้คุณครูเป็นผู้แทนเซ็นเอกสารให้” ว่าเสียงอ่อน เมื่อไหร่กันที่คนเป็นพ่อจะสนใจเธอมากกว่ากองเอกสารในที่ทำงาน “ครับ เดี๋ยวเชิญคนไข้ด้านนอกเลยครับ รอพยาบาลเรียก” อลินไม่อยากออกไปจากห้องนี้เลย อยากจะขออยู่มองหน้าของเขาให้ลืมเลือนเรื่องของพ่อแม่สักหน่อย แต่ดูท่าแล้วคุณหมอจะไม่ยอมเพราะกำลังมองเธอด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ออกไปทางดุหน่อย ๆ ...แผ่นดินคิดว่าเธอกำลังคุกคามเขาทางสายตา ชายหนุ่มไม่อยากให้เธอทำแบบนี้ เลยทำหน้านิ่งเรียบ ราวกับว่าโกรธเธออยู่ กระทั่งสาวน้อยยอมลุกจากเก้าอี้ในที่สุด “ขอบคุณนะคะ” ว่าเสียงอ่อน ใจหายเล็กน้อย ทว่าขณะที่ลุกขึ้นยืนนั้นสายตาของเขาพลันมองเห็นหัวเข่าที่มีเลือดแห้งเกรอะติดอยู่ เลื่อนสายตามองเด็กวัยรุ่นในชุดนักเรียนคนนี้ ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร เรื่องอบรมสั่งสอนไม่ใช่หน้าที่ของเขา เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องใส่ใจลูกมากกว่านี้ ...แผ่นดินมองดูนาฬิกาบนฝาผนัง เก็บของเสร็จก็เดินออกจากห้องทำงาน มองเห็นเด็กนักเรียนคนเดิมที่ยังนั่งอยู่หน้าห้องทำงานของเขา เธอก้มหน้าทำให้ไม่เห็นว่าเขาเดินออกมาแล้ว “ยังไม่เรียกเหรอครับ” เอ่ยถามพยาบาลหน้าห้องตรวจ “เรียกแล้วค่ะ เรียบร้อยหมดแล้วค่ะ เห็นบอกว่าขอนั่งรอคุณพ่อค่ะ” “อ้อ...” ผงกศีรษะรับ กำลังจะเดินไปแต่ก็มีบางอย่างติดอยู่ในใจทำให้ต้องหันมาหาพยาบาลดังเดิม “ช่วยทำแผลที่เข่าให้เธอด้วยนะครับ” “คะ?” พยักพเยิดหน้าไปทางเด็กนักเรียนคนเดิม พอแพทย์สั่งพยาบาลสาวก็พยักหน้ารับแบบงง ๆ แต่พอจะถามอะไรต่อร่างสูงของหมอหนุ่มก็เดินไปเสียแล้ว...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD