คำพิพากษาของศาลยังคงดังก้องอยู่ในหัว เสียงอื้ออึงของผู้คนรอบข้างดังอย่างเนือง ๆ เสียงลากเก้าอี้ เสียงหัวเราะ เสียงเย้ยหยัน น้ำเสียงแสดงความยินดีกับการชนะคดีนี้...ไม่ได้ทำให้เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลรู้สึกดีไปด้วย
อลิน หญิงสาววัยยี่สิบสี่ในชุดว่าความสุภาพ เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวไม่พับแขน กระโปรงทรงเอยาวเลยเข่าเพียงนิด และรองเท้าคัตชูส้นสูงหุ้มส้นสีดำสนิท เธอยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวแม้นว่าภายในศาลจะว่างเปล่าแล้วก็ตามที หญิงสาวกลืนก้อนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ก้อนน้ำลายแห่งความขมขื่น ความรู้สึกแบบนี้มักขัดแย้งเสมอหลังจากชนะการว่าความ
...คดีครอบครัวเป็นคดีที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย โดยเฉพาะคดีเหตุแห่งการฟ้องหย่า อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์ของเธอไม่ต่างจากคดีนี้สักเท่าไร ต่างกันตรงไม่ได้แต่งงานมีทะเบียน แต่ผูกมัดกันไว้ด้วยคำว่าหมั้นหมาย การบอกเลิกสัญญาหมั้นก็คงเหมาะกับสถานะของเธอกับเขาคนนั้น
อลินขับรถกลับจากศาลเยาวชนและครอบครัวประจำจังหวัดในช่วงเวลาบ่ายของวันด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ภายในหัวของเธอกำลังตีกันวุ่นกับความรู้สึกท้อ แม้คดีที่ทำจะไม่ยาก แต่มันกระทบกระเทือนจิตใจของเธอเสมอ ในบางครั้งเธอเป็นทนายให้กับโจทก์ ในบางครั้งก็เป็นทนายให้กับจำเลย ทุก ๆ ครั้งมักลงเอยไม่ดีสักเท่าไร สองปีที่ทำงานมานี้จึงทำให้เธอมีความคิดที่เปลี่ยนไป หลาย ๆ อย่าง ความคิดนั้นทำให้เธอ...อยากพอ
...แต่ก่อนอื่น
เรื่องนี้ไม่ใช่สภาวะจำยอม แต่เป็นการถูกบีบบังคับให้ทำ อลินไม่อยากทำคดีครอบครัวแล้ว แต่บริษัทกฎหมายที่เธอทำงานอยู่นั้นบังคับให้เธอทำคดีแบบนี้มาโดยตลอด ความอดทนค่อย ๆ มลายหายไปเรื่อย ๆ เส้นฟางที่คอยขึงเธอไว้ค่อย ๆ ขาดจนถึงฟางเส้นสุดท้าย
...ตึกสูงระฟ้านี้เป็นสำนักงานกฎหมายเอกชนในเครือบริษัทเดอะเกรทฟีเจอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนด้วยชื่อ The Law by Gf ซึ่งประธานทนายความหรือผู้บริหารสูงสุดไม่ใช่ใครที่ไหน...เป็นพ่อของเธอเอง
ร่างบางในส้นสูงสามนิ้วก้าวเดินด้วยสายตามุ่งมั่น สัญญาว่าคราวนี้หากออกมาไม่ดีเธอจะขอลาออกจากบริษัทพ่อตัวเอง หญิงสาวเดินผ่านเพื่อนทนายด้วยกันโดยไม่ได้เอ่ยปากทักทายใคร ก่อนจะหยุดชะงักให้กับร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่ง คนที่เกิดพร้อมกับเธอ ก้าวเดินพร้อมกับเธอ อยู่ในท้องแม่เหมือนกันกับเธอ
“เป็นไง หน้าไม่เหมือนกับคนเพิ่งชนะคดีมา” เสียงทุ้มของอลันทำให้น้องสาวฝาแฝดเงยหน้าขึ้นมอง อลินไม่อยากพูดอะไรด้วย ความน้อยใจที่ติดอยู่ในใจทำให้เธอไม่อยากคุยกับพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง
“ถามไม่ตอบ หยิ่งนักนะ”
“หลีกไปค่ะ” พยายามเลี่ยงหนี แต่พี่ชายที่ชอบแกล้งน้องสาวก็ขยับมาขวางดังเดิม ทำให้อลินยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นผลักแผ่นอกแกร่งของคนเป็นพี่อย่างแรง
ผลั่ก!!
จนอีกฝ่ายเซถลาไปทางด้านหลัง คนเป็นน้องจึงถือโอกาสนี้รีบเดินไปเปิดประตูห้องทำงานของบิดาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันได้เคาะ หญิงสาวกระแทกประตูปิดเสียงดัง
ปัง!
“ไอ้พี่เฮงซวย!” สบถด่าออกไป ก่อนจะหมุนตัวไปมองเจ้าของห้องที่นั่งจ้องการกระทำของเธอด้วยสายตามีคำถาม ลูกสาวว่าความเสร็จก็รีบกลับมาแบบนี้ มีไม่กี่เรื่อง...คงเบื่อกับคดีอีกแล้ว
“หนู อึก ยังเป็นลูกพ่อหรือเปล่า” ถามเสียงสั่นเครือ มองผู้ชายวัยใกล้เกษียณด้วยสายตาไหวหวั่น
“ทำไมถามอย่างนี้” คนเป็นพ่อว่าเสียงอ่อน ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาหา อัทธากรมองลูกสาวด้วยแววตาอ่อนโยนเหมือนกับที่ผ่านมา
“อึก หนูไม่อยากทำคดีครอบครัวแล้วค่ะ หนูเบื่อ หนูเบื่อปัญหาผัว ๆ เมีย ๆ หนูเบื่อเสียงร้องไห้ของเด็ก หนูเบื่อความตอแหลของผู้ชายมักมาก หนูเบื่อทุก ๆ อย่าง” เธอระบายออกมาด้วยความเหลืออด ก่อนจะเข้าเรื่องที่เธอต้องการจะบอก
“หนูอยากทำคดีอาชญากรรมบ้าง หรือไม่ก็คดีอื่น...ถ้าพ่อไม่ให้งานหนู หนูก็จะลาออก”
“อลิน หนูยังไม่พร้อมทำคดีอันตรายหรอก อลันทำอยู่ พี่เขาก็ทำได้ดีด้วย” มุมปากสวยยกยิ้มเย้ยหยันอย่างนึกสมเพช สุดท้ายพ่อก็เปรียบเทียบเธอกับพี่ชายฝาแฝด
“แล้วพ่อเคยให้หนูลองทำหรือยังคะ หนูอาจจะทำได้ดีกว่าพี่ลันก็ได้”
“ลิน พ่อเป็นห่วงหนู”
“ไม่! พ่อรักพี่มากกว่าไง อะไร ๆ ก็อลัน แค่เกิดเป็นผู้ชายพ่อก็รักมากแล้ว”
“ทำไมคิดอย่างนั้น พ่อยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ” อลินแค่นหัวเราะ ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ
“หนูลาออกค่ะ” สายตาของบิดานั้นไหววูบ ส่ายหน้าเบา ๆ ไม่เห็นด้วย แต่อลินไม่ทนแล้ว...เธอหมุนตัวออกจากห้องทำงานของคนเป็นพ่อทันที ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาระหว่างเดินออกจากบริษัท ซึ่งมีสายตาของเพื่อนทนายมองตามไม่ละสายตา เช่นเดียวกับพี่ชายที่ยืนตัวแข็งทื่อ ก่อนที่เขาจะเข้าไปหาคนเป็นพ่อ
...พอกลับมาถึงคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ เรียกเพนต์เฮาส์น่าจะง่ายกว่า เสียงเปิดประตูทำให้คนที่อยู่ในห้องหันไปมอง ใบหน้าหล่อเหลาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นคนเปิดประตูเข้ามารอบดวงตาบวมเป่ง ราวกับว่าเพิ่งร้องไห้มาอย่างหนัก แต่ความเฉยชาที่มีให้กันทำให้เขาหันหน้ากลับไปเล่นโทรศัพท์ดังเดิม
ติ๊ง!
เสียงข้อความในโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขาคงแชตข้อความกับใครบางคนอยู่ อลินเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ไม่เคยเลยที่เขาคนนี้จะถามว่าเธอทำอะไร ทำงานหนักไหม หรือเหนื่อยไหว วันนี้ขึ้นศาลเป็นไงบ้าง กินอะไรมาหรือยัง ซึ่งเหตุผลง่าย ๆ ที่ทำให้เขาไม่พูดอะไรทำนองนี้ คือ...เขาไม่ได้รักเธอ
แต่วันนี้เธอพอแล้ว
ร่างบางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ค่อย ๆ เก็บข้าวของไม่ได้สนใจเสียงกดแป้นพิมพ์โทรศัพท์ของเขา เช่นเดียวกับหนุ่มใหญ่วัยสามสิบเก้าปี
แผ่นดินกดส่งข้อความหาผู้หญิงที่เขากำลังคุย ๆ ด้วย แม้ว่าตัวเองจะมีคู่หมั้นที่หมั้นกันมานานถึงแปดปีนี้ แต่เขาไม่ได้รักเธอนี่ จะมีแฟนระหว่างหมั้นมันผิดตรงไหน
...นานพอสมควรที่เก็บเสื้อผ้า ร่างบางมองดูข้าวของที่จำเป็น ส่วนที่เหลือเดี๋ยวมาขนอีกที เธอหันไปมองคนที่นอนเอนกายอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่ วันนี้คุณหมอแผ่นดินไม่มีเข้าเวร เขากำลังคุยแชตกับผู้หญิงอยู่
ร่างบางเดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ โซฟา ถอดแหวนหมั้นออก ก่อนจะวางลงที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา ซึ่งเงาแวบ ๆ ที่หางตาทำให้ใบหน้าหล่อเหลาหันมามอง
เขาขมวดคิ้วมุ่น สิ่งที่เขารอมาโดยตลอด
“ฉันจะถอนหมั้นค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปบอกคุณแม่ให้คืนของหมั้นค่ะ” เปลือกตาหนาเบิกกว้าง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำคำนี้จากปากของอลิน เขาผุดลุกขึ้นนั่งทันที
“หมายความว่าไง”
“ลาก่อนค่ะ” เธอไม่ตอบ หันไปคว้ากระเป๋าลากพร้อมกับเดินหนี แม้ว่าตามกฎหมาย[1]แล้วเธอไม่ต้องคืนของหมั้นก็ได้...แต่ก็อยากให้เลิกแล้วกันไป