เมื่อก่อนตอนที่ดูทีวีหรือว่าดูภาพยนตร์ เธอมักได้เห็นฉากหวานที่พระเอกคุกเข่าขอความรักนางเอก ดานิตาเคยสงสัยว่า หากตนเองถูกขอความรักบ้างจะมีความรู้สึกเช่นไร จะขวยเขินมากแค่ไหน ตื่นเต้นมากเพียงไร เวลานี้ดานิตารับรู้ความรู้สึกที่ตนเองสงสัยแล้ว
“ดานี่...ดานี่” เธอเขินหนักกับการตอบคำถาม “ดานี่รักคุณริคค่ะ”
จะพูดได้ว่าดานิตาหลังรักชายหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่แรกเห็นบวกรวมกับการเล่าเรื่องราวของเขาผ่านปากของเกตุกัญญา ที่เอ่ยถึงเพื่อนร่วมงานก่อนที่เธอจะเข้ามาฝึกงาน ยามที่ได้ฟังเกตุกัญญาพูดถึงริคคาร์โด้ ดานิตารู้สึกถึงความอบอุ่นในตัวเขา อาจจะมองดูว่าไม่น่าเป็นไปได้ ทว่าเธอกลับรู้สึกนั้นจริงๆ พอมาเจอตัวจริง ได้พูดคุย ได้ทำงานร่วมกันความรู้สึกนั้นยิ่งเพิ่มทวีทีละน้อย ความรักที่ดานิตาไม่เคยรู้จักมาก่อนก็เบ่งบานในหัวใจ
ริคคาร์โด้ยิ้มกว้าง หัวใจเต้นด้วยจังหวะแห่งความสุข เขาเอื้อมมือมาจับมือนุ่มสวยของดานิตา แล้วจุมพิตหลังมืออย่างสุดแสนรัก
“เป็นแฟนกับผมนะครับ เราจะดูแลหัวใจของกันและกัน” เมื่อหัวใจตรงกัน เขาจึงยกระดับสถานะอีกระดับหนึ่งทันที
“ค่ะคุณริค” เธอตอบกลับทันที ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ในใจย้ำบอกเธอว่า เขานี่แหละคือคนที่รอคอยมาทั้งชีวิต คนที่จะนำพาเธอออกไปพบกับโลกกว้างได้อย่างอิสรเสรี
“ขอบคุณมากครับที่รักของผม ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ซึ้งถึงคำว่ารัก รักที่มากล้นหัวใจ ผมจะไม่สัญญาว่าจะรักดานี่ตลอดไป แต่ผมจะทำให้ดานี่เห็นด้วยตา รับรู้ด้วยใจว่า ความรักของผมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม”
ริคคาร์โด้มีความคิดว่า คำสัญญาใครๆ ก็พูดได้ แต่จะทำได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง เขาต้องการให้ดานิตาเห็นเองว่าความรักที่เขามีต่อเธอนั้นมั่นคงมากเพียงไร
ดานิตายิ้มทั้งน้ำตา ถึงริคคาร์โด้ไม่สัญญา เธอก็เชื่อมั่นในตัวเขาว่า ความรักของเขาและเธอจะยั่งยืนและยืนยาวไปตลอดชั่วชีวิต
อาหารค่ำคืนนี้ของริคคาร์โด้กับดานิตามีทั้งความเอร็ดอร่อยและความสุข บรรยากาศสุดแสนโรแมนติกของสถานที่ส่งผลให้ความสุขของทั้งสองมีเพิ่มมากขึ้น รอยยิ้มของทั้งคู่ประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา เสียงพูดคุยและหยอกเย้าตามประสาคู่รักไหลผ่านปากเขาและเธอต่อเนื่อง จวบจนอาหารมื้อพิเศษเสร็จสิ้นลง ทั้งสองจึงเดินทางกลับที่พัก
คืนวันสอง
การทำงานนอกสถานที่ของริคคาร์โด้กับดานิตาเป็นไปอย่างราบรื่นและเรียบร้อย เครือข่ายที่ขยายเพิ่มไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ระบบทุกอย่างเตรียมพร้อมใช้งานในวันและเวลาที่กำหนด ฉะนั้นจึงเหลือเวลาอีกสองวันที่จะอยู่เมืองแห่งความสวยงามเมืองนี้ ริคคาร์โด้ตั้งใจว่าจะพาดานิตาไปเที่ยวเมืองเวนิส
“ดานี่นอนพักเร็วๆ นะครับ พรุ่งนี้พี่จะพาไปเที่ยวแต่เช้าเลย” ริคคาร์โด้เอ่ยบอกดานิตาเมื่อเดินมาส่งเธอที่หน้าห้อง
“ค่ะพี่ริค” หลังจากที่ตกลงเป็นแฟนกัน สรรพนามที่ดานิตาเรียกริคคาร์โด้ก็เปลี่ยนไป จากคุณเป็นพี่ตามคำบอกของฝ่ายชาย
“ฝันดี ฝันหวาน ฝันถึงพี่ด้วยนะครับ” ริคคาร์โด้พูดเสียงหวาน
“ค่ะพี่ริค” เธอพูดเหนียมอาย
“ราตรีสวัสดิ์นะครับคนสวย”
พูดจบเขาก็ยื่นแก้มมาตรงดวงหน้าหวาน ที่ดานิตารู้ในทันทีว่าต้องทำอะไร จมูกโด่งรั้นของดานิตากดลงไปบนแก้มขาวของริคคาร์โด้
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่ริค”
เธอพูดลาก่อนนอนกับเขาบ้าง ยังไม่ทันที่จะยื่นหน้าให้เขาหอม ริคคาร์โด้ก็อดใจไม่ไหว กดปลายจมูกลงบนแก้มเนียนสวยเปื้อนสีแดงระเรื่อหนักๆ ทันที เธอยิ้มเขินหนักเงยหน้ามองใบหน้าหล่อของริคคาร์โด้ก่อนจะหมุนตัวไปยังประตู เปิดมันออกด้วยคีย์การ์ดแล้วรีบเข้าไปในห้องทันที พอประตูห้องของดานิตาปิดลง ริคคาร์โด้จึงเดินกลับไปยังห้องของตนเอง
ราวตีหนึ่ง
กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊งๆๆๆๆ
เสียงกดกริ่งดังถี่ๆ ขึ้นภายในห้องพักของดานิตา ส่งผลให้คนที่นอนหลับพักผ่อนจำต้องงัวเงียตื่นขึ้นมา เธอวาดเท้าลงไปบนพื้นคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับเสื้อนอนบางเบาก่อนจะเดินไปยังประตูห้องพัก โดยที่ไม่เฉลียวใจกับเสียงกริ่งที่ดังไม่หยุด ด้วยความรอบคอบและถูกริคคาร์โด้กำชับไว้ว่า ถ้าหากมีใครมาเคาะประตูหรือกดกริ่ง ให้มองดูบุคคลภายนอกทางช่องเล็กๆ กลางประตู
“ไม่เห็นมีใครเลย”
เธอทำตามที่คนรักบอก แต่ก็ไม่เห็นใครอยู่หน้าประตู ดานิตาคิดว่าคงมีคนเข้าใจผิด กดกริ่งเรียกผิดห้องแล้วพอรู้ตัวจึงเดินไปยังห้องที่ต้องการ สาวชาวไทยจึงหมุนตัวเดินกลับไปยังเตียง แต่ทว่าเสียงกริ่งที่ดังขึ้นสามสี่ครั้ง รั้งเท้าเล็กได้ทันท่วงที ดานิตาหันกลับไปดูคนที่กดกริ่งหน้าห้องอีกครั้ง ทว่าก็ยังไม่มีใคร เธอจึงเกิดความสงสัยว่า ใครกันที่มากดกริ่งหรืออีกทางหนึ่งคือ กริ่งมีปัญหาดังขึ้นเอง ซึ่งดานิตาคาดเดาในทางที่สองมากกว่า เจ้าของห้องพักจึงทำในสิ่งที่ไม่สมควรทำคือ เปิดประตูเพื่อดูว่าใครกันแน่ที่มากดกริ่ง
“ว้าย!” ทันทีที่เธอเปิดประตูห้อง ร่างของชายคนหนึ่งที่สวมถุงน่องอำพรางใบหน้าก็โถมเข้ากอดรัดร่างสาว ก่อนจะดันเข้าไปในห้อง พร้อมกันนี้ยังใช้มือปิดปากสาวเอาไว้กันส่งเสียงร้อง
“อย่าส่งเสียงดังถ้าไม่อยากตาย”
ชายคนนั้นเอ่ยบอกร่างสาวที่สั่นอย่างหวาดกลัว แต่เธอก็ทำตามที่อีกฝ่ายบอก จากนั้นเขาก็ดันร่างเธอไปยังเตียงนอน วินาทีนี้ดานิตารับรู้ถึงความไม่ปลอดภัยเป็นเท่าทวีคูณ
“อื้อ อื้อ” เธอส่งเสียงร้อง ไม่ทำตามที่อีกฝ่ายบอกแม้ว่าเสียงนั้นจะไม่สามารถดังผ่านปากได้ก็ตาม แล้วยังดิ้นรนหนีเอาตัวรอด ในช่วงจังหวะที่ชายแปลกหน้าจะดันร่างเล็กลงไปบนเตียง เท้าของเขาได้เหยียบแท่งลิปสติกที่ตกอยู่บนพื้น ส่งผลให้เขาเสียหลักร่างของทั้งคู่จึงล้มคะมำลงไปบนเตียง