บทที่ 14

1499 Words
“คุณจ๋าเก่งจังนะครับ อะไรที่เขาใส่มาในจานก็กินได้หมด” เขาทึ่งในตัวผู้หญิงคนนี้จริงๆ ปกติไม่ว่าใครหรือแม้แต่เขาเอง ก็ต้องมีของที่ไม่ชอบ หรือกินไม่ได้กันบ้าง แต่นี่เขาเห็นจินดาหลาจิ้มทุกอย่างที่อยู่ในจานกินจนหมดเกลี้ยง มารู้ตัวอีกทีว่ามองเธอละเลียดทุกอย่างในจานจนเพลินก็ตอนที่เหลือบมองอาหารในจานตัวเองและมันยังไม่ได้พร่องลงไปสักนิด “ก็ของกินทั้งนั้นนี่คะ ถ้ากินไม่ได้แม่ครัวเขาจะใส่มาในจานทำไม” เธอตอบพาซื่ออย่างที่คิด เลยไม่เข้าใจว่าทำไมอีกคนต้องทำหน้าเหมือนอมเกลือลงไปทั้งกำ ส่วนอีกคนน่ะรึ... ดลวัฒน์หัวเราะร่วนเมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาว “คุณจ๋าตอบได้ตรงใจผมมาก ไอ้หมื่นมันจะได้เข้าใจสักทีว่าเกิดเป็นคนไม่ควรเรื่องมาก เรื่องเยอะกับการกินนัก เพราะวันนึงเราต้องกินอย่างต่ำถึงสามมื้อ” “จ๋าไม่ได้ว่าคุณหมื่นนะคะ แค่เป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายเท่านั้นเอง” ทีแรกเธอก็ขอแยกตัวจากชายหนุ่มทั้งสองคนแล้ว แต่พวกเขายืนยันว่าจะเลี้ยงข้าวเธอสักมื้อ ในโอกาสที่ที่พักอยู่ใกล้กันมากๆ นับหมื่นมองตามสายตาของหญิงสาวที่จับจ้องอยู่ในจานของตนเองแล้วนึกเอ็นดูตาแป๋วๆ นั่นโดยไม่รู้ตัว “จ้องมะเขือเทศ แครอท ผักชี และหนังไก่ในจานผมอยู่ใช่มั้ยครับ” นับหมื่นถามอย่างคนถือไพ่เด็ดอยู่ในมือ จินดาหลาเม้มปากเมื่อรู้ว่าแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป ทำเหมือนเป็นผู้หญิงตะกละทั้งที่จริงเธอก็แค่เสียดายเท่านั้นเอง คนไม่มีจะกินมีอีกมาก ในขณะที่เราสรรหาจะกินได้ก็ไม่ควรกินทิ้งกินขว้าง “ก็จ๋าเห็นคุณหมื่นเขี่ยมันมาไว้ข้างจาน คงไม่ได้กินแล้ว” เจ้าของจานอาหารที่ยังมีอาหารอยู่เต็มจานเห็นเลยละว่าอีกฝ่ายหน้าแดง คงจะเขิน “เอาเลยครับ ผมยกให้ทั้งจาน” คราวนี้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองนับหมื่น ตอนมาถึงเขาทำท่าว่าหิวจัด ขอเมนูจากพนักงาน และเลือกเมนูได้ก่อนใคร แต่พอรู้ว่าเธออยากกินเขาก็แสดงความเป็นสุภาพบุรุษแสนใจดีคนเดิม “เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ” จินดาหลาใช้ส้อมกับมีดของตนไปกวาดอาหารที่ยังสดใหม่เพราะเพิ่งปรุงออกมาจากครัวที่อยู่ข้างจานของนับหมื่นไม่ได้ดูเป็นของเหลือแต่อย่างใด มาไว้ในจานที่ว่างเปล่าของตนเอง“จ๋าจะกินเฉพาะของที่คุณหมื่นไม่ต้องการแล้วนะคะ ส่วนของที่คุณชอบ ก็กินไปเถอะค่ะ จ๋าไม่แย่งหรอก” เรื่องราวหลายอย่างที่ได้ฟังมาตลอดหลายวันเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารู้สึกว่ารู้จักเธอมานานแรมปี ต้องเป็นคนแบบไหนถึงอยู่รอดในสังคมที่มีแต่การแย่งชิง ชิงดีชิงเด่นโดยที่มีแต่คนรัก คนเอาใจช่วย หาคนเกลียดหรือเขม่นยังยาก สิ่งที่คาริสาพี่สะใภ้เขาพูดถึงหญิงสาวคนนี้อยู่บ่อยๆ ดูจะไม่ค่อยเกินจริงเท่าไรนัก... ทั้งหมดทั้งมวลนั้นวันนี้เขาเข้าใจแล้ว “วันนี้คุณจ๋ากลับกับเจ้าหมื่นสองคนนะครับ” “อ้าว...” นั่นคือเสียงของนับหมื่น ไม่ใช่ของเธอ “แล้วมึงจะไปไหนวะไอ้ดล” ดลวัฒน์ยักไหล่เหมือนคนที่รอคำถามนี้มาทั้งวัน “กูก็กลับคอนโดกูสิ” “ก็เดี๋ยวกูไปส่ง ทางเดียวกันจะแยกกันไปทำไม” เขาไม่ได้พิศวาสไอ้เพื่อนจอมกวนอย่างดลวัฒน์สักเท่าไรหรอก แต่เวลาเห็นหญิงสาวอีกคนดูร่าเริง มีความสุขและเสียงหัวเราะที่สดใสเวลาได้อยู่ใกล้ๆ กับเพื่อนเขาแล้ว นับหมื่นก็ยังไม่อยากทำลายมัน “ก็กูซื้อรถแล้ว” “เฮ้ย ! นี่มึงเอาจริง” ธนาดลที่นั่งฟังเงียบๆ มาพักนึงอดรนทนไม่ไหวถึงกับต้องขอเข้ามาร่วมแจมด้วย ก็รู้อยู่หรอกว่าดลวัฒน์ร่ำรวยไม่ต่างจากตระกูลสิงหโชติเดชาของเพื่อนอีกคน แต่ถึงกับขนาดบอกจะซื้อรถ ก็ซื้อได้ภายในไม่กี่วันนี่ดูจะเกินไปหน่อย เพราะทั้งนับหมื่นและดลวัฒน์มาอยู่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยงานเขาแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น ส่วนทางเหนือบ้านช่องของพวกมันก็มีรถนับสิบคัน จะขับกันยังไงไหว “เออสิ เห็นหน้าไอ้หมื่นตั้งแต่เช้าจดเย็นมาหลายวันแล้วชักมวนท้องว่ะ” ดลวัฒน์กระหยิ่มยิ้มย่อง ไอ้เพื่อนจอมเจ้ากี้เจ้าการไม่ได้กินเขาหรอก มันก็รู้ว่าเขาสนใจใครอยู่ยังจะหาเหามาใส่หัวด้วยการเป็นสะพานเชื่อมให้เขากับผู้หญิงอีกคน เป้าหมายของนับหมื่นน่ะรึ ? จะมีอะไรได้นอกจากอยากให้เขาร้อนรนและอีกคนเข้าใจผิด “ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องกลับบ้านกันสองคนแล้วนะครับคุณจ๋า” คอนโดเขากับที่พักของหญิงสาวอยู่ห่างกันแค่ซอยเดียวเท่านั้น ในขณะที่คอนโดของเพื่อนเขาอยู่ถัดไปไกลจากนั้น หากจะบอกให้มันไปส่งจินดาหลาก็ดูจะเป็นใจมากไปนิด จินดาหลาไม่รู้จะขำหรือปวดหัวดีเมื่อได้ยินเสียงและสีหน้าเหมือนรู้สึกผิดต่อเธอของนับหมื่น ใจจริงเธอก็อยากจะบอกว่าทั้งเขาและเพื่อนเข้าใจผิด แต่อีกใจก็ให้ยื้อเวลาไปอีกหน่อยก็ดี “อันที่จริงจ๋ากลับคนเดียวก็ได้นะคะ” “ได้ยังไงล่ะครับ ทางเดียวกันไปด้วยกันถือว่าประหยัดทั้งน้ำมันของผมและค่าใช้จ่ายของคุณจ๋าด้วย ที่สำคัญปลอดภัยหายห่วงเรื่องโจรวิ่งราว” “ก็เผื่อคุณหมื่นจะมีธุระที่ไหนบ้างน่ะสิคะ จ๋าไม่อยากรบกวน” “ไอ้หมื่นมันไม่ไปไหนหรอกครับ ไอ้นี่มันติดบ้านจะตาย ตอนอยู่ที่เชียงรายก็เหมือนกัน คุณจ๋าคงยังไม่เห็นว่ามันยกทุกอย่างที่อยากได้ ทั้งผับ ร้านอาหาร สปา ไม่ว่าอะไรที่สายหมอกก็มีหมด จนมันไม่ต้องออกไปไหน มีแต่เรียกเพื่อนๆ ไปหาที่นั่น” “ก็พอได้ยินมาเหมือนกันค่ะ” แน่นอนว่าเธอเคยได้ฟังคาริสาพูดถึงอยู่หลายครั้งจนจำได้... และยิ่งเป็นเรื่องราวของนับหมื่น สิงหโชติเดชา เธอยิ่งสนใจและจดจำเป็นพิเศษอยู่แล้ว 2 เดือนต่อมา “น้องครับ ไอซ์ลาเต้แก้วนึง” เจ้าของยิ้มหวานละมุนละลายใจสาว โปรยเสน่ห์ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจตรงมุมปาก สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์สีเข้มท่าทีสบายๆ แต่เผอิญสายตาดันเหลือบไปเห็นร่างบางคุ้นตากำลังหอบหิ้วแฟ้มเอกสารพะรุงพะรัง และดูเหมือนเจ้าหล่อนกำลังจะเดินเข้ามาในร้านกาแฟที่เขาอยู่พอดีด้วย “ขอชามะนาวให้พี่แก้วนึงนะต่าย” “ได้เลยค่ะพี่เนย” บาริสต้าสาวขานรับออเดอร์จากลูกค้าเจ้าประจำ ดลวัฒน์รีบหลบฉากด้วยการกลับหลังหัน เพราะกลัวใครบางคนจะจำเขาได้... เดี๋ยวไก่สาวจะตื่นตกใจซะก่อน ! “ไอซ์ลาเต้ได้แล้วครับ” เนติกาเหลือบมองผู้ชายตัวสูงใหญ่สวมแว่นกันแดดท่าทางพิลึกๆ เพียงชั่วครู่ ‘คนอะไรสวมแว่นกันแดดในร่ม’ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก พอได้เครื่องดื่มของตนเองเรียบร้อยเธอก็รีบหอบเอกสารออกไปเพื่อตอกบัตรเข้างาน ระหว่างทางเดินเนติการู้สึกเหมือนมีคนตามมา พอหันกลับไปมองก็เห็นเป็นผู้ชายคนที่เจอในร้านกาแฟตรงล็อบบี้ข้างล่างเมื่อครู่ หญิงสาวจึงรีบจ้ำอ้าวไปให้ถึงลิฟต์พนักงานโดยไว เพราะตอนนี้เช้ามากจึงยังแทบไม่มีพนักงานคนอื่นให้เห็นสักคน ตึก... ตึก... ตึก... เสียงย่ำเท้าที่กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมผู้ชายสวมแว่นดำทำให้เนติกาตัดสินใจโยนแฟ้มในมือทิ้ง ถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วก้มลงหยิบมันขึ้นมาหิ้ว ก่อนจะออกวิ่งสุดชีวิต แต่ก็หนีไม่รอด... “ว้าย !” ร่างที่ถูกกระชากเซเข้าไปปะทะอกแข็งๆ อย่างแรง มันทั้งเจ็บทั้งจุก แต่ยังน้อยกว่าอาการกลัวและตกใจ “ปล่อยฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วย” เจ้าของอ้อมกอดที่รัดแน่นหัวเราะหึหึในลำคอคล้ายอยากข่มขวัญ แล้วทำเป็นเหลียวซ้ายแลขวาช้าๆ ด้วยท่าทียั่วเย้าอารมณ์อีกฝ่ายสุดฤทธิ์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD