ก่อนจะเข้าใจเมื่อพบกับวัตถุที่หล่นกองอยู่บนพื้นตรงบริเวณเดิมที่เขายืนอยู่ก่อนหน้า ซึ่งได้แก่ เศษชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของป้ายชื่อบริษัทที่คาดว่าน่าจะเก่าคร่ำครึอันเนื่องมาจากการก่อตั้งที่ยาวนานมาแล้วหลายรุ่นบริหาร มันจึงลงมากองนิ่งเช่นนั้น ซึ่งเป็นความโชคดีที่หญิงสาวผู้มีจิตใจประเสริฐเข้ามาช่วยเขาเอาไว้เสียก่อน มิเช่นนั้นสิ่งที่ต้องรองรับคงเป็นศีรษะของชายหนุ่มอย่างมิต้องสงสัย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” พิมพ์อรละล่ำละลักถามชายหนุ่มรูปงามที่ยืนนิ่งในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง มือบางยกขึ้นกุมแก้มสากทั้งสองข้างอย่างลืมตัว เนื่องด้วยเกรงว่าเขาจะเป็นอะไร
โซนิค ไอริช ขยับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะยกมือหนาขึ้นทาบทับมือบางที่ยังกุมแก้มเขาไว้ หน้าสวยหวานยามที่อยู่ใกล้ๆ ดูเนียนใสน่าฝากรอยจุมพิตทิ้งไว้เสียเหลือเกิน คำขอบคุณดูเหมือนจะถูกลืมเลือน ทั้งๆ ที่ควรจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้แล้ว
“เอ่อ…ถ้าคุณไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ เทกแคร์ด้วยค่ะ”
พิมพ์อรค่อยๆ เลื่อนมือน้อยออกจากหน้าเขาอย่างนิ่มนวล ก่อนจะเอ่ยขอตัวอย่างสุภาพและรีบเดินหันหลังออกไปจากตรงนั้นทันที
แต่ทว่า ระหว่างที่ก้าวเดินกลับรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองอยู่ตลอด จึงหันกลับไปยังจุดเกิดเหตุ และก็เป็นดังคาด เมื่อใบหน้าหล่อเหลานั้นส่งตรงสายตามาที่เธอ แม้จะอยู่ในระยะที่ไกลออกมา ก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาคมที่เร้าตรึงอารมณ์ให้รู้สึกประหลาด จนเธอมิอาจที่จะสบประสานด้วย จึงได้แต่รีบหลบและก้าวฉับๆ หนีห่างออกจากตรงนั้นเพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับบ้านทันที
“นายครับ นายไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ” เสียงสอบถามอย่างหวาดๆ จากเหล่าบอดี้การ์ดที่ติดตามมาอารักขา ที่ได้แต่นิ่งมองเหตุการณ์อันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ทันได้คาดคิดและระวังภัยอันเนื่องมาจากสิ่งก่อสร้าง ก่อนจะได้สติเมื่อสุภาพสตรีผู้นั้นเดินหนีห่างออกไปแล้ว
“ไม่ได้เรื่อง สู้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ไม่ได้” เสียงห้วนเข้มเอ่ยตำหนิออกมา จนเหล่าบอดี้การ์ดได้แต่ก้มหน้าอย่างสลด
“ฉันให้เวลาสองวัน ไปสืบมาผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
สิ้นเสียงคำสั่งของเจ้านาย เหล่าบอดี้การ์ดต่างรับคำเสียงหนักแน่น และเดินตามเจ้านายออกไปเพื่อขึ้นรถที่มีสมัครพรรคพวกนำมาจอดไว้รออยู่แล้ว…
หญิงสาวชะงักมือที่กำลังจะตักข้าวราดผัดกะเพราไก่ไข่ดาวสุกกรอบใส่ปาก ก่อนจะรีบกดรับสายชายหนุ่มที่เฝ้ารอมาเป็นปีอย่างมีความสุข จนแทบจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ประมาณสิบห้านาทีตัวเองหิวมากแค่ไหน
“ว่าไงคะเคน” เสียงหวานระรื่นหูไปถึงปลายสายที่เผลอยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว ด้วยความเอ็นดูคนเสียงใส
“ตอนนี้ผมพักอยู่ที่โรงแรม…นะครับฮันนี่ กำลังจะออกไปกินข้าวเย็นที่ร้าน…กับเพื่อนครับ”
“อ๋อค่ะ”
“เอ่อ ฮันนี่ครับ คือ…”
“คะ” หญิงสาวกรอกเสียงกลับไป เมื่ออีกฝ่ายดูอึกๆ อักๆ แกมอ้ำอึ้งชอบกล
“คือเพื่อนผมชวนไปเที่ยวพักผ่อนที่พัทยาน่ะครับ ผม…”
“โธ่ พิมพ์นึกว่ามีเรื่องอะไร ก็ไปสิคะ มาเมืองไทยทั้งที ก็ต้องไปเที่ยวบ้างสิ” พิมพ์อรส่ายศีรษะน้อยๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มจะมีน้ำเสียงติดกังวลเพียงแค่เรื่องที่ต้องไปเที่ยว
“แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะต้องไปกี่วัน และกว่าจะกลับมา จะได้เจอฮันนี่หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ ไว้พิมพ์ไปส่งเคนตอนขึ้นเครื่องกลับก็ได้ค่ะ”
“ฮันนี่…” ปลายสายครางออกมาเสียงแผ่ว
“เคนอย่ากังวลเลยนะคะ ไว้ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันค่ะ”
“ถ้าฮันนี่เข้าใจ ผมก็เอาตามนั้นก็ได้ครับ ผมมีความสุขมากเลยนะครับที่มีฮันนี่เข้ามาในชีวิต ผมไม่เคยต้องทำหรือพูดอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
“หืม จริงเหรอคะ ได้ยินแบบนี้พิมพ์ดีใจแย่เลย”
มือน้อยๆ เอื้อมบิดกระโปรงตัวเองอย่างเขินๆ โดยไม่ทันรู้ตัว แต่หากสังเกตไปรอบๆ บริเวณโต๊ะที่นั่งรับประทานอาหาร หญิงสาวคงจะเห็นว่ามีแต่คนมองอย่างงงๆ ปนสงสัย กับท่าทางอายม้วนแบบไม่เก็บอาการดังกล่าว
“คุณเคนคะ น้ำค่ะ”
เสียงผู้หญิงหวานๆ ที่เอ่ยแทรกให้ได้ยินในโทรศัพท์ ทำให้หญิงสาวที่กำลังคุยจ้อหุบปากลงฉับพลัน พร้อมๆ กับที่ชายหนุ่มในสายบอกเธอว่า รอสักครู่นะครับ
“ขอบคุณมากครับ…”
พิมพ์อรกำโทรศัพท์ในมือแน่น ก็ไหนเคนบอกว่าเขาเดินทางมาที่เมืองไทยคนเดียว หรือว่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่เคยเล่าให้ฟัง แต่เคนเคยบอกว่าเพื่อนสนิทเขาเป็นผู้ชายนี่ หญิงสาวนิ่งอยู่กับความคิดของตนที่วิ่งพล่านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะได้สติเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มเรียกดังๆ มาตามสาย
“ฮัลโหล ฮัลโหล ฮันนี่ ฟังอยู่หรือเปล่าครับ”
“เอ่อ คะ…ค่ะ” พยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นแต่ดูท่าทางว่าจะเป็นไปได้ยากยิ่ง
“ผมต้องไปก่อนแล้ว ไว้คุยกันใหม่นะ บายครับ”
ชายหนุ่มวางสายไปแล้ว แต่หญิงสาวยังคงค้างคากับความรู้สึกปวดหนึบในใจแปลบๆ เพียงแค่คิดว่า เขาอาจจะมีคนรักอยู่ที่นี่ หรือกิ๊ก หรือคู่ขา หรืออะไรก็ช่าง มันก็ทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะปกติ ความรู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะได้รู้อะไรบางอย่างที่อาจจะดีกว่าถ้าไม่ต้องรับรู้มัน พยายามปลอบใจตัวเองว่าอย่าคิดอะไรมาก ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นแค่เพื่อนหรือคนรู้จักของเขาก็ได้ แต่ทำไมนะความรู้สึกลึกๆ ในใจมันกำลังบอกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น…