“ถ้าพิมพ์ว่าง พิมพ์จะพาไปนะคะ แต่ถ้าพิมพ์พาไปไม่ได้ เดี๋ยวพิมพ์โทรบอกวิธีเดินทางให้ค่ะ”
“ใจร้ายจัง ขอให้ฮันนี่ว่างเถอะนะครับ เราจะได้มีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกันบ้าง”
“พิมพ์จะพยายามมาเจอเคนให้ได้เลยค่ะ พิมพ์ดีใจนะคะที่มีโอกาสได้คุยและรู้จักเคนมาจนถึงวันนี้ เคนทำให้พิมพ์รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ ที่เราได้คุยกัน”
“ผมก็เหมือนกันครับฮันนี่ ฮันนี่เป็นผู้หญิงที่ผมอยากใช้เวลาดีๆ ร่วมด้วยในชีวิตให้ดีที่สุด หวังว่าเราคงจะมีวันนั้นนะครับมายเดียร์”
“ขอบคุณนะคะเคน พิมพ์ดีใจที่ได้รู้จักคุณค่ะ”
“เช่นกันครับ…เอ่อ ฮันนี่ ผมขอเบอร์โทรศัพท์คุณหน่อยได้มั้ยครับ เผื่อว่าถ้าไปถึงยังไงจะได้ติดต่อกันได้สะดวก”
“เอ่อ…ได้ค่ะ โทรมาที่ 098-xxxxxxx นะคะ”
“ได้เลยครับ แล้วผมจะโทรหาฮันนี่บ่อยๆ เวลาที่ไม่ได้ออนไลน์นะครับ”
“ตามสะดวกเลยค่ะ”
“โอเคครับ…งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะครับฮันนี่ ผมมีธุระด่วน ไว้ผมโทรหานะครับ คิส”
“บายค่ะ พิมพ์…คิดถึงเคนนะคะ”
“ผมก็คิดถึงฮันนี่ที่สุดเลย กลับบ้านดีๆ นะครับ อย่านอนดึกล่ะ พักผ่อนเยอะๆ ไว้เจอกันครับ”
เคนกดล็อกเอาต์ออกจากหน้าจอเพื่อตัดการออนไลน์ ใบหน้าคมราบเรียบนิ่งอย่างคนที่กำลังสงบสติอารมณ์ในช่วงเวลาพักผ่อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยสายตาที่ปรับโหมดมาเป็นอ่อนโยนในทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร
“แม่เข้ามากวนหรือเปล่าลูก” นางเคธี่เอ่ยถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
ด้วยรู้ว่าช่วงเวลาสี่ทุ่มเช่นนี้บุตรชายมักจะไม่ใคร่ให้ใครมารบกวน เนื่องจากเป็นเวลาส่วนตัวที่เขาค่อนข้างหวงแหน
“ไม่เป็นไรครับแม่ มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมวันนี้แม่นอนดึกจัง”
เขาถามขณะลุกจากโต๊ะทำงานที่อยู่ในห้องนอน เดินเข้ามาจูงมือมารดาให้นั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่อยู่ปลายเตียงด้วยกัน
“อีกไม่กี่วันเคนก็จะไปเมืองไทยแล้ว แม่เลยแวะมาคุยด้วยนิดหน่อยจ้ะ”
“อ๋อครับ…ช่วงที่ผมไม่อยู่ เรื่องงานที่บริษัทพ่อคงจะเหนื่อยมากเลยนะครับ” เขาเปรยอย่างห่วงๆ
“ไม่ต้องกังวลหรอกลูก หาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนแบบนี้น่ะดีแล้ว ทำงานหนักมาเยอะ แล้วนี่จะไปกับเพื่อนๆ เหรอ”
“ไปคนเดียวครับ ค่อยแวะไปหาอาร์ตี้ที่นั่น”
“อ๋อ แบบนี้แม่ก็หายห่วงแล้ว ไปเมืองไทยมีอาร์ตี้ดูแล แม่ก็สบายใจแล้วล่ะ งั้นเคนพักเถอะ แม่ไม่กวนแล้ว ฝันดีจ้ะ”
“ฝันดีครับแม่” เขายิ้มให้มารดาที่มองมาอย่างยินดี ก่อนจะเดินไปส่งท่านที่หน้าประตูหลังจากที่กล่าวราตรีสวัสดิ์เฉกเช่นทุกคืน…
‘Cause there’ll be no sunlight. If I lose you, baby. There’ll be no clear skies. If I lose you, baby…’
เสียงริงโทนเพลงโปรดจากโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะที่พิมพ์อรกำลังสาละวนอยู่กับการพิมพ์อีเมลเพื่อส่งรายงานการประชุมสรุปผลการจัดอบรมพนักงานประจำปี ปากอิ่มเผยรอยยิ้มกว้างอย่างยินดีที่เห็นชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอ
มือบางสั่นระริกด้วยความตื่นเต้นขณะสัมผัสปุ่มรับสาย
“สวัสดีครับฮันนี่”
เสียงทุ้มสำเนียงภาษาอังกฤษแบบฉบับเจ้าของภาษาเป๊ะที่หญิงสาวไม่คุ้นเคยดังมาตามสาย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเมื่อคนที่โทรมานั้นคือคนที่คุยออนไลน์ด้วยทุกวัน แม้จะไม่เคยได้ยินเสียงและได้สัมผัสหน้าตาแค่เพียงจากรูปภาพ แต่เท่านี้ก็สร้างความพองโตในหัวใจให้เกิดขึ้นได้แล้ว
“สวัสดีค่ะเคน คุณมาถึงแล้วเหรอคะ” พิมพ์อรเอ่ยถามด้วยภาษาสากลสำเนียงพอใช้ได้กึ่งออกมาทางบ้านเกิด
“ครับผม ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมินะครับ กำลังรอเพื่อนมารับ ไว้ถ้าผมถึงที่พักเมื่อไหร่ผมจะโทรหาฮันนี่อีกครั้งนะครับ”
“ได้ค่ะ”
“ฮันนี่ครับ…”
“คะ” รอฟังสิ่งที่ชายหนุ่มจะพูดต่ออย่างใจจดใจจ่อ หลังจากได้ยินการเรียกขานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนของเขา
“ผมคิดถึงฮันนี่นะครับ ไว้เราเจอกันนะ”
“ค่ะ พิมพ์ก็…เหมือนกัน”
“ครับ เท่านี้ก่อนนะครับ เพื่อนผมโทรมาแล้ว บาย”
“บายค่ะ”
หญิงสาวกล่าวลาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ก่อนจะลองเอามือขวาของตนมาสัมผัสบนหน้าอกข้างซ้าย รับรู้ได้ว่ามันกำลังเต้นถี่ระรัวอย่างกับไปวิ่งมาสักร้อยรอบ ความตื่นเต้นยินดีและความประหม่าตีกันวุ่นยุ่งเหยิง เมื่อตระหนักได้ว่า นี่ไม่ใช่ความฝัน คนที่เธอรู้สึกผูกพันทีละน้อยโดยไม่รู้ตัวได้เดินทางมาที่นี่แล้ว หวังว่าเมื่อเธอได้เจอกับเขาทุกอย่างจะออกมาดีและราบรื่น
พิมพ์อรนั่งจมอยู่กับความคิดของตนเองสักพัก จากนั้นจึงเริ่มเก็บของเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาว่าถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอคงต้องรีบกลับเพราะวันนี้ไม่มีเพื่อนกระทิงอย่างพัชรพงศ์ไปส่ง เพราะติดประชุมกับผู้จัดการฝ่ายการตลาด งานนี้เห็นทีต้องพึ่งรถเมล์ฟรีอย่างเลี่ยงไม่ได้…
“ระวัง!”
ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างสูงใหญ่สมส่วน ผิวขาว ผมดกดำ นัยน์ตาสีเขียวอ่อน จมูกโด่งได้รูป ปากหยักสวยราวกับผู้หญิง รู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง ที่อยู่ๆ ก็มีหญิงสาวหน้าตาน่ารักกระโดดเข้ามากอดเอวและรั้งตัวเขาออกไปจากบริเวณหน้าตึกอาร์เอสวีทาวเวอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานในเครือรักษ์สวัสดิ์วงศ์ หรือเรียกชื่อสากลว่าอาร์เอสวีกรุ๊ป ที่มีครอบครัวเขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่