แล้วก็มาถึงวันที่ทำให้เด็กตื่นเต้นมาก งานเลี้ยงในคืนนี้ไม่น่าเบื่อเหมือนปีก่อนอาจจะเพราะว่าเขามีคนข้างกายที่ดีงามมากขนาดนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำอะไรก็รู้สึกว่าบรรยากาศดีขึ้นเพราะรอยยิ้มของเธอ ไม่ว่าใครเข้ามาทักทายก็ไม่คิดจะแนะนำให้รู้จัก จนกระทั่งเพื่อนรักอย่างภาคินเดินมาพร้อมกับผู้หญิงที่มันไปวอแวนานมากกว่าจะได้ควงคู่มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
แล้ววันนั้นบอกว่าจะมาคนเดียว
อิจฉาที่เพื่อนมีเมียจนทนไม่ไหวล่ะสิท่า
“ไม่คิดว่าคุณจะมางานนี้นะคะวาดิม แล้วนี่ใครเหรอคะ?” เพลงขวัญเดินเข้ามาทักทายพร้อมกับยิ้มกว้าง วันนี้แหละที่เธอรอคอยมานานมาก ผู้หญิงคนนี้จะทำให้เธอรอดพ้นจากอดีตคู่หมั้นที่เป็นเหมือนเจ้ากรรมนายเวรได้แน่นอน
“ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะรู้ ไปกันเถอะ” เขาไม่ได้ตอบชัดเจนแต่คนอย่างเพลงขวัญน่าจะเดาออก
“เดี๋ยวสิ! ฉันเป็นคู่หมั้นเขารู้รึเปล่า?” เพลงขวัญยิ้มกว้างตั้งใจทำให้ผิดใจกัน เธอจับแขนเด็กคนนี้เอาไว้แน่นจนวาดิมต้องมาจับมือของเธอออก เขาดูหวงเด็กคนนี้มากและนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นชัดเจน ความอิจฉาเข้ามาเล่นงานอย่างหนักเพราะเขาไม่เคยแสดงอะไรแบบนี้กับเธอเลยทั้งที่เราหมั้นกันตั้งแต่เด็ก
“ผู้หญิงคนนี้…”
“นี่น่ะเหรอคะอดีตคู่หมั้น?”
“ใช่ เป็นแค่อดีตคู่หมั้น ไปในงานกันเถอะ”
“ค่ะคุณวาดิม”
เพลงขวัญมองตามด้วยความโกรธเกลียดมากถึงแม้ว่าเธอไม่รักวาดิมเลยก็ตาม แต่เขาไม่เคยเอาใจใส่ขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยหึงหวงหรืออะไรทั้งนั้นด้วย เมื่อก่อนเขารู้ว่าเธอคือคู่หมั้นก็ปฏบัติอย่างดีแต่มันไม่ใช่ความรักแบบนี้เลย ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกเกลียด ยิ่งอยากทำให้เขารู้สึกไร้ค่าเหมือนที่เขาเคยทำกับเธอมาก่อน เธอจะต้องทำให้เด็กคนนั้นทิ้งเขาไปให้ได้ แล้วเด็กคนนั้นจะต้องทำให้เธอรอดจากเงื้อมือของวาดิมด้วย
“ตาลุกเป็นไฟแล้ว วาดิมดูหวงเด็กคนนั้นมากนะว่าไหม?”
“ฉันรู้น่า!”
“มันไม่ปล่อยเธอหรอก”
“แกต่างหากที่จะไม่รอด!”
“หึ! มันไม่มีทางรู้ว่าฉันเป็นใคร เธออย่าหลุดปากบอกแล้วกันล่ะเพลงขวัญ ไม่งั้นฉันเอาเธอตายแน่!”
“เมื่อไรแกจะจัดการมันสักที!?”
“เร็วๆนี้แหละ ฉันเหนื่อยที่จะรอแล้วเหมือนกัน ถึงเวลาที่มันควรจะตายได้สักที”
“ถ้ามันไม่ตาย พวกเราก็ต้องตาย”
รอยยิ้มกว้างไม่ได้สะทกสะท้านต่อความกังวลของเพลงขวัญเลย เขาอยู่มาได้ตั้งสิบกว่าปีแบบที่มันไม่สามารถจะหาตัวจับได้ว่าเป็นใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังจากฉิบหาย เริ่มตั้งแต่ใช้ความวางใจฆ่าพ่อแม่ของวาดิมในช่วงที่พวกมันมีเรื่องกับมาเฟียคนหนึ่งทำให้ไม่มีใครสนใจเขาสักเท่าไร จากนั้นก็ตามปิดปากทุกคนที่รู้ว่าเขาคือใครและมีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวนี้ยังไง
เมื่อสี่ปีที่แล้วเขาเข้าหาเพลงขวัญและมีความสัมพันธ์ที่ร้อนแรง เขาให้ความรักเธอและหลอกใช้เพื่อฆ่าวาดิมจนเกือบจะสำเร็จ มันหายตัวไปสองเดือนแต่กลับไม่มีใครเจอศพเลยสักคนทำให้เดาออกว่าต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง โดยที่ช่วงนั้นวีวิ่งวุ่นทุกอย่างทำเหมือนไม่รู้ว่านายตัวเองมีชีวิตรอด ความจริงวีนั่นแหละคือคนซ่อนวาดิมเอาไว้เพื่อให้ออกมาจัดการทุกคน
เขาเสียมือขวาไปก็เพราะไอ้เด็กเวรนี่คนเดียว
ผุดมาจากนรกทำไมไม่ลงนรกไป
ถ้าไม่มีวาดิม ไม่มีพ่อแม่ของมัน ทุกอย่างก็ต้องตกเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น ตลอดทั้งชีวิตเขาเป็นได้แค่เงาที่ไม่มีตัวตน ไม่เคยถูกเรียกในฐานะลูกเลยสักครั้ง วาดิมก็ไม่เคยรู้ว่าเขาคือญาติสนิทอีกคนของมัน หรือจะให้เรียกว่าอาเลยก็ยังได้ การมีอยู่ของเขาเก็บเป็นความลับเสมอมา เขาทำหน้าที่เป็นแค่บอดี้การ์ดดูแลรักษาความปลอดภัยทั้งที่เขาควรจะถูกดูแลในฐานะลูกชายอีกคนของครอบครัวนี้ จะอ้างว่าเพราะแม่ของเขาเป็นเพียงเมียน้อยมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะลดคุณค่าของเขาที่เป็นลูกชาย ดังนั้นเขาเลยต้องวางแผนทวงทุกอย่างของตัวเองคืนมาอย่างสาสม
ใช้ความไว้ใจฆ่าคนมันง่ายจะตายไป
หลอกใช้คนก็ง่ายไม่ต่างกัน
อีกด้านหนึ่งของงานมีหนึ่งแววตาดุดันจ้องมองชายวัยกลางคนและอดีตตู่หมั้นของคุณวาดิมเงียบๆ ก่อนหน้านี้ประมาณสิบนาทีเขาเดินเข้างานพร้อมกับถือถาดไวน์ไปยกเสิร์ฟและแอบติดไมค์ขนาดเล็กเพื่ออัดเสียงการพูดคุยเอาไว้เพราะมั่นใจว่าเงาที่ซ่อนในที่มืดมานานต้องอยากมีตัวตนแน่นอน จากนั้นก็มีอีกคนแกล้งมาเดินชนเพลงขวัญแล้วดึงไมค์ออกมาก่อนจะถูกจับได้ว่าถูกดักฟัง การพูดคุยกันถูกบันทึกเอาไว้ทั้งหมดแล้ว ถ้ามันคือคนร้ายตัวจริงก็ง่ายที่จะตามหาตัว ตรงที่ยืนอยู่ก็มีการแอบติดกล้องเพิ่มเพื่อจะได้มองเห็นทุกอย่างชัดเจนขึ้น
วาดิมปรายตามองแล้วยกไวน์ขึ้นมาดื่ม
เขาเดินไปรับแก้วที่ว่างเปล่าเหมือนบริกรทั่วไป
“เรียบร้อยใช่ไหม?”
“ครับคุณวาดิม”
“ดีมาก เตรียมคนรึยัง?”
“เรียบร้อยครับ”
“คุณวีปลอมตัวเนียนมากเลย!” รชายิ้วกว้างแล้วหยิบไวน์ขึ้นมาดื่มทันที คุณวาดิมหัวเราะออกมาส่วนคุณวีก็ยิ้มแห้งเพราะถูกจับได้แล้วเดินออกไปทันที เธอหันไปมองอดีตคู่หมั้นของเขาที่ส่งสายตาพิฆาตมาแบบน่ากลัวมาก ไม่รู้สิว่าเมื่อก่อนพวกเขารักกันมากขนาดไหน แต่คนรักกันจะหลอกไปฆ่าได้เหรอ
“มองอะไรขนาดนั้น มีอะไรก็ถามฉันสิ”
“ก็เขามองฉันอะ”
“ที่ผ่านมาฉันไม่เคยเปิดตัวว่ามีใครมาก่อนก็ไม่แปลกที่จะมองขนาดนั้น”
“แล้วเตรียมคนอะไรเหรอคะ?”
“ขากลับบ้านเราไง”
“เราจะนั่งล่อพวกเขาเหรอคะ?”
“มันซ้อนแผนน่ะ ฉันไม่เอาเมียตัวเองมาเสี่ยงหรอก”
“แต่ฉันเก่งนะ”
“รู้ว่าเก่งมากนะ แต่ไม่อยากให้เจ็บตัว”
“คนมองเยอะเลย”
“ที่ผ่านมาฉันไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้หญิงเลย เธอมากับฉันก็ต้องมีคนสนใจบ้างเป็นธรรมดา เธออย่าไปสนใจใครล่ะ”
“มีเจ้าที่แรงขนาดนี้ใครจะกล้าเข้าใกล้ล่ะคะ!”
เขาอยากจะมองบนกับคำพูดคำจาของเมียตัวเองจริงๆเลย ไม่รู้สิว่าทำไมถึงอยากจะงอนแต่รู้ว่าเมียไม่ง้อแน่นอน เผลอๆจะไม่รู้อะไรด้วยซ้ำเพราะไม่ค่อยสนใจกันเท่าไร ใครหลายคนจะมองรชาก็ไม่แปลกเพราะวันนี้เธอสวยมากจริงๆ มีเสน่ห์ดึงดูดแบบที่ไม่ต้องทำอะไรมากเลยด้วยซ้ำ
ชุดเกาะอกสีขาวงาช้างที่ปักลูกไม้แทบทั้งตัวให้ความรู้สึกเหมือนว่ามันชุดเจ้าสาว เครื่องประดับที่เธอเลือกคือสร้อยไข่มุกที่เขาซื้อมาให้เมื่อวันก่อน ตัวสร้อยที่ประดับด้วยมรกตช่วยขับผิวให้น่ามอง ส่วนสร้อยไข่มุกที่ร้อยเรียงเป็นระย้าช่วยเพิ่มความเลอค่าของเธอให้ดูสูงส่งมากขึ้นไปอีก ต่างหูเพชรไม่ได้เด่นมากเท่าไรแต่ถือว่าลงตัวเลย เธอใส่แหวนทองของเขาและแหวนที่ประดับยอดเป็นมรกตเม็ดโตล้อมไปด้วยเพชรวิบวับ เขาเป็นคนเลือกเองในวันนั้นเพราะเห็นว่าชอบและน่าจะเข้ากับนิ้วเรียวยาวนี้ด้วย
โดยรวมแล้วเราสามารถเข้าโบสถ์
จัดงานแต่งคืนนี้ยังไง
เวลาผ่านไปถึงช่วงที่มีการเต้นรำของแขกหลายคนก่อนจะประมูลส่งท้ายงาน วาดิมจำเป็นต้องคุยกับพ่อของเพื่อนเรื่องคืนนี้และถูกล้อเรื่องพาเมียมาด้วยเล่นเอาซะคนที่อยากสานสัมพันธ์ตั้งตัวแทบไม่ทัน ในขณะที่รชากำลังยิ้มกว้างแล้วเลือกจะเดินไปหาขนมกิน มีคนเดินเข้ามาหาและหยิบขนมใส่จานให้
“เต้นรำกันไหม?”
“มาได้ไงอะ!?”
“ก็โน้นไงนายจ้าง เขาเชิญพี่มาก่อนจะกลับ”
“อืม” เธอเดินออกมาแล้วกินขนมไม่กี่ชิ้นก็หมด จากนั้นก็หยิบไวน์ขึ้นมาดื่มล้างคอทันที พี่ชายหยิบแก้วมาชนกับเธอแล้วยกดื่มรวดเดียวหมดแก้วพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง จากนั้นก็ก้าวขาถอยหลังเล็กน้อยและยื่นมือคล้ายว่ากำลังขอเต้นรำ เธอยื่นมือไปจับแล้วเริ่มเต้นรำอย่างสนุกสนานทันที
“ห้ามเหยียบเท้าพี่ล่ะ”
“ฉันไม่ใช่เด็กนะ แล้วก็เลิกเหยียบเท้าพี่มานานแล้วด้วย พี่นั่นแหละห้ามเหยียบกระโปรงฉันนะไม่งั้นอายคนแน่จะล้มลง”
“แฟนน่ารักดีนะ เขาดูโตมากกว่าอายุจริงแต่ก็ไม่แปลก รู้ไหมว่ากว่าพี่จะหาโอกาสเข้าใกล้ได้ยากใช่ย่อยเลย แล้วคืนนี้อยากได้อะไรรึเปล่าพี่จะประมูลมาให้ อ่อ…พี่จะคุยเรื่องที่บ้านด้วย บางทีเราสองคนอาจจะต้องกลับไป”
“อีกแล้วเหรอ!?”
“คราวนี้ต้องหวดให้หนักๆหน่อย เอาเขาไปด้วยก็ได้นะ แต่เป็นในฐานะลูกน้องของพี่ไม่ใช่คนรัก ตามกฏของครอบครัวเราจะมีคนรักได้อย่างเปิดเผยต้องรออายุยี่สิบปีก่อน จำได้ใช่ไหม?”
“รู้แล้วน่า แต่เขาจะไปได้เหรอ?”
“ไม่รู้สิ อยู่บ้านนั้นเป็นยังไงบ้าง เขาดูแลดีไหม?”
“วันๆกินแล้วก็นอน คิดว่าดีไหมล่ะ?”
“ขี้เกียจมากกว่าเถอะ!”
“กลับไปวันไหนบอกด้วยนะ”
“น่าจะอีกสักเดือนสองเดือน พวกมันท้าทายกันเกินไปแล้ว พ่อแม่สั่งให้พี่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้จบก่อนจะสิ้นปีนี้ อ่อ…คนของแม่กำลังมาที่นี่นะ”
“หูตาไวจัง”
“เห็นว่ามีข่าวหลุดออกไปว่าเราอยู่ที่นี่”
“แม่หูตาเยอะมากหมือนเดิมเลยเนอะ แล้วกลับบ้านคราวนี้พี่จะเล่นให้เรียบเลยใช่ไหม?”
“ก็ในเมื่ออยู่กันดีๆไม่ได้ก็ตายไปข้าง”
วาดิมตาลุกวาวไปด้วยความหึงหวงเมื่อเห็นว่าเมียกำลังเต้นรำอยู่กับผู้ชายคนอื่น เขาปล่อยเธอคลาดสายตาแค่นิดเดียวเองทำไมถึงมีคนมาตัดหน้าแบบนี้ ขาก้าวเดินตรงไปทันทีก่อนจะมีคนมายืนขวางไม่ยอมให้ไป มันหยิบไวน์แล้วมองไปทางนั้นพร้อมกับถอนหายใจคล้ายว่าเหนื่อยหน่าย
“นั่นเพื่อนฉันเอง อย่ามีเรื่องกันเลยนะคุณวาดิม”
“ก่อนจะแตะต้องใครก็ควรจะรู้ว่านั่นคนของใคร!”
“ผมจะเคลียร์ให้เอง แต่อย่ามีเรื่องกันที่นี่เลย”
“กูไม่สน!!”
ภาคินรีบเดินเข้ามาด้วยความรวดเร็วแล้วจับแขนเพื่อนดึงเอาไว้ก่อนมันจะทำให้งานเลี้ยงนี้พังเพราะความหึงหวงเกินไป อีกแค่ไม่ถึงนาทีเพลงจะจบแล้ว เขามองหน้าแขกอีกคนที่เข้ามาห้ามให้ช่วยจับตัวลากออกจากตรงนี้ไปที่โต๊ะแทน ไม่อย่างนั้นหมาบ้าได้ออกอาละวาดเพราะหวงเมียเด็กแน่นอน
“ไอ้ภาคินปล่อยกู!!”
“ปล่อยตอนนี้งานพ่อกูได้พังดิ!”
“ไอ้เพื่อนชั่ว!!”
“มึงใจเย็นๆก่อน!!”
“แล้วมันกล้าดียังไงมาแตะต้องเมียกู!!”