ตอนที่ 2 ชีวิตใหม่

2168 Words
หลายปีผ่านไป เสียงเพลงดังขึ้นเบา ๆ ภายในห้องเช่าเล็กๆ ผนังห้องสีหวานมีโปสเตอร์รูปศิลปินขนาดใหญ่ติดอยู่ทุกมุมของห้องเห็นจะได้ โคมไฟหลากสีรูปวงกลมขนาดย่อมถูกห้องโยงรยางค์จนเต็มหัวเตียง หนังสือมากมายถูกวางเรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบบนชั้นของมันใกล้กับโต๊ะคอมพิวเตอร์ ผ้าม่านสีหวานถูกสายลมยามค่ำพัดไปมาปลิวไสว ในขณะที่ร่างบางระหงของปั้นหยา สาวน้อยที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยกำลังนอนคว่ำอยู่บนที่นอนหนานุ่ม ในมือถือหนังสือนิยายเล่มหนาเตอะส่งเสียงหัวเราะร่าอย่างมีความสุขหลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านมันจนจบในหนึ่งคืน "ทำอะไรอ่ะอิง คิ้วจะผูกกันเป็นโบว์อยู่แล้ว" หญิงสาววางหนังสือกับเข้าไปในชั้นก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวคนสนิทที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงโต๊ะคอมพิวเตอร์ อิงตะวันในวัยยี่สิบสองปีกำลังง่วนอยู่กับการเปิดหาเว็บไซต์อย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นกรองแสงเลนส์ใสจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่บนหน้าจออย่างมีความหวัง แต่แล้วก็ต้องทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดอาลัย “นี่แกยังหางานไม่ได้อีกเหรอ” ปั้นหยาเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าแห่งความผิดหวังของเพื่อนสนิท “อืม...เข้าไปหากี่ที่กี่ที่ก็ระบุว่าต้องมีประสบการณ์กันทั้งนั้น” นักศึกษาที่เพิ่งจบมาหมาด ๆแถมยังไม่ได้รับปริญญาอย่างเธอจึงไม่ใช่เป้าหมายขององค์กรเหล่านี้ “ฉันไม่เข้าใจแกจริงๆเลย พี่เขยก็ออกจะรวยล้นฟ้า มีบริษัทนำเข้าส่งออกเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ อีกทั้งโรงแรมรีสอร์ทอีกตั้งหลายแห่ง ไหนจะวิมานกลางหาวที่ออกจะใหญ่โตโออ่า แต่แกกลับออกมาหารค่าเช่าห้องกับฉันแล้วยังมาหางานทำในเว็บไซต์นี่อีก ถ้าฉันเป็นแกนะฉันจะกินนอนอยู่ที่บ้านเฉย ๆ ก็พอหรือไม่ก็ทำงานในบริษัทพี่เขยแกนั่นแหละ” ปั้นหยาร่ายยาวพลางก้มลงเปิดตู้เย็นมินิบาร์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะหยิบขวดนมขึ้นมากระดกเข้าปาก “ไม่เอาอ่ะ แค่นี้ฉันกับพี่ก็เป็นหนี้บุญคุณคุณภาคินเขามากอยู่แล้ว ฉันไม่อยากให้คนมองว่าพวกฉันเป็นปลิงคอยเกาะกินสมบัติของเขา” เหตุการณ์เมื่อครั้งก้าวเข้าไปในบ้านเศรษฐบดินทร์ใหม่ ๆ ยังตราตรึงอยู่ในโสตประสาทไม่จางหาย อิงตะวันรู้ดีว่าเธอกับพี่สาวไม่เป็นที่ยอมรับของคนในบ้านสักเท่าไหร่ เพราะอรกมลดันเป็นต้นเหตุที่ทำให้บ้านใหญ่ต้องสูญเสียคุณนาย อีกทั้งคุณหนูคนโตของบ้านยังถูกบิดาผลักไสให้ไปเรียนต่างประเทศตั้งหลายปีไม่รู้ว่าจะกลับมาวันไหน ด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบหางานทำให้ได้ก่อนที่คุณหนูบ้านใหญ่จะกลับมา จะได้ไม่ต้องอยู่ให้เขาเห็นหน้าจนเป็นที่รำคาญตา “จ้าแม่นางเอก แม่คุณทูนหัวของยัยปั้นหยา แสนดีไม่มีที่จะติ” ปั้นหยาประชดประชัน “เดือนหน้าฉันก็ต้องกลับบ้านแล้วเหมือนกัน แม่ฉันก็อยากให้กลับไปช่วยงานที่บริษัท ฉันคงต้องคืนห้องแล้วนะแก” “ไม่ได้นะ แล้วแบบนี้ฉันจะอยู่กับใครล่ะ” อิงตะวันโอดครวญ ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ทันทีก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวผ่านแว่นตาเลนส์ใส แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน “ก็กลับไปอยู่วิมานฉิมพลีของแกสิ” “แต่ว่าฉันไม่อยากกลับไปเลยนี่...” ยิ่งคิดถึงใบหน้าบึ้งตึงของเหล่าสาวใช้ในบ้านแล้วหญิงสาวก็รู้สึกขยาดขึ้นมาทันที เธอรู้ดีว่าบ้านเศรษฐบดินทร์ไม่มีใครชอบเธอสักคน ซ้ำยังคอยกลั่นแกล้งเธอสารพัดซึ่งเธอก็เลือกที่จะไม่ตอบโต้เพราะรู้ดีว่าอาศัยอยู่ในฐานะอะไร โชคดีที่ยังมีชดช้อยคนใช้เก่าแก่ในบ้านที่ดูจะน่าเคารพนับถือและมีเหตุผลมากเสียยิ่งกว่าใคร คอยปกป้องดูแลเธออยู่บ้าง หลังจากเรียนจบมัธยมปลายเธอจึงหาเหตุผลร้อยแปดเพื่อจะได้เรียนมหาวิทยาลัยไกล ๆ บ้าน พร้อมทั้งหาข้ออ้างอยู่หอพักเสียเลยจะได้ไม่ต้องกลับไปอาศัยในบ้าน อาศัยเงินที่ได้จากงานพาร์ทไทม์ส่งเสียตัวเองเรียนจนจบ ถึงแม้ว่าอรกมลผู้เป็นพี่สาวจะหยิบยื่นให้แต่เธอก็ปฏิเสธอยู่ร่ำไป อย่างน้อยก็ต่อเวลามาได้สี่ห้าปีเพราะอีกไม่นานเธอก็จะต้องกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเศรษฐบดินทร์อีกครั้ง ดังนั้นการหาทางออกที่ดีที่สุดคือการหางานทำในที่ไกล ๆ ให้ได้เร็วที่สุดนั่นเอง “ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำงานที่บริษัทฉันเป็นไง” ปั้นหยาเสนอ “เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเหมือนกันแฮะ” อิงตะวันยิ้มแป้นพลางนึกถึงโรงแรมขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ริมทะเลภูเก็ตของเพื่อนสาวเมื่อครั้งเคยไปเที่ยวสมัยเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ “แต่ว่ายังไง...ฉันก็ต้องกลับไปขอพี่อรก่อนอยู่ดีนั่นแหละ” หญิงสาวฟุบหน้าลงบนโต๊ะคอมทันทีเมื่อคิดถึงอรกมลผู้เป็นพี่สาว เพราะแอบรู้คำตอบอยู่บ้างแล้ว อรกมลต้องไม่ยอมให้เธอไปแน่ ๆ ครั้งก่อนตอนขอแยกตัวมาอยู่หอพักก็แทบจะได้เห็นเลือดเห็นเนื้อ คราวนี้จะขอไปทำงานไกลหูไกลตาถึงภูเก็ตไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าคงอดอีกแน่นอน “ไม่ได้! หัวเด็ดตีนขาดยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้อิงไปแน่ ๆ ” คำตอบเป็นไปตามที่หญิงสาวคิดไม่มีผิด หลังจากที่เริ่มเก็บข้าวของกลับมาบ้านบางส่วนเพราะจะคืนห้องในอีกไม่นาน อิงตะวันจึงตัดสินพูดเรื่องนี้กับพี่สาวอย่างจริงจัง จนกระทั่งได้คำตอบแบบที่เห็น “โธ่ ! พี่อร อิงแค่ไปทำงานนะคะ วันหยุดอิงก็ลากลับมาหาพี่อรได้อยู่แล้ว ให้อิงไปเถอะนะคะ” “คราวก่อนตอนขอไปอยู่หอพักอิงก็ใช้มุกนี้แหละ แล้วเป็นไงล่ะ ปิดเทอมก็ไม่โผล่หน้ากลับมาแต่ดันไปเจออิงทำงานพาร์ทไทม์อยู่ร้านกาแฟนี่อ่านะ” อรกมลคัดค้านหัวชนฝา ไม่ยอมเสียรู้น้องสาวอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ๆ “อะไรกันคุณ หนูอิงเขาโตแล้วนะ ให้เธอออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกบ้าน ผมก็ไม่เห็นว่าจะเสียหายอะไรนะคุณ” ภาคินที่เพิ่งกลับจากงานเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองจึงเสนอขึ้นมาก “ขอบคุณค่ะคุณอาที่เข้าใจอิง” อิงตะวันยกยิ้มเมื่อเห็นประมุขของบ้านเริ่มเข้าข้างเธอ ถึงแม้ตามยศศักดิ์ภาคินจะเป็นพี่เขยของเธอแต่ด้วยอายุอานามที่มากกว่ากันอยู่หลายเท่าคงไม่มีสรรพนามไหนที่ดีไปกว่า อา อีกแล้ว “ไม่ได้นะคะคุณ เรียนจบแล้วก็ต้องมาช่วยงานที่บริษัทคุณสิคะ จะให้ไปทำงานที่อื่นได้ยังไง” อรกมลฉุนกึก เธอเองก็อยากช่วยบางเบาภาระสามีใจแทบขาด แต่ติดอยู่ที่ความรู้เท่าเปลือกหอยจะเอาปัญญาไปทำอะไรได้นอกเสียจากอยู่บ้านช่วยชดช้อยเตรียมสำรับอาหารคาวหวานคอยต้อนรับสามีเท่านั้น เมื่อเห็นว่าส่งน้องสาวที่พอจะเป็นงานเป็นการ เรียนจบจะได้ไปช่วยงานที่บริษัทของภาคิน แต่น้องสาวหัวดื้อดันไม่ยอมตกลงเสียอีก “เออจริงด้วยสิ...ว่าแต่เรียนจบอะไรมาล่ะ” ภาคินเอ่ยถามในขณะที่นั่งลงร่วมวงสนทนาพร้อมกับดวงใจที่วิ่งหน้าตาตื่นเอาน้ำมาเสิร์ฟให้คุณผู้ชายของบ้าน “จบการโรงแรมค่ะ แต่ว่ายังไม่ได้รับปริญญา มีประสบการณ์แค่ตอนฝึกงานเท่านั้นเองค่ะ” อิงตะวันพยายามงัดข้อเสียออกมาใช้เพื่อให้ภาคินเปลี่ยนใจ “ดีเลย โรงแรมสาขาที่เพิ่งเปิดใหม่ที่เชียงรายน่ะยังขาดคนอีกหลายตำแหน่งลองไปดูมั้ย อาทิตย์หน้าตาภูมิจะกลับมาบ้านเดี๋ยวฉันจะฝากหนูให้ลองไปช่วยพี่เค้าทำงานโรงแรมที่นั่นดู” “คุณภูมิกลับมาแล้วเหรอคะ” อรกมลเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “กลับมาได้สักเดือนแล้วล่ะพอกลับมาถึงไทยก็ไปเชียงรายเลย ที่นั่นขาดผู้จัดการพอดีเลยส่งเจ้าภูมิไปช่วย เห็นว่าอาทิตย์หน้าจะกลับมาบ้านจะพาแฟนมาทำความรู้จักน่ะ” “ดีเลยค่ะ เดี๋ยวอรจะทำกับข้าวอร่อย ๆ ไว้รอ” “เอาเป็นว่าหนูเก็บเรื่องจะไปทำงานที่ภูเก็ตไว้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะคุยกับตาภูมิให้” ภาคินสรุปแล้วจึงหันไปจุมพิตหน้าผากกลมกลึงของภรรยาก่อนจะขอตัวขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าจะได้ลงมาทานข้าวเย็นด้วยกัน “พี่อร หนูไม่อยากไปเลยอ่ะ พี่ก็รู้ว่าคุณภูมิเกลียดพวกเรายิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนเสียอีก” ลับตาประมุขของบ้าน อิงตะวันถึงกับร้องโอดครวญขึ้นมาทันที มือเล็ก ๆ เกาะแขนอรกมลไว้แน่นออดเหมือนตอนเป็นเด็กไม่มีผิด “ก็ตอนนั้นเขายังเด็กความคิดความอ่านเขาก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ แต่ตอนนี้ผ่านมาสิบกว่าปีเขาก็คงโตเป็นหนุ่มแล้ว เขาคงจะลืมเรื่องนั้นไปแล้วก็ได้ หัดมองโลกในแง่ดีบ้างสิอิง” “ก็ไม่แน่นะคะ บางทีเขาอาจะแค้นฝังใจแล้วก็กลับมาแก้แค้นก็ได้” อิงตะวันเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง “ดูละครมากไปหรือเปล่า คิดเป็นตุเป็นตะ” “หนูไม่ได้ดูจากละครหนูอ่านจากนิยายต่างหาก” อิงตะวันตอบตามความจริง เพราะมีรูมเมทอย่างปั้นหยาที่วัน ๆ เอาแต่อ่านหนังสือนิยายที่สต๊อกเอาไว้จนเต็มห้อง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาอ่านบ้างจนติดงอมแงมไม่ต่างกันทั้งสองคน “แต่พี่ว่าถึกและบึนอย่างเรานี่คงไม่ยอมให้เขารังแกหรอกจริงมั้ย” อรกมลขยี้ผมที่ถูกมัดเป็นทรงดังโงะของน้องสาวด้วยความเอ็นดู “โอ้ยพี่ ผมหนูเสียทรงหมดแล้ว” เจ้าของผมสีชาทำแก้มป่องงอนพี่สาว พลางใช้มือจัดผมให้เข้าที่เข้าทาง “คอยดูนะพี่ ถ้าอีตานั่นกลับมารังแกหนูเหมือนตอนเด็กล่ะก็ หนูจะต่อยมันให้ฟันร่วงเลย” แววตาสาวน้อยส่อแววมุ่งมั่นหากจะพูดถึงความเจ็บแค้นเธอเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน หลายครั้งในวัยเด็กที่ถูกภูมิพัฒน์รวมหัวกับคนรับใช้คอยกลั่นแกล้ง ทั้งฉีกสมุดการบ้าน แอบเอาจิ้งจกใส่ในจานข้าวต้มตอนเช้า หนักสุดก็หลอกผีจนหญิงสาวตกจากระเบียงห้องต้องใส่เฝือกที่ขาอยู่หลายแรมเดือน วันเวลาผ่านไปจนเธอมั่นใจว่าเธอแข็งแรงพอที่จะไม่ยอมโดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียว ต่อให้ภูมิพัฒน์จะโตเป็นหนุ่มแล้วก็ตาม เสียงนาฬิกาปลุกตรงหัวเตียงดังขึ้นก่อนที่มือเรียวจะเลื่อนอกจากผ้าห่มผืนหนาปิดมันลงอย่างไม่ยี่หระ จากนั้นหญิงสาวจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงนอนหลับไปอีกครั้ง “ตื่นได้แล้ว ยัยขี้เซา” อรกมลเข้ามากระชากผ้าคลุมออกพร้อมกับออกแรงดึงแขนน้องสาวตัวดีให้ลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าจะได้ลงไปช่วยเตรียมสำรับคาวหวานต้อนรับคุณหนูของบ้าน ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านอรกมลก็เข้ามาปลุกเสียทุกเช้าเพื่อทำบุญตักบาตรให้กับคุณนายของบ้านที่เสียไปตั้งสิบกว่าปีที่แล้ว วันนี้ก็เช่นกันเธอวางแผนเอาไว้ว่าถ้าหากใส่บาตรเสร็จแล้วก็จะเข้าครัวไปช่วยทำอาหารทันที “ขออีกห้านาทีได้มั้ยพี่อร” คนขี้เซาต่อเวลาพร้อมกับพลิกตัวหนีไปอีกทาง “ไม่ได้! ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ หรือจะให้พี่ลากอิงลงไปอาบน้ำ” “โห พี่อรใจร้ายจัง อิงไม่เข้าใจเลยว่ากะอีแค่คุณหนูของป้าชดช้อยกลับมาบ้านทำไมต้องเตรียมการต้อนรับใหญ่โตอย่างกับรัฐมนตรีด้วย” “ตายจริง อิงอย่าพูดแบบนี้อีกนะถ้าคุณภาคินรู้เข้าเขาจะคิดยังไง เรามาอาศัยอยู่บ้านเขา อะไรที่เขาว่าดีอะไรที่เขาว่าต้องทำเราก็มีหน้าที่ทำ ไป ๆ อาบน้ำได้แล้ว” อรกมลดุน้องสาว “พี่ลงไปรอข้างล่างนะ รีบ ๆ แต่งตัวเข้าล่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD