“พ่อ!” ภูมิพัฒน์ตะโกนเรียกบิดาเสียงดังลั่นด้วยความตกใจไม่ต่างกับมารดา
“คุณพาลูกมาทำไม กลับไปซะ!” ภาคินเอ่ยลอดไรฟันในขณะที่ก้มหยิบผ้าขาวม้าข้างกายมาพันท่อนล่างเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่
“ถ้าฉันไม่พาตาภูมิมาด้วย ลูกก็คงไม่เห็นสิ่งชั่ว ๆ ที่พ่อมันทำหรอก” ก้อนสะอื้นที่รื้นอยู่ตรงคอถูกกลืนหายไปทันที สายตาคมกริบละจากใบหน้าสามีก่อนจะตรงเข้าไปจิกผมของหญิงสาวอีกคนที่นั่งนิ่งตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“แกนี่เองเหรอ ไม่มีปัญหาหาผัวเองรึไง ถึงได้มายุ่งกับสามีชาวบ้านเขาแบบนี้” ตรีเนตรดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ ริมฝีปากสีแดงเพลิงเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อพยายามข่มน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา ตลอดหลายปีที่อยู่ด้วยกัน เธอเป็นภรรยาที่ดีพร้อมทุกอย่าง ทั้งฐานะ หน้าตาทางสังคม ไม่คิดไม่ฝันว่าผู้เป็นสามีจะทรยศหักหลังเธออย่างเจ็บปวดถึงขนาดนี้
“อรขอโทษค่ะ อรไม่ได้ตั้งใจ” ร่างบางพนมมือขึ้นไหว้ตรีเนตรปลก ๆ น้ำตาไหลนองแก้มทั้งสองข้างไม่ต่างกัน
อรกมลในวัยยี่สิบหก แม่ค้าขายส้มตำในแถบชานเมืองเป็นที่รู้จักกันดีของชาวบ้านในละแวกนี้ถึงฝีมือตำส้มตำที่แสนจะอร่อยเด็ด แต่ไปทำอีท่าไหนจนได้เป็นเมียเก็บเงียบ ๆ ของภาคินนักธุรกิจหนุ่มใหญ่นี่ไม่มีใครรู้ จนกิจการร้านส้มตำเล็ก ๆ ต้องปิดตัวลงเพราะหญิงสาวหันมาเอาดีด้านร่างกาย นอนอยู่บ้านรอให้สามีแค่ทางพฤตินัยมาหาพร้อมกับเงินตรามากมายหิ้วติดมือมาด้วย
เป็นเพราะความยากจนข้นแค้นไหนจะต้องดูแลน้องสาวอีกคน จึงไม่มีทางเลือกที่สวยหรูสำหรับเธอเท่ากับการยอมเป็นเป็นเก็บของนักธุรกิจหนุ่มพันล้านแบบภาคินอีกแล้ว
“ไม่ได้ตั้งใจเหรอ นอนกกสามีชาวบ้านอยู่แบบนี้ยังมีหน้ามาบอกไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นเหรอ หน้าด้าน!” ตรีเนตรตวาดเสียงกร้าวรู้สึกผิดหวังกับชีวิตคู่ที่มันขาดสะบั้นลงเพียงเพราะความมักง่ายและเห็นแก่ตัวของสามี
ภาคินเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อสองเดือนก่อน หลังเลิกงานจากบริษัทเขาก็มักจะหาเหตุผลร้อยแปดเพื่อหลบหน้าหลบตาผู้เป็นภรรยามาโดยตลอด จนพักหลังมานี้ตรีเนตรเริ่มเอะใจเพราะเสียงซุบซิบนินทา ประกอบกับหน้าตาทางสังคม เธอจึงตัดสินใจจ้างวานนักสืบมือดีคอยติดตามผู้เป็นสามี จนกระทั่งวันนี้ความจริงทุกอย่างกระจ่างในที่สุด เป็นเพราะเขาไม่ได้แต่งงานกับเธอด้วยความรักอยู่แล้วดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะกล้านอกใจเธอแบบนี้
“คุณผมว่าใจเย็น ๆ ก่อนนะ พาลูกกลับไปรอที่บ้านเดี๋ยวผมจะตามไป” ภาคินพยายามปลอบประโลมผู้เป็นภรรยาเพราะนึกสงสารอรกมลที่โดนดึงทึ้งจนผมเผ้าหลุดติดมือไปเป็นกระจุก
“ฉันไม่กลับจนกว่าจะได้จัดการกับนังผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้!” ตรีเนตรเงื้อมมือขึ้นจนสุดเพื่อหมายจะฟาดลงไปบนใบหน้าหวานของอรกมลหญิงสาวชั้นต่ำที่บังอาจมาแย่งสามีอันเป็นที่รักของเธอ
“อย่า! อย่าทำพี่หนู” เด็กน้อยยังคงถือดินสอสีไว้ในมือปรี่เข้ามากอดอรกมลผู้เป็นพี่สาวเอาไว้อย่างหวงแหน มือน้อย ๆ ยกขึ้นพนมมือไหว้หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไร้เดียงสา “อย่าทำพี่หนูเลยนะคะ หนูขอร้อง”
“อิง ออกไปทำการบ้านให้เสร็จซะ เข้ามาทำไม” อรกมลปรามน้องสาวเสียงแผ่วเบา ถึงแม้ว่าการขอร้องของน้องสาวจะทำให้ตรีเนตรยอมละมืออออกจากเธอก็ตาม แต่การที่จะให้อิงตะวัน น้องสาวคนเดียวมาเห็นภาพตัวเองในสภาพนี้มันน่าอับอายมากเสียเหลือเกิน
“ดูไว้นะนังหนู ว่าพี่สาวแกมันหน้าด้านหน้าทนขนาดไหนที่แย่งสามีของฉัน เข้ามาทำลายครอบครัวของฉัน”
“คุณจะไปบอกเด็กทำไม เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนะ” ภาคินเอ่ยห้าม สายตามองไปที่บุตรชายราวกับรู้สึกผิด
“อิง ออกไปก่อน” อรกมลออกคำสั่งอีกครั้งก่อนที่เด็กน้อยจะยอมเดินออกมาจากห้องแต่โดยดี
“พี่อย่าให้คุณแม่ทำร้ายพี่สาวหนูนะคะ” อิงตะวันเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงของภูมิพัฒน์ที่ยืนอยู่หน้าห้องอย่างเว้าวอน มือเล็ก ๆ เอื้อมไปจับแขนของคนตรงหน้าไว้เพื่อร้องขอความเห็นใจ
“อย่ามาถูกตัวฉัน ยัยสกปรก น่าขยะแขยง” ภูมิพัฒน์รีบกระชากมือเล็ก ๆ นั่นออกด้วยความรังเกียจ จนเด็กน้อยล้มลงก้นกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง สายตาเขามองไปราวกับอิงตะวันเป็นตัวเชื้อโรคในขณะที่เหตุการณ์ภายในห้องก็กำลังตึงเครียดไม่ต่างกัน
“คุณอธิบายฉันมาสิ ว่าแอบมากินกันนานแค่ไหนแล้ว นี่ถ้าฉันไม่เอะใจแล้วจ้างนักสืบตามรอยคุณมาก็คงไม่รู้หรอกว่าคุณมานอนกกกันอยู่ที่นี่” ตรีเนตรตวาดเสียงดังลั่น
“ผมบอกให้คุณพาลูกกลับไปก่อนไง” ภาคินพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบเผื่อว่าผู้เป็นภรรยาจะใจเย็นลงบ้างแต่ดูท่าว่าจะไร้ผล
ลูกผู้หญิงร้อยทั้งร้อยมาเห็นแบบนี้เข้าใครบ้างล่ะจะทำใจไหว
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะเอาเลือดหัวนังหน้าด้านนี่ออก” ร่างบางสะพรั่งของสาววัยสี่สิบปลายๆเข้าไปกระชากจิกผมของอรกมลอีกครั้งก่อนจะฟาดมือลงไปบนใบหน้านั้นอย่างแรงถึงสองครั้ง จนมีเลือดไหลซิบออกมาตรงมุมปาก “แกจะต้องรับรู้ความเจ็บปวดที่ฉันได้รับ”
ตรีเนตรง้างมือจนสุดอีกครั้งเพื่อจะฟาดลงไปบนใบหน้าอรกมลให้หนำใจแต่ก็ต้องชะงักงันเมื่อผู้เป็นสามีทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยอย่างภาคินเข้ามาจับแขนของเธอแล้วออกแรงบีบมันจนสุดแรงด้วยความโมโห
“พอสักทีเถอะ ถึงคุณจะไม่มาหาผมในวันนี้ ผมก็จะพาคุณอรเขาไปแนะนำตัวอยู่แล้ว อย่าลืมสิว่าคุณกับผมเราแต่งงานกันเพราะธุรกิจเท่านั้น เราไม่ได้รักกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ! ”
"นี่หมายความว่าคุณเลือกมันงั้นเหรอ"
"ใช่ ผมจะพาอรเข้าไปอยู่ในบ้าน ในฐานะเมียอีกคน"
“ไม่! คุณมันเห็นแก่ตัว เคยถามความรู้สึกฉันสักคำมั้ย ว่าฉันอยากจะอยู่ร่วมชายคากับมันมั้ย”
“ในเมื่อคุณไม่ยอม ถ้าอย่างนั้น เราก็คงต้องหย่ากันแล้วล่ะ”
“กรี๊ด! ฉันไม่หย่า ฉันไม่ยอมให้นังผู้หญิงคนนี้เข้าไปแทนที่ฉันเด็ดขาด” เสียงกรีดร้องของตรีเนตรทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ ต่างพากันออกมามุงดูเหตุการณ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คุณแม่ ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ” ภูมิพัฒน์เข้าไปกอดมารดาเอาไว้
“ปล่อยแม่ ตาภูมิ ยังไงวันนี้ก็ต้องตายกันไปข้าง...”
เพี้ยะ!
ความอดทนขาดสะบั้นลงทันทีเมื่อเห็นผู้เป็นภรรยาไม่ยอมอ่อนลงง่าย ๆ มือหนาเงื้อจนสุดกก่อนจะฟาดลงไปบนใบหน้าหวานของตรีเนตรเข้าเต็มแรง จนร่างบางล้มลงไปนั่งกับพื้นตามแรงเหวี่ยงโดยมีร่างของบุตรชายล้มคะมำตามไปไปด้วยเช่นกัน
“คุณกล้าทำกับฉันถึงขนาดนี้เลยเหรอ” ตรีเนตรตัดพ้อ ยกมือขึ้นปาดเลือดที่ไหลออกมาตรงมุมปากออกอย่างไม่ใส่ใจ
“คุณพ่อใจร้าย ฮือ ๆ ” ภูมิพัฒน์กอดมารดาไว้แน่นร้องให้โฮ ตั้งแต่เกิดมานี่คงเป็นครั้งแรกกระมังที่ผู้เป็นพ่อออกแรงทำร้ายร่างกายมารดาได้ถึงขนาดนี้
“ผมทำมากกว่านี้อีกแน่ ถ้าคุณยังไม่พาตาภูมิกลับบ้านไปซะ” บิดาลั่นวาจาชี้หน้าไล่ราวกับหมูกับหมา
“เรากลับกันเถอะครับคุณแม่” ภูมิพัฒน์ปาดน้ำตาแล้วประคองร่างมารดาให้ยืนขึ้น
ตรีเนตรจำใจต้องเดินออกจากบ้านหลังโซม ๆ หลังนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะโดนผู้เป็นสามีทำร้ายร่างกายต่อหน้าเมียน้อยซะขนาดนั้น มันน่าอับอายจนทนอยู่สู้หน้าไม่ได้จริง ๆ
“แม่ขอโทษนะตาภูมิ ที่พาแกมาเจออะไรแบบนี้” ตรีเนตรสวมกอดบุตรชายด้วยความรัก ก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ
“คอยดูเหอะ ฉันจะเผาบ้านเก่าหลังนี้ทิ้ง ให้มันตายไปทั้งพี่ทั้งน้องเลยคอยดู” ดวงตาวาววับด้วยความโกรธแค้นจ้องมองไปยังบ้านหลังเก่านั่นอีกครั้ง ก่อนที่รถจะแล่นออกมาสู่ถนนใหญ่ด้วยความเร็ว ถึงแม้ในยามดึกเพียงนี้รถราที่สัญจรอยู่บนถนนจะดูบางตาลงแต่ความเร็วในระดับนี้มันกลับทำให้บุตรชายที่นั่งมาด้วยถึงกับหน้าถอดสี