ตอนที่ 3 งานของฉัน

1107 Words
เขาส่ายหน้า “เราเป็นแฟนกันนะ พี่ไม่ได้เลี้ยงตรีทุกวันเสียหน่อยจริงไหม” “ค่ะ” รมิตาตักสเต็กปลาแซลม่อนเข้าปากแล้วจ้องมองเขา อมยิ้มบางๆ ด้วยความสุข เธอทานจนอิ่มแล้วรวบช้อนวางไว้ เขาช้อนสายตามอง “อิ่มแล้วเหรอตรี” “อิ่มแล้วค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นทานเสร็จไปดูหนังกันต่อไหม” เธอพยักหน้าช้าๆ แทนคำตอบ คนชวนยกยิ้มด้วยความดีใจ เขาเดินมาจ่ายเงินเรียบร้อย สองร่างเดินเคียงกันไปยังรถยนต์ เพื่อเดินทางไปยังโรงหนังต่อ คราวนี้รมิตาอาสาออกค่าตั๋วให้ เขาจำใจต้องยอมรับเพราะไม่อยากให้คนรักเสียน้ำใจ ปวรปรัชญ์เหลือบมองคนรัก หลังจากหนังเล่นไปได้สักพัก เขาเห็นแสงสว่างวาบในกระเป๋าเจ้าตัว แต่ไม่อยากเอ่ยปาก เพราะเกรงว่าคราวนี้ เบอร์ที่ปรากฎอาจชักนำให้รมิตาหายจากเขาไปก็ได้ มือหนาเอื้อมจับศรีษะให้เอนอิงพิงไหล่ แล้วทอดมองบนจอด้านหน้าด้วยกัน หนังจบลงสองร่างเดินเคียงกันออกมา รมิตารู้สึกถึงการสั่นในกระเป๋าเลยรีบหยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นเบอร์หน้าจอจึงกดรับสาย “ว่าไงคะแม่” เธอกรอกเสียง “ตรีน้องอาการไม่ดีเลย!” “แม่อยู่ที่ไหนคะ!” หญิงสาวย้อนถามเสียงสั่น “แม่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว หมอพาน้องเข้าห้องไอซียูไป แม่ไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง ตรีอยู่ไหน มาหาแม่หน่อยได้ไหม!” “ตรีจะรีบไปนะแม่!” เธอบอกแล้ววางสาย ก่อนหันมองแฟนตนเอง “พี่ปรัชคะ ตรีมีธุระด่วนพี่ปรัชกลับเองได้ไหมคะ” ชายหนุ่มนิ่งแล้วฝืนยิ้ม “ได้ครับ ไปทำธุระเถอะครับ” ร่างบางสาวเท้าไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้อีกคนมองตามแผ่นหลังแววตาหม่น ความรักของเขา ทำไมมันช่างยากเย็นเหลือเกินนะ ทำไมกัน รมิตายืนนิ่งเหมือนถูกหินหล่นทับร่าง ยิ่งฟังหมออธิบายถึงอาการน้องชาย ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง ทำไมกัน คิดว่าอย่างน้อยก็คงมีปาฏิหารย์ แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย “ตอนนี้คนไข้เกล็ดเลือดต่ำมากนะครับ หมอคงให้กลับบ้านไม่ได้ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อได้ง่าย” หมอเจ้าของไข้พยายามอธิบาย “แล้ว... ต้องทำยังไงคะหมอ” “หมอคงต้องให้เลือดเพื่อเพิ่มเกล็ดเลือดครับ” “มีทางอื่นอีกไหมคะ ที่จะทำให้น้องฉันอาการดีขึ้น!” รมิตาร้องถามเสียงสั่นน้ำตาคลอ หมอส่ายหน้า “นอกจากการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ คงไม่มีทางอื่นแล้วครับ” ริมฝีปากบางสั่นระริก จ้องมองหมอแววตาเจ็บปวด “ถ้าเกิดไม่มีไขกระดูกที่เข้ากันได้ น้องของฉันจะอยู่ได้อีกนานไหมคะ” คนเป็นแม่จับแขนลูกแล้วบีบ เหมือนหัวใจกำลังถูกกรีดลงอย่างช้าๆ หมอสีหน้าเครียด ต่อให้ไม่อยากบอกแค่ไหน แต่เขาจำเป็นต้องอธิบาย เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อาจเกิดปัญหาในภายหลังได้ “ประมานสามเดือนครับ” รสรินทรุดกายลงกองกับพื้นปล่อยโฮออกมาด้วยความปวดร้าว เธอเข้าโอบกอดมารดาไว้แน่น สะอื้นไห้ด้วยความรู้สึกไม่แตกต่างกัน หมอเจ้าของไข้มองภาพนั้นแล้วระบายลมหายใจ “อย่าเพิ่งเป็นกังวลไปนะครับ ตอนนี้หมอยังสามารถประคองอาการของคุณรณชัยไว้ได้ครับ” สองร่างลุกยืนแล้วยกมือไหว้ “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ” “อย่าเพิ่งเครียด อย่าเพิ่งท้อนะครับ หมอจะช่วยหาไขกระดูกที่เข้ากับน้องชายคุณได้อีกแรง” หญิงสาวค่อยๆ ผ่อนคลาย เมื่อหมอรับปาก “ขอบคุณค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ จะไปเช็ครายชื่อคนที่บริจาคไขกระดูกครับ” “ค่ะ” เสียงฝีเท้าดังเข้ามา พยาบาลมาหยุดยืนตรงหน้าพร้อมยื่นบิลค่ารักษา รมิตามองจำนวนเงินในนั้นแล้วนิ่งงัน ขนาดตอนนี้น้องรักษาแค่บรรเทาอาการ ถ้าเพิ่มให้เลือดนอนห้องปลอดเชื้อ เธอคงต้องหาเงินมากขึ้นอีก รสรินมองบิลค่ารักษาในมือบุตรสาว มองใบหน้าลูกแล้วใช้มือเหี่ยวย่นโอบอุ้มไว้ ก่อนโถมกายกอดด้วยความสงสาร ถ้าไม่มีเธอและลูกชาย ลูกสาวคงมีความสุขไปแล้ว เธอไม่ควรอยู่เป็นภาระของลูกเลย “แม่ขอโทษนะตรี แม่ขอโทษ..” เธอพร่ำบอกบุตรสาวทั้งน้ำตา คนเป็นลูกกอดตอบ แล้วฝืนยิ้มออกมา ความจริงแล้วเธอเต็มใจทำมัน แม้เหนื่อยแทบขาดใจก็ตาม ขอให้แม่และน้องได้มีความสุข ยังใช้เวลาอยู่บนโลกใบนี้กับเธอแม้อีกสักวันก็ยังดี “แม่อย่าพูดแบบนี้ ตรีเต็มใจแม่ ตรีรักแม่กับน้องนะคะ” ยิ่งได้ยิน คนเป็นแม่ยิ่งเจ็บร้าว กอดลูกแนบแน่นเพราะรู้ว่าตนเองไม่มีทางเลือก ให้ไปหาเงินช่วยลูกสาวก็คงทำไม่ได้ เพราะต้องดูแลลูกชายที่ป่วย ปล่อยให้ตรีต้องทำงานหนักคนเดียว “ตรี... แม่ขอบใจตรีมากนะ ที่ดูแลแม่กับน้อง” “แม่อย่าพูดอีกเลย เราต้องช่วยกันดูแลชัยนะแม่” “แม่รู้แล้วลูก” “ถ้างั้นแม่อยู่โรงพยาบาลก่อนนะ ตรีมีธุระต้องไปคุยกับเจ๊เชอรี่ก่อน” “ได้ลูก” รมิตาสาวเท้าออกจากหน้าห้องไอซียู แล้วสตาร์ทรถเคลื่อนไปยังผับที่ตนเองทำงาน เธอคงต้องขอเพิ่มเวลาทำงาน และอาจต้องยอมเปลืองตัวเพื่อเงิน ร่างบางมองตนเองในกระจก ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยโทนสีพีช เธอเหลือบมองชุดว่ายน้ำทูพีชสีแดงสด หยิบมันมาสวมใส่ แล้วหยิบกางเกงยีนส์ขาสั้นมาสวมทับอีกชั้น รมิตารู้ดีว่าหากต้องการลูกค้าขาประจำ ตนต้องเปลืองตัวแค่ไหน แต่ที่ทำเพราะจำใจ กล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้ในอก แล้วฝืนยิ้มออกมา รมิตาเดินขึ้นเวที ออกลีลาโยกย้ายยั่วเย้า ด้วยการส่ายสะโพกกลมมนน่ามอง จนทำให้ลูกค้าชายตรงเข้ามายืนชิดขอบเวที จ้องมองทรวงอกอวบที่กำลังกระเพื่อมไหวเพราะการเต้น เอวคอดกิ่วส่ายไปมาตามจังหวะ มือถือถูกหยิบขึ้นมาถ่ายช้อนขึ้นไป เพื่อหวังจะได้มองของสวยของงาม ทว่าเธอไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากยินยอมให้ลูกค้าหื่นกระหายเหล่านั้นทำตามอำเภอใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD