ตอนที่ 1 งานนของฉัน
แสงไฟ เสียงดนตรี เร่งเร้าให้หนุ่มสาวออกมาวาดลวดลาย บนเวทีแสงหลายสีส่องสว่างวาบ ร่างอรชรในชุดซีทรูสีดำ กางเกงยีนส์ขาสั้นอวดเรียวขาและทรวดทรง ผมดัดหยิกเป็นลอน ใบหน้าแต่งแต้มด้วยโทนสีแดงสด ก้าวขึ้นบนเวที แล้วออกเสต็ปเพื่อเรียกยอดคนดู หนุ่มน้อยใหญ่จ้องมองแล้วยกมือถือถ่ายด้วยความใคร่รู้ บางคนกลืนน้ำลายลงคอ เลือดในกายสูบฉีดขึ้นมาฉับพลัน เมื่อเห็นเรือนร่างแทบไร้อาภรณ์ปกปิดโยกเย้ายั่วยวนต่อหน้า
หน้าเวทีถูกผู้คนมากหน้าหลายตาจับจ้อง ทว่าดาวโคโยตี้อย่างรมิตา ยังคงส่ายเอว โยกตามจังหวะ ด้วยใบหน้าสวยคม ผิวกายขาวนวลเนียน ดาวตาเรียวสวย ริมฝีปากบาง คิ้วโก่ง จมูกโด่ง โดยรวมแล้วเธอมีเค้าโครงใบหน้าออกไปทางแขกเล็กน้อย ยิ่งส่งให้ดูคม และน่ามอง ส่วนสูงรูปร่างผสานกันอย่างลงตัว ในวันที่ยอมรับทำงานนี้ เพียงแค่เวลาหนึ่งเดือน รมิตา กลายเป็นดาวเด่นอย่างรวดเร็ว
“น้องตรีนี่ดอกไม้ครับ” แขกของผับถือดอกไม้สีแดงมายื่นให้ นั้นหมายความว่าดอกไม้นี่จะทำให้เธอได้เงินถึงหนึ่งพันบาทต่อดอก
ร่างบางย่อกายลงเพื่อรับ แต่มือจับถูกจับไว้แล้วกระชากร่างจนแทบร่วง
“จะทำอะไรคะ!” รมิตา ร้องลั่น พยายามขืนตัวเองสุดกำลัง
“พี่ขอชื่นใจหน่อยได้ไหม พี่ตามน้องตรีมานานไม่เคยได้อยู่ใกล้เลย!”
รมิตาขัดขืน “ปล่อยฉันนะคะ”
“ผมขอร้องล่ะครับ คุยกับผมหน่อยนะ ผมมาดูคุณทุกวันเลย!” เขายังคงอ้อนวอน
ริมฝีปากบางเม้มแน่น ก่อนการ์ดจะเข้ามา แล้วผลักดันชายคนนั้นออกมา รมิตาลุกยืนเช่นเดิมแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันเป็นแบบนี้ เธอชินกับมันเสียแล้ว
ตีสอง...
หญิงสาวก้าวออกจากห้องแต่งตัว เพื่อเดินทางกลับบ้าน เสียงข้อความดังเลยหยิบขึ้นมาอ่าน ก่อนรอยยิ้มจะปรากฎ
“ฝันดีนะครับตรี ไว้พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะครับ”
พี่ปรัชทำให้เธอรู้สึกว่ายังมีคนคอยอยู่เคียงข้าง ไม่โดดเดี่ยว โลกทั้งใบเคยเป็นสีเทามันค่อยๆ สว่าง เธอไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าวันหนึ่งต้องเลิกรากับเขาไปแล้ว จะหยัดยืนอยู่ได้หรือเปล่า ทว่าตอนนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องให้เธอครุ่นคิดมากมาย และพี่ปรัชก็ยังคงอยู่เคียงข้างกันไม่ไปไหน เท่านี้ก็ดีแล้ว
คนสวยเปิดประตูขึ้นนั่งแล้วขับเคลื่อนรถไปยังบ้าน รั้วถูกเปิดเธอจอดรถแล้วเดินตรงไปยังห้องน้องชาย เห็นแม่กำลังดูแลอยู่ เธอทรุดกายข้างเตียง
“วันนี้ชัยเป็นยังไงบ้างคะแม่” เธอถามเสียงแผ่ว
“ดีขึ้นจ้ะลูก ชัยกินข้าวได้เยอะขึ้น”
เธอทอดมองน้องด้วยความสงสาร กรรมเวรอะไรถึงทำให้น้องต้องเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวด้วย อยากช่วยเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้เลย เพราะไขกระดูกเธอไม่สามารถให้น้องได้ มือบางยกลูบศรีษะแผ่วเบา แล้วยิ้มบางๆ
“พี่ตรี” เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียก
“นอนเถอะจ้ะ พี่แค่มาดูชัยเท่านั้นเอง”
“พี่เพิ่งกลับมาจากทำงานเหรอ”
เธอยิ้มกว้าง “จ้ะ”
“พี่ทำงานหนักเกินไปแล้วนะครับ พี่ไม่ต้องทำเพื่อผมขนาดนั้นก็ได้”
คนเป็นแม่ไม่อาจทนรับฟังเดินหนีออกจากห้อง แล้วแอบร้องไห้ รมิตารู้ดีว่าแม่รู้สึกเช่นไร ตัวเธอเองก็ไม่แตกต่างกัน น้องมีความฝัน และอยากทำอะไรหลายอย่าง แต่กลับต้องมานอนอยู่บนเตียงเช่นนี้
“พี่ชอบทำงานนี้น่ะชัย” เธอตอบแล้วฝืนยิ้ม แม้ใจมันสวนทาง งานที่ถูกคนอื่นมองอย่างไรศักดิ์ศรี หลายต่อหลายครั้งอยากเลิก แต่ก็ไม่อาจทำได้ ที่ยอมถูกคนอื่นดูถูกก็เพื่อเงิน
“ครับผมรู้ พี่บอกผมหลายครั้งแล้ว แต่ผมไม่อยากให้พี่เหนื่อย”
มือน้องถูกดึงมากุมไว้
“พี่ไม่เหนื่อยหรอกนะชัย ถ้างานที่พี่ทำมันเป็นงานที่พี่รัก พี่สนุกจะตายไป”
“ครับพี่ตรี”
“ชัยพักผ่อนนะ พี่จะไปนอนแล้วจ้ะ”
“ครับพี่ ฝันดีนะครับ”
“จ้ะ” เธอบอก แล้ววางมือน้องลงที่เดิม รู้สึกโหวงชอบกลเมื่อเห็นรอยเขียวช้ำที่บริเวณหลังมือ น้องต้องทรมานแค่ไหนนะ
รมิตาก้าวขึ้นชั้นสอง ก่อนโยนกายลงบนเตียงอย่างไรเรี่ยว ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนเธอก็ไม่อาจหยุดได้ เพราะหน้าที่ต้องดูแลครอบครัวและน้องให้ทั้งสองสุขสบายที่สุด
ร่างบางสาวเท้าอย่างเร่งรีบเพื่อไปยังชั้นห้าของอาคาร แล้วนั่งประจำโต๊ะก่อนหยิบเอกสารที่ตนเองทำไว้ให้กับผู้จัดการของแผนก แล้วกลับมา ตรงข้ามเห็นสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมา แล้วยื่นบางอย่างให้ รมิตากวาดตามองรอบๆ แล้วรับมา
“อะไรคะ” เธอกระซิบแล้วจ้องมองไปยังเขา
“อาหารเช้า” อีกฝ่ายตอบเสียงเบา
“ขอบคุณนะคะพี่ปรัช”
เขายิ้มแทนคำตอบ แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานเช่นเดิม รมิตาเปิดถุงกระดาษ เห็นแซนวิสด้านในแล้วหยิบออกมาแล้วทานมันด้วยความสุข
เสียงฝีเท้าดังแว่วเข้ามา รมิตาชะงักหันไปจ้องมอง เห็นพิมลพรรณยืนยิ้มอยู่
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่มล”
“ผู้จัดการเรียกพบหนูจ้ะน้องตรี”
“อ๋อค่ะ สักครู่นะคะ เดี๋ยวตรีไปค่ะพี่มล”
“จ้ะ รีบหน่อยนะ” พิมลพรรณย้ำอีกครั้ง แล้วเดินกลับไปประจำโต๊ะทำงานตนเอง
ปวรปรัชญ์เหลือบมองคนรัก สีหน้าเครียดขึ้น แววตาวาววับด้วยความขุ่นเคือง ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาแสดงออกถึงความไม่พอใจ เขาพอรู้นิสัยผู้จัดการแผนกการตลาดดีว่าเป็นคนเช่นไร แต่โชคดีหน่อยหมอนี่ไม่เคยยุ่งกับพนักงานในบริษัท แต่ถ้าหากผู้จัดการคิดไม่ซื่อกับแฟนเขาล่ะก็ คงได้เห็นดีกัน