“หลานย่าเป็นคนเก่ง บริษัทไหนรับเข้าทำงานด้วยจะต้องโชคดีแน่นอน” เลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย ดรุณีรู้ว่าหลานสาวเป็นคนตั้งใจและจริงจังกับสิ่งที่ทำเสมอ สิ่งไหนถ้าเธอได้ลงมือทำแล้ว แน่นอนมันต้องสำเร็จ
“แหมคุณย่าคะ บางครั้งเขาก็ไม่รับคนเก่งหรอกค่ะ เพราะส่วนมากสาขาที่อุ้มเรียนมาเขารับแต่ผู้ชายค่ะ เพราะงานส่วนมากต้องใช้แรงงานด้วยน่ะค่ะ”
“พ่อว่าต้องมีสักที่ล่ะน่าที่เหมาะกับอุ้ม” อธิปให้กำลังใจลูกสาวถ้าอชิรญามีงานมีการทำเขาก็จะได้หายห่วงไปเปราะหนึ่ง จะเหลือแต่ลูกสาวคนเล็กที่ดูเหมือนว่าจะเรียนไปแค่ผ่าน ๆ เท่านั้น
“อุ้มก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ”
“ว่าแต่เงินที่อุ้มยืมมาจากเพื่อน เขาเริ่มให้ผ่อนเดือนไหนล่ะ”
“เอ่อ…ก็จนกว่าอุ้มจะได้งานทำแหละค่ะ” อชิรญาหายใจผิดจังหวะไปชั่วขณะเมื่อโดนถามถึงเรื่องนี้
“เพื่อนอุ้มคนนี้ใจดีจัง หัตแอบคิดอะไรกับลูกสาวพ่อหรือเปล่าเนี่ย” อธิปแอบเย้าลูกสาวเบา ๆ
“ไม่หรอกค่ะพ่อ บ้านหัตเขารวยนี่คะ คุณพ่อกับคุณย่าก็รู้” หญิงสาวทำหน้ามุ่ยเพื่อให้สมบทบาท ถ้าทุกคนในบ้านรู้ที่มาของเงินพวกเขาอาจจะเสียใจก็ได้ที่เธอทำแบบนั้นลงไป
“…”
“เราเข้าครัวกันเถอะค่ะคุณย่า ไม่อยากคุยกับคุณพ่อละ”
ว่าจบก็ดึงแขนย่าลุกขึ้นแล้วเดินเข้าครัวด้วยกัน เธอไม่อยากให้ใครถามถึงเรื่องเงินก้อนนั้นอีก เพราะเธอจะอดคิดถึงผู้ชายร่างโตที่โดนเธอกัดจนร่างพรุนไม่ได้ คนบ้าอะไรโดนเธอกัดแรง ๆ ยังไม่มีเสียงร้องสักแอะ จะร้องอย่างเดียวก็ตอนที่…ส่วนนั้นเข้าไปอยู่ในกายเธอแค่นั้น
อชิรญาสะบัดความรู้สึกนั้นออกจากหัว อย่าไปคิดถึงผู้ชายที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของเขาเลย
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
“ผึ้งฉันมีเรื่องให้แกช่วยว่ะ” อรวีบอกเพื่อนเสียงเครียด
“เรื่อง?”
“แกช่วยหาแขกให้ฉันหน่อยสิ”
“ร้อนเงินอีกล่ะสิ” ทุกครั้งที่อรวีหาทางออกเรื่องเงินไม่ได้ก็จะให้เพื่อนคนนี้หาลูกค้าให้เสมอ
“อือ”
“เดี๋ยวฉันโทรถามพี่นรีให้”
“อย่านานนักนะ ฉันรีบใช้ของ”
“ไม่พ้นของแบรนด์เนมอีกตามเคย”
“ก็มันอยากได้อะ มันหยุดไม่ได้นี่นา ก็เหมือนแกแหละ”
“แกจะเอาแบบไหน” ภาวีไม่ปฏิเสธเพราะที่ผ่านมาทั้งคู่ก็ใช้วิธีนี้ในการหาเงินเพื่อเปย์ตัวเอง
“อายุไม่เกินสี่สิบ ขอล่ำ ๆ หน่อย เจอแต่เล็ก ๆ ไม่ไหวเลยว่ะ ไม่ถึงสักที” อรวีกล่าวอย่างเซ็ง ๆ ใช้บริการกับนรีมานานแต่ก็เจอแต่สั้นเล็กตลอด บางครั้งตัวก็โตแต่ไม่คิดว่าไอ้นั่นจะคนละไซซ์กับร่างกาย
“ก็แกเจอผู้ชายไม่เป็นงานไง ไอ้ที่ล่ำ ๆ ก็ใช่ว่าไอ้นั่นจะใหญ่ตามนะเว้ย” ภาวีพูดขำ ๆ เหมือนรู้จักสรีระของผู้ชายเป็นอย่างดี
“เถอะน่า ขอล่ำไว้ก่อน”
“เออ ๆ ถ้าได้เดี๋ยวบอกอีกที อาจจะนานหน่อยนะ ส่วนมากมีแต่แก่ ๆ ทั้งนั้น”
“อือ ได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ” ใจร้อนไปก็เปล่าประโยชน์ ทางที่ดีอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า
ทั้งสองคุยเรื่องนี้ราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา” ร่างสาวผิวเข้มหุ่นสูงเพรียวเดินหอบเอกสารเข้ามาด้วยท่าทางกระตือรือร้น
“นายหัวคะ ใบสมัครงานผู้ช่วยผู้จัดการที่นายหัวต้องการค่ะ” ตวงจิตหัวหน้าแผนกบุคคลกล่าวขึ้น
“วางไว้บนโต๊ะได้เลยครับ”
ถ้าเป็นระดับหัวหน้าขึ้นไปสีหราชจะเป็นคนคอยคัดเลือกใบสมัครให้แผนกบุคคลนัดมาให้เขาสัมภาษณ์ด้วย
ช่วงบ่ายสีหราชหยิบใบสมัครงานที่มีจำนวนมากขึ้นมาเปิดดู หลายคนที่เขาอ่านแล้ววางมันลงและไม่หยิบมันขึ้นมาอีก และสายตาก็ต้องมาสะดุดกับรูปผู้สมัครหญิงคนหนึ่ง ดวงตาสีเข้มปราดมองลงมายังชื่อของผู้หญิงในรูป
“อชิรญา เดชาพันธ์ ชื่อเล่นอุ้ม อายุยี่สิบสองปี” คนตัวโตหยุดอ่านออกเสียงแค่นั้น แล้วไล่สายตาอ่านข้อมูลส่วนอื่นอย่างใคร่รู้ มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นจาง ๆ ข้อมูลต่าง ๆ ของเธอเข้ามาอยู่ในมือเขาเร็วกว่าที่คิด
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นชื่อบิดาของเธอ
“อธิป เดชาพันธ์” สีหราชใจเต้นแรงผู้ชายคนนี้คือคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อเจ็ดปีก่อน มันยิ่งทำให้เขาอยากรู้จักเธอมากขึ้น
มือหนาเอื้อมไปกดปุ่มติดต่อพนักงานภายในข้าง ๆ ตัว
“คุณตวงเข้ามาหาผมหน่อยครับ”
ไม่นานตวงจิตก็เข้ามาในห้องทำงานของเขา
“นัดสามคนนี้เข้ามาให้ผมสัมภาษณ์งานด้วยนะครับ”
“ค่ะ” ตวงจิตรับเอกสารในมือเจ้านายไปแล้วคลี่อ่านชื่อสักพัก
“…”
“นายหัวเลือกผู้หญิงด้วยเหรอคะ”
“ยังไม่ได้เลือกครับ แค่เอามาเปรียบเทียบกับผู้ชายสองคนนั้นลองดู” เขาบอกเธอเสียงเรียบเรื่อยไม่ได้ยี่หระกับความกังขาของหัวหน้าแผนกบุคคลแม้แต่น้อย แต่ไหนแต่ไรอย่าว่าแต่เรียกสัมภาษณ์เลยแค่อ่านชื่อว่าเป็นผู้หญิงนายหัวสีหราชก็วางใบสมัครลงแล้ว
“ค่ะ” ตวงจิตรับคำแล้วหมุนร่างออกจากห้องไปเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ในใจมีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม แต่จะถามใครได้ถ้าไม่ใช่ลูกน้องมือขวาของสีหราชหรือผู้จัดการของเธอนั่นเอง
เสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนว่ามีสายเรียกเข้าอชิรญาที่กำลังไถหน้าจอโทรศัพท์เลื่อนหางานอยู่จึงกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ อชิรญาพูดค่ะ”
“โทรจากแผนกบุคคลโรงเลื่อยไม้บุรินทรนะคะ พอดีจะโทรมานัดสัมภาษณ์งานน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอชิรญาสะดวกเข้ามาสัมภาษณ์งานวันไหนคะ”
“เอ่อ…” อชิรญาอึ้งไปสามวินาที “คะ คุณว่าอะไรนะคะ”
“คุณอชิรญาสะดวกเข้ามาสัมภาษณ์งานวันไหนคะ” แผนกบุคคลทวนคำถามช้า ๆ อีกครั้ง ถ้าเป็นเธอเธอก็คงตกใจเช่นกัน ที่โรงเลื่อยไม้บุรินทรจะให้ผู้หญิงเข้าไปสัมภาษณ์งาน
“วันเอ่อ…วันนี้วันจันทร์” ทำท่าทางนับนิ้วช่วย “วันอังคาร วันพุธ…วันพุธสิบโมงก็แล้วกันค่ะ”
“โอเคค่ะ งั้นวันพุธสิบโมงเช้าเจอกันนะคะ อย่าลืมนำเอกสารฉบับจริงพร้อมรูปถ่ายอีกสองใบมาด้วยนะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
หลังวางสายใจเธอยังคงเต้นแรง อดจินตนาการไม่ได้ว่าเธอจะได้เข้าไปทำงานในโรงเลื่อยไม้ที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้น ๆ ของประเทศ
จากนั้นก็พาร่างเล็กวิ่งลงบันไดไปที่ชั้นล่างของบ้าน
“คุณย่าคะ คุณย่า” เรียกผู้เป็นย่าด้วยความดีใจ
“เบา ๆ สิอุ้มเดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก” ดรุณีปรามหลานรักที่วิ่งจับราวบันไดลงมาจากชั้นบน
“ม้าดีดกะโหลก” อรวีพูดขึ้นมาลอย ๆ ดรุณีหันมาทำตาดุใส่หลานสาวคนเล็ก
“คุณย่าคะ อุ้มจะได้สัมภาษณ์งานกับโรงเลื่อยไม้บุรินทรแล้วค่ะ”
“ก็นึกว่าเรื่องอะไร” ทำเหมือนไม่แยแสแต่ในใจแอบอิจฉาพี่สาวที่มีวาสนาได้สอบสัมภาษณ์งานกับโรงเลื่อยไม้แห่งนี้ เธอได้ยินข่าวว่าเจ้าของเขาหล่อมาก แต่ยังไม่เคยเจอตัวจริงสักที
“อร!” ย่าปรามขึ้นเสียงดัง
“…”
“แล้วเมื่อไหร่เราจะไปเรียนเนี่ย มานั่งอะไรอยู่ตรงนี้” ผู้เป็นย่าหันไปถามหลานสาวคนเล็ก
“ก็อรมีเรียนบ่ายนี่คะคุณย่า” พูดแล้วก็ทำหน้างอไม่พอใจ เหมือนย่าไม่อยากให้นั่งอยู่ด้วย
“มีเรียนบ่ายก็นั่งเงียบ ๆ ถ้าพูดดีไม่ได้ก็” ดรุณีเอ็ดเธอแล้วหันมาคุยกับหลานคนโตต่อ “เห็นไหมย่าบอกแล้วว่ายังไงก็ต้องมีบริษัทที่เหมาะกับอุ้ม”
“ยังหรอกค่ะคุณย่า เขาแค่เรียกสัมภาษณ์ค่ะ เขายังไม่ได้รับเข้าทำงาน” พูดพลางยิ้มแววตาเป็นประกายเจิดจ้า
“แต่ย่าเชื่อว่าอุ้มจะได้งานนี้และอุ้มจะต้องทำได้”
“แต่โรงเลื่อยไม้บุรินทรเขาไม่เคยรับพนักงานผู้หญิงไปเป็นหัวหน้ามานานแล้วนะคะ” เท่าที่เธอรู้ก็น่าจะหกเจ็ดปีแล้วมั้งที่โรงเลื่อยไม้บุรินทรไม่เคยรับผู้หญิงเข้าทำงานเลย
“อุ้มนี่แหละจะเป็นคนแรก” ว่าพลางยิ้มให้หลานสาว
“อวยกันเข้าไป อรไปเรียนก่อนนะคะ…เลี่ยน” ว่าจบก็ลุกขึ้นเดินเชิดออกไป
“เฮ้อ! ย่าล่ะเหนื่อยใจกับยายอรจริง ๆ แทนที่จะยินดีกับพี่”
“ช่างเถอะค่ะคุณย่า อุ้มชินแล้วล่ะค่ะ” เป้าหมายของเธอคือตั้งใจทำงานมาจุนเจือครอบครัว และตอบแทนบุญคุณย่าของเธอเท่านั้นอย่างอื่นเธอไม่ได้สนใจ ยิ่งน้องสาวที่ไม่เคยคุยดีด้วยเธอยิ่งไม่ได้ใส่ใจ แต่ถึงน้องสาวจะมีนิสัยแบบนั้นในใจอชิรญาก็ยังเป็นห่วงน้องสาวเสมอ
“หลานย่าน่ารักที่สุด” ดรุณีเอามือลูบผมยาวของหลานอย่างเอ็นดู
เธอรักหลานสาวคนนี้มากแค่ไหน ใคร ๆ ในละแวกนี้ต่างรู้กันดี