บทที่ 2 ผู้ประสบภัย

1627 Words
ฉันที่เป็นผู้มีพระคุณดันกลายเป็นผู้ประสบภัยไปแล้วเมื่อเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับมีบางสิ่งบางอย่างลอยละลิ่วผ่านหน้าไปปะทะกับผนังห้องและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และเศษชิ้นส่วนของวัตถุนั้นกระเด็นมาบาดขาของฉัน “โอ๊ย!” ใบหน้าสวยน่าทะนุถนอมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บก่อนจะมองหาแผลที่ขามีเลือดไหลออกมาทำให้เธอนิ่งใบหน้าซีดหันไปมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยนัยน์ตาคมกริบร้ายกาจฉายแววหงุดหงิดเธอสบตากับเขาสักพักก่อนจะเบะปากและร้องไห้ออกมาเสียงดังจนคนที่นั่งอยู่บนเตียงยกมือขึ้นมาอุดหูแทบไม่ทัน “ฮึก..ฮือๆ ..นายทำฉัน” “หนวกหู!” “ฮึก นายทำฉันเลือดออก” “บอกว่าหนวกหูไง” “ฮือๆๆ ..ไอ้บ้านายสิหุบปากไป!” เดียน่าร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลออกมาเพราะเธอกลัวเลือดมากและยังไม่ชอบมีแผลด้วยเพราะกลัวเจ็บแต่เขากลับทำเธอเจ็บจนเลือดออก..ไม่น่าช่วยเลย!!! “กล้าว่าฉันหรอห๊ะ!” ใบหน้าร้ายกาจแผดเสียงดังลั่นแข่งกับเสียงร้องไห้ของเธอจนหมอที่แยกตัวไปคุยกับพยาบาลต้องพากันรีบเข้ามาภายในห้อง “แล้วนายเป็นใครทำไมฉันจะว่าไม่ได้..ฮึก” ร่างสูงที่นั่งหน้าบึ้งอยู่บนเตียงเตรียมจะเถียงกลับแต่เขากลับนิ่งไปเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครเหมือนกัน “เงียบทำไม..ทำไมไม่เถียงต่อล่ะ” “ยัย!” “มีอะไรกันครับ” คุณหมอเจ้าของไข้รีบเดินนำพยาบาลเข้ามาก่อนจะเห็นสงครามขนาดย่อมของคนป่วยและคนมาเยี่ยมไข้เลยรีบมองพยาบาลให้เรียกแม่บ้านมาเก็บกวาด “ยัยนี่เป็นใคร!” นัยน์ตาคมกริบถามหมอแต่กลับจ้องมองเดียน่าตั้งแต่หัวจรดเท้า “เอ่อใจเย็นๆ ก่อนนะครับ..คุณผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ช่วยนำคนไข้ส่งโรงพยาบาลครับ”คุณหมอรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยทันทีเมื่อเห็นท่าทางดุร้ายของคนไข้ “นุ่มนิ่มแบบนี้หรอจะช่วยฉัน”เสียงทุ้มกล่าวสบประมาทมุมปากยกยิ้มยิ่งพิจารณาร่างบางตรงหน้ายิ่งส่ายหัวในใจเขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดถึงในหัวตอนนี้จะนึกความทรงจำอะไรไม่ออกก็ตาม “ฉันนี่แหละเป็นคนช่วยนาย..วาโย”เดียน่ารีบออกเออตัวขึ้นมาทันทีว่าเธอเป็นคนช่วยชีวิตผู้ชายปากเสียตรงหน้า “วาโย..ชื่อฉัน?” ร่างสูงเอ่ยทวนอีกครั้งทำให้เดียน่าพยักหน้ารับโดยไม่รู้ว่าวาโยกำลังคิดไปไกลว่าเธอรู้ชื่อเขาได้ยังไง “แล้วเธอรู้ชื่อฉันได้ยังไง” “ก็..ดูจากประวัตินาย” เดียวน่าตอบเสียงใส “ประวัติของฉัน..เธอเป็นใครทำไมถึงสามารถหาประวัติของฉันได้ทั้งที่ไม่มีบัตรประจำตัวหรือรถยนต์ตามที่เธอกล่าวอ้าง “ห๊า..” ร่างบางตกใจทันทีเมื่อเจอคนป่วยถามกลับมายาวเหยียดเธอไม่คิดว่าเขาจะสงสัยอะไรมากมายขนาดนี้อีกอย่างจะบอกได้ยังไงว่าให้ลูกน้องพ่อสืบประวัติเพราะตัวเธอก็ยังไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้ส่วนหลักฐานอย่างรถยนต์ของเขาก็หาไม่เจออีกแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาสงสัยเธอหรอกนะ “ก็ตามนั้นตอนนี้ฉันสูญเสียความทรงจำไหนจะบาดแผลตามตัวเธอที่ตัวนิดเดียวจะมีปัญญาอะไรมาช่วยฉัน”วาโยถามเสียงนิ่งก่อนจะเอนตัวพิงกับหัวเตียงท่าทางสบายๆ เหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ เดียน่าพึ่งได้มีเวลาสังเกตหน้าตาของเขาก็ตอนนี้ใบหน้าเรียวคมนัยน์ตาคมจมูกโด่งและริมฝีปากบางรับกันอย่างลงตัวยิ่งท่าทางเกียจคร้านเหมือนแมวยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์แต่ซ่อนความดุดันโดยรวมแล้วเขาหล่อมาก..หล่อจนเธอคิดอะไรไม่ทันและเถียงอะไรไม่ออก “ว่ายังไงเธอรู้ประวัติฉันได้ยังไงขนาดคุณหมอยังสงสัยเลย..ใช่ไหมหมอ”วาโยปรายตามองหมอเจ้าของใครที่มีท่าทางลำบากใจ “เอ่อ..ครับแล้วประวัติที่ให้มานามสกุลของคุณวาโยที่คุณณปภัสให้มาก็ตรงกับนามสกุลของไฮโซดังพอทางเราติดต่อไปกลับไม่สามารถติดต่อได้” “เห็นไหม..ถ้าฉันมีญาติจริงทำไมถึงติดต่อไม่ได้ดังนั้นตอนนี้มีแค่เธอที่จะตอบได้” วาโยไล่ต้อนให้เดียน่าจนมุมเธอไม่รู้จะทำยังไงประวัติของเขาเธอรู้แค่นั้นจริงๆ นอกนั้นไม่รู้อะไรเลยทำไมการช่วยคนถึงกลายเป็นว่าเธอกำลังหาเรื่องให้ตัวเองอยู่ล่ะสมองน้อยๆ พยายามคิดหาวิธีก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าชุดที่เขาใส่และเข็มกลัดค่อนข้างคุ้นตา “ก็..นายเรียนที่เดียวกับฉัน!” “หืม..เรียนที่เดียวกันไม่อยากจะเชื่อ” “ไม่เชื่อก็เรื่องของนาย!” เดียน่ากอดอกถลึงตามองเขา ทั้งที่เธอเป็นคนยื่นมือช่วยแท้ๆ เขากลับคิดสงสัยว่าเธอเป็นคนทำร้ายเขางั้นหรอ “เดี๋ยวคนไข้นอนลงก่อนนะครับหมอขอตรวจอาการหน่อย” “ไม่ต้อง!” วาโยเสียงแข็งขึ้นมาทันทีจนหมอและพยาบาลชะงักไปตามๆ กัน “ทำไมนายไม่ทำตามที่หมอบอก..ดื้อแบบนี้จะหายได้ยังไง”ร่างบางบ่นอุบอิบอย่างเห็นใจหมอและพยาบาลที่ต้องเจอคนไข้ที่ทำตัวน่าปวดหัวแบบนี้ “เธอว่าฉันหรอ” “ฉันก็ว่านายนั่นแหละ..มีใครดื้อเท่านายไหมล่ะในนี้น่ะ” เดียน่าเถียงคอเป็นเอ็น “หึ งั้นก็ได้เชิญตรวจแต่เธอน่ะมานี่” “ฉะ..ฉันหรอ..ไปทำไมฉันไม่ใช่หมอ” ฉันอึกอักทันทีเมื่อวายร้ายตรงหน้ากวักมือเรียกแต่เมื่อหันไปเจอสายตาของบุคลากรทางการแพทย์แล้วฉันก็ได้แต่ฝืนกลืนความลำบากใจลงท้องก่อนจะเดินเข้าไปหาเขา หมับ! “กรี๊ด…ทำอะไร” นัยน์ตากลมดั่งลูกกวางน้อยเบิกตากว้างเมื่อขยับเข้าไปใกล้ไม่ทันไรกลับโดนมือหนาของวาโยกระชากร่างขึ้นไปนั่งเกยบนเตียงทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทันท่ามกลางสายตาของหมอและพยาบาลในห้องด้วย “นาย..ปล่อยนะ” ฉันพูดตะกุกตะกักพลางหลบสายตาของคนอื่นที่กำลังมองมาตอนนี้ทั้งโกรธและอายมากวาโยกล้าดียังไงถึงกล้าดึงฉันไปกอดแบบนี้ “หมอ..เชิญตรวจ!” “เอ่อ..” “เร็วๆ สิครับคุณหมอ” วาโยกล่าวเสียงเย็นยินยอมให้หมอเข้ามาตรวจแต่ไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กออกจากอ้อมแขนเลย “แล้วทำไมไม่ปล่อยฉัน” ฉันกัดฟันถามเขา “อย่าพึ่งสงสัยตอนนี้ได้ไหม” “...” ฉันเลยได้แต่หุบปากฉับ หลังจากนั้นคุณหมอก็เข้ามาตรวจอาการพื้นฐานบาดแผลและอาการเจ็บจากการฟกช้ำเขาก็ตอบแค่..ก็ดี..ไม่ก็..ปกติ ถ้าฉันเป็นหมอนะฉันจะไม่มาเสียเวลาตรวจเขาแน่นอนคนอะไรกวนประสาทแล้วยังไม่ให้ความร่วมมืออีก..สรุปอยากหายไหม!!! “คนไข้ต้องพักผ่อนๆ เยอะนะครับอาการบาดเจ็บด้านสมองต้องใช้เวลา” คุณหมอเอ่ยอย่างใจเย็น “แล้วจะหายไหมครับ” “ยังมีเวลาครับถ้าโชคดีก็อาจจะแค่ชั่วคราวเท่านั้นต้องค่อยๆ ฟื้นฟูด้วยการอะไรเดิมๆ หรือกิจวัตรประจำวันแบบเดิมจะช่วยกระตุ้นได้ครับ” คราวนี้หมอพูดและหันมาบอกฉันในประโยคหลังทำให้ฉันได้แต่ขมวดคิ้วหมอบอกฉันทำไมฉันไม่รู้จักเขา “หมอคะ..หนูไม่ระ” “ครับหมอ ขอบคุณครับ” ฉันยังไม่ทันได้ปฏิเสธวาโยก็ไล่หมอออกจากห้องไปแล้วจะเรียกเชิญออกก็ไม่ได้เพราะเขาทำอะไรไม่มีมารยาทเลยสักนิด “ปล่อยได้รึยังอึดอัดนายทำฉันดูแย่มากนะ” “แล้วไง” “บอกให้ปล่อยไง!”ฉันเริ่มขึ้นเสียงเพราะเขากอดรัดฉันมาตั้งแต่ก่อนตรวจจนตรวจเสร็จและหมอก็ออกไปแล้วเขาจะกอดฉันแบบนี้ไม่ได้ฉันเป็นลูกมีพ่อมีแม่ พลั่ก! “โอ๊ย จะปล่อยก็บอกก่อนสิ”ฉันหันไปวีนใส่เขาทันทีที่อีกฝ่ายปล่อยฉันเป็นอิสระพร้อมกับดันตัวฉันลงจากเตียงจนฉันเกือบจะล้ม “อะไรอีกเธอนี่น่ารำคาญเดี๋ยวก็ให้ปล่อยเดี๋ยวก็ไม่ให้ปล่อยจะเอายังไง” “นายนั่นแหละพูดไม่รู้เรื่องจะปล่อยก็บอกดีๆ นี่นายเล่นผลักฉันลงมาถ้าฉันเจ็บตัวนายโดนแน่” “เถียงเก่งเหมือนกันนี่” “เอ๊ะ!” “หึ” วาโยเค้นเสียงหัวเราะเมื่อเห็นคนนุ่มนิ่มยืดคอเถียงพอเถียงไม่ได้ก็ถลึงตาใส่เขาติดใจมากว่าเธอช่วยเขาจริงๆ หรอเพราะเขาไม่มีความทรงจำอะไรเลยมีแค่เธอที่เหมือนจะรู้เรื่องของเขาดังนั้นเขาต้องจับเธอให้มั่น! “นายหัวเราะอะไร” เดียน่าขนลุกซู่เมื่อเห็นสายตาของวาโยเปล่งประกายจนเธออดหวาดเสียวไม่ได้ “จริงๆ แล้วเธอไม่ใช่แค่คนที่ช่วยเหลือฉันใช่ไหม”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา “หืม” อะไรของหมอนี่อย่าคิดอะไรแปลกเชียวนะ “เราเป็นแฟนกันใช่ไหม!” “ห๊ะ!!” ฉันเผลอร้องตกใจกับความคิดของเขาเมื่อตั้งสติได้เลยรีบส่ายหัวปฏิเสธทันที “เราเป็นแฟนกัน” “ไม่ใช่..ฉันไม่รู้จักนาย” “เธอรู้ชื่อฉัน” “แต่ฉันไม่รู้จักนาย!!” “เธอรู้ชื่อฉัน” วาโยตอบหน้าตาย “ก็บอกว่าไม่รู้จักไง!” กรี๊ด นี่ฉันเก็บตัวอะไรได้เนี่ยทำไมเขาพูดไม่รู้เรื่องขนาดนี้ โอ๊ยอยากจะบ้าตาย!!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD