ฉันที่เป็นผู้มีพระคุณดันกลายเป็นผู้ประสบภัยไปแล้วเมื่อเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับมีบางสิ่งบางอย่างลอยละลิ่วผ่านหน้าไปปะทะกับผนังห้องและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และเศษชิ้นส่วนของวัตถุนั้นกระเด็นมาบาดขาของฉัน
“โอ๊ย!”
ใบหน้าสวยน่าทะนุถนอมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บก่อนจะมองหาแผลที่ขามีเลือดไหลออกมาทำให้เธอนิ่งใบหน้าซีดหันไปมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยนัยน์ตาคมกริบร้ายกาจฉายแววหงุดหงิดเธอสบตากับเขาสักพักก่อนจะเบะปากและร้องไห้ออกมาเสียงดังจนคนที่นั่งอยู่บนเตียงยกมือขึ้นมาอุดหูแทบไม่ทัน
“ฮึก..ฮือๆ ..นายทำฉัน”
“หนวกหู!”
“ฮึก นายทำฉันเลือดออก”
“บอกว่าหนวกหูไง”
“ฮือๆๆ ..ไอ้บ้านายสิหุบปากไป!”
เดียน่าร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลออกมาเพราะเธอกลัวเลือดมากและยังไม่ชอบมีแผลด้วยเพราะกลัวเจ็บแต่เขากลับทำเธอเจ็บจนเลือดออก..ไม่น่าช่วยเลย!!!
“กล้าว่าฉันหรอห๊ะ!” ใบหน้าร้ายกาจแผดเสียงดังลั่นแข่งกับเสียงร้องไห้ของเธอจนหมอที่แยกตัวไปคุยกับพยาบาลต้องพากันรีบเข้ามาภายในห้อง
“แล้วนายเป็นใครทำไมฉันจะว่าไม่ได้..ฮึก”
ร่างสูงที่นั่งหน้าบึ้งอยู่บนเตียงเตรียมจะเถียงกลับแต่เขากลับนิ่งไปเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครเหมือนกัน
“เงียบทำไม..ทำไมไม่เถียงต่อล่ะ”
“ยัย!”
“มีอะไรกันครับ”
คุณหมอเจ้าของไข้รีบเดินนำพยาบาลเข้ามาก่อนจะเห็นสงครามขนาดย่อมของคนป่วยและคนมาเยี่ยมไข้เลยรีบมองพยาบาลให้เรียกแม่บ้านมาเก็บกวาด
“ยัยนี่เป็นใคร!” นัยน์ตาคมกริบถามหมอแต่กลับจ้องมองเดียน่าตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เอ่อใจเย็นๆ ก่อนนะครับ..คุณผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ช่วยนำคนไข้ส่งโรงพยาบาลครับ”คุณหมอรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยทันทีเมื่อเห็นท่าทางดุร้ายของคนไข้
“นุ่มนิ่มแบบนี้หรอจะช่วยฉัน”เสียงทุ้มกล่าวสบประมาทมุมปากยกยิ้มยิ่งพิจารณาร่างบางตรงหน้ายิ่งส่ายหัวในใจเขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดถึงในหัวตอนนี้จะนึกความทรงจำอะไรไม่ออกก็ตาม
“ฉันนี่แหละเป็นคนช่วยนาย..วาโย”เดียน่ารีบออกเออตัวขึ้นมาทันทีว่าเธอเป็นคนช่วยชีวิตผู้ชายปากเสียตรงหน้า
“วาโย..ชื่อฉัน?” ร่างสูงเอ่ยทวนอีกครั้งทำให้เดียน่าพยักหน้ารับโดยไม่รู้ว่าวาโยกำลังคิดไปไกลว่าเธอรู้ชื่อเขาได้ยังไง
“แล้วเธอรู้ชื่อฉันได้ยังไง”
“ก็..ดูจากประวัตินาย” เดียวน่าตอบเสียงใส
“ประวัติของฉัน..เธอเป็นใครทำไมถึงสามารถหาประวัติของฉันได้ทั้งที่ไม่มีบัตรประจำตัวหรือรถยนต์ตามที่เธอกล่าวอ้าง
“ห๊า..” ร่างบางตกใจทันทีเมื่อเจอคนป่วยถามกลับมายาวเหยียดเธอไม่คิดว่าเขาจะสงสัยอะไรมากมายขนาดนี้อีกอย่างจะบอกได้ยังไงว่าให้ลูกน้องพ่อสืบประวัติเพราะตัวเธอก็ยังไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้ส่วนหลักฐานอย่างรถยนต์ของเขาก็หาไม่เจออีกแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาสงสัยเธอหรอกนะ
“ก็ตามนั้นตอนนี้ฉันสูญเสียความทรงจำไหนจะบาดแผลตามตัวเธอที่ตัวนิดเดียวจะมีปัญญาอะไรมาช่วยฉัน”วาโยถามเสียงนิ่งก่อนจะเอนตัวพิงกับหัวเตียงท่าทางสบายๆ เหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
เดียน่าพึ่งได้มีเวลาสังเกตหน้าตาของเขาก็ตอนนี้ใบหน้าเรียวคมนัยน์ตาคมจมูกโด่งและริมฝีปากบางรับกันอย่างลงตัวยิ่งท่าทางเกียจคร้านเหมือนแมวยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์แต่ซ่อนความดุดันโดยรวมแล้วเขาหล่อมาก..หล่อจนเธอคิดอะไรไม่ทันและเถียงอะไรไม่ออก
“ว่ายังไงเธอรู้ประวัติฉันได้ยังไงขนาดคุณหมอยังสงสัยเลย..ใช่ไหมหมอ”วาโยปรายตามองหมอเจ้าของใครที่มีท่าทางลำบากใจ
“เอ่อ..ครับแล้วประวัติที่ให้มานามสกุลของคุณวาโยที่คุณณปภัสให้มาก็ตรงกับนามสกุลของไฮโซดังพอทางเราติดต่อไปกลับไม่สามารถติดต่อได้”
“เห็นไหม..ถ้าฉันมีญาติจริงทำไมถึงติดต่อไม่ได้ดังนั้นตอนนี้มีแค่เธอที่จะตอบได้”
วาโยไล่ต้อนให้เดียน่าจนมุมเธอไม่รู้จะทำยังไงประวัติของเขาเธอรู้แค่นั้นจริงๆ นอกนั้นไม่รู้อะไรเลยทำไมการช่วยคนถึงกลายเป็นว่าเธอกำลังหาเรื่องให้ตัวเองอยู่ล่ะสมองน้อยๆ พยายามคิดหาวิธีก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าชุดที่เขาใส่และเข็มกลัดค่อนข้างคุ้นตา
“ก็..นายเรียนที่เดียวกับฉัน!”
“หืม..เรียนที่เดียวกันไม่อยากจะเชื่อ”
“ไม่เชื่อก็เรื่องของนาย!” เดียน่ากอดอกถลึงตามองเขา ทั้งที่เธอเป็นคนยื่นมือช่วยแท้ๆ เขากลับคิดสงสัยว่าเธอเป็นคนทำร้ายเขางั้นหรอ
“เดี๋ยวคนไข้นอนลงก่อนนะครับหมอขอตรวจอาการหน่อย”
“ไม่ต้อง!” วาโยเสียงแข็งขึ้นมาทันทีจนหมอและพยาบาลชะงักไปตามๆ กัน
“ทำไมนายไม่ทำตามที่หมอบอก..ดื้อแบบนี้จะหายได้ยังไง”ร่างบางบ่นอุบอิบอย่างเห็นใจหมอและพยาบาลที่ต้องเจอคนไข้ที่ทำตัวน่าปวดหัวแบบนี้
“เธอว่าฉันหรอ”
“ฉันก็ว่านายนั่นแหละ..มีใครดื้อเท่านายไหมล่ะในนี้น่ะ” เดียน่าเถียงคอเป็นเอ็น
“หึ งั้นก็ได้เชิญตรวจแต่เธอน่ะมานี่”
“ฉะ..ฉันหรอ..ไปทำไมฉันไม่ใช่หมอ”
ฉันอึกอักทันทีเมื่อวายร้ายตรงหน้ากวักมือเรียกแต่เมื่อหันไปเจอสายตาของบุคลากรทางการแพทย์แล้วฉันก็ได้แต่ฝืนกลืนความลำบากใจลงท้องก่อนจะเดินเข้าไปหาเขา
หมับ!
“กรี๊ด…ทำอะไร”
นัยน์ตากลมดั่งลูกกวางน้อยเบิกตากว้างเมื่อขยับเข้าไปใกล้ไม่ทันไรกลับโดนมือหนาของวาโยกระชากร่างขึ้นไปนั่งเกยบนเตียงทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทันท่ามกลางสายตาของหมอและพยาบาลในห้องด้วย
“นาย..ปล่อยนะ” ฉันพูดตะกุกตะกักพลางหลบสายตาของคนอื่นที่กำลังมองมาตอนนี้ทั้งโกรธและอายมากวาโยกล้าดียังไงถึงกล้าดึงฉันไปกอดแบบนี้
“หมอ..เชิญตรวจ!”
“เอ่อ..”
“เร็วๆ สิครับคุณหมอ” วาโยกล่าวเสียงเย็นยินยอมให้หมอเข้ามาตรวจแต่ไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กออกจากอ้อมแขนเลย
“แล้วทำไมไม่ปล่อยฉัน” ฉันกัดฟันถามเขา
“อย่าพึ่งสงสัยตอนนี้ได้ไหม”
“...” ฉันเลยได้แต่หุบปากฉับ
หลังจากนั้นคุณหมอก็เข้ามาตรวจอาการพื้นฐานบาดแผลและอาการเจ็บจากการฟกช้ำเขาก็ตอบแค่..ก็ดี..ไม่ก็..ปกติ
ถ้าฉันเป็นหมอนะฉันจะไม่มาเสียเวลาตรวจเขาแน่นอนคนอะไรกวนประสาทแล้วยังไม่ให้ความร่วมมืออีก..สรุปอยากหายไหม!!!
“คนไข้ต้องพักผ่อนๆ เยอะนะครับอาการบาดเจ็บด้านสมองต้องใช้เวลา” คุณหมอเอ่ยอย่างใจเย็น
“แล้วจะหายไหมครับ”
“ยังมีเวลาครับถ้าโชคดีก็อาจจะแค่ชั่วคราวเท่านั้นต้องค่อยๆ ฟื้นฟูด้วยการอะไรเดิมๆ หรือกิจวัตรประจำวันแบบเดิมจะช่วยกระตุ้นได้ครับ” คราวนี้หมอพูดและหันมาบอกฉันในประโยคหลังทำให้ฉันได้แต่ขมวดคิ้วหมอบอกฉันทำไมฉันไม่รู้จักเขา
“หมอคะ..หนูไม่ระ”
“ครับหมอ ขอบคุณครับ”
ฉันยังไม่ทันได้ปฏิเสธวาโยก็ไล่หมอออกจากห้องไปแล้วจะเรียกเชิญออกก็ไม่ได้เพราะเขาทำอะไรไม่มีมารยาทเลยสักนิด
“ปล่อยได้รึยังอึดอัดนายทำฉันดูแย่มากนะ”
“แล้วไง”
“บอกให้ปล่อยไง!”ฉันเริ่มขึ้นเสียงเพราะเขากอดรัดฉันมาตั้งแต่ก่อนตรวจจนตรวจเสร็จและหมอก็ออกไปแล้วเขาจะกอดฉันแบบนี้ไม่ได้ฉันเป็นลูกมีพ่อมีแม่
พลั่ก!
“โอ๊ย จะปล่อยก็บอกก่อนสิ”ฉันหันไปวีนใส่เขาทันทีที่อีกฝ่ายปล่อยฉันเป็นอิสระพร้อมกับดันตัวฉันลงจากเตียงจนฉันเกือบจะล้ม
“อะไรอีกเธอนี่น่ารำคาญเดี๋ยวก็ให้ปล่อยเดี๋ยวก็ไม่ให้ปล่อยจะเอายังไง”
“นายนั่นแหละพูดไม่รู้เรื่องจะปล่อยก็บอกดีๆ นี่นายเล่นผลักฉันลงมาถ้าฉันเจ็บตัวนายโดนแน่”
“เถียงเก่งเหมือนกันนี่”
“เอ๊ะ!”
“หึ”
วาโยเค้นเสียงหัวเราะเมื่อเห็นคนนุ่มนิ่มยืดคอเถียงพอเถียงไม่ได้ก็ถลึงตาใส่เขาติดใจมากว่าเธอช่วยเขาจริงๆ หรอเพราะเขาไม่มีความทรงจำอะไรเลยมีแค่เธอที่เหมือนจะรู้เรื่องของเขาดังนั้นเขาต้องจับเธอให้มั่น!
“นายหัวเราะอะไร” เดียน่าขนลุกซู่เมื่อเห็นสายตาของวาโยเปล่งประกายจนเธออดหวาดเสียวไม่ได้
“จริงๆ แล้วเธอไม่ใช่แค่คนที่ช่วยเหลือฉันใช่ไหม”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา
“หืม” อะไรของหมอนี่อย่าคิดอะไรแปลกเชียวนะ
“เราเป็นแฟนกันใช่ไหม!”
“ห๊ะ!!” ฉันเผลอร้องตกใจกับความคิดของเขาเมื่อตั้งสติได้เลยรีบส่ายหัวปฏิเสธทันที
“เราเป็นแฟนกัน”
“ไม่ใช่..ฉันไม่รู้จักนาย”
“เธอรู้ชื่อฉัน”
“แต่ฉันไม่รู้จักนาย!!”
“เธอรู้ชื่อฉัน” วาโยตอบหน้าตาย
“ก็บอกว่าไม่รู้จักไง!”
กรี๊ด นี่ฉันเก็บตัวอะไรได้เนี่ยทำไมเขาพูดไม่รู้เรื่องขนาดนี้ โอ๊ยอยากจะบ้าตาย!!!