บทที่ 4 ไม่รัก

2696 Words
เขาสูงมากถึงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตร มากกว่ามาตรฐานชายไทย ใบหน้าหล่อเหลาคมแต่ผิวของเขานั้นขาวซีด บ่งบอกว่าเจ้าตัวนั้นผ่านการเลี้ยงดูมาอย่างดี ฐากูรอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแลกส์สีดำสนิทและรองเท้าหนังขัดเงาวับ เขามีใบหน้าชวนฝัน จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักได้รูปเป็นอย่างดี เขาเลยคำว่าเพอร์เฟกต์ เลยคำว่ารูปหล่อ แต่เขาน่ะมันหล่อขั้นเทพ “มัด...” เช่นเดียวกับฐากูรที่ลงจากรถยนต์คันหรู เขามองเห็นอดีตคู่ขา เพื่อนกินเที่ยว เซ็กซ์เฟรนด์ที่ดีมากคนหนึ่ง หล่อนมาทำอะไรที่นี่ แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ...มัดไหมกำมือเข้าหากันแน่น อารมณ์อ่อนไหวนี้มันยังไงกัน เห็นหน้าเขาแล้วอยากวิ่งไปกอด ทำไมถึงมีความรู้สึกนี้อยู่ในอกด้วยก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เธอต้องพยายามอดกลั้นความรู้สึกข้างในนี้ไว้ จะไม่ยอมถอยกลับไปอยู่จุดเดิมอีกเป็นอันขาด เธอเดินผ่านหน้าเขาไป แต่ทว่า หมับ! ฝ่ามือหนากลับคว้าข้อมือของเธอไว้เสียก่อน มัดไหมตกใจหันขวับมามองใบหน้าอีกฝ่ายทันที “เป็นยังไงบ้าง ทำไมมาโรงพยาบาล” เอ่ยถามเสียงเรียบ แม้นจะไม่ได้เป็นอะไรกัน ไร้สถานะ แต่ว่าทั้งสองคนก็สนิทเนื้อแนบเนื้อกันมาร่วมหนึ่งปี ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบคงไม่เป็นอะไรมากกระมัง “ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้ค่ะ” แต่สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่ ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็อย่าเจออย่าคุยกันเลยดีกว่า “ทำไมพูดจาห่างเกินจัง” “_” “แค่เป็นห่วงน่ะ แล้วทำไมมาโรงพยาบาลเหรอ” ไม่ใช่เรื่องปกติถ้าใครสักคนมาโรงพยาบาล ไม่ใช่สถานที่คนอยากมาเลยสักนิด ....มีหลายแวบที่อยากบอกกับเขา อยากบอกให้รู้ว่าตนนั้นอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ แต่ไม่ง่ายเลย เธอกลัวปัญหาหลายอย่างที่จะตามมาทีหลัง เธอเลี้ยงลูกเองได้และเชื่อว่าจะเลี้ยงได้ดีด้วย แต่ถ้ามีเขา ปัญหาตามมาแน่ ๆ เพราะเขาไม่ได้รักเธอ “เธอมากับผม” อยู่ ๆ เสียงทุ้มของคนเป็นนายก็ดังขึ้น คิมหันต์เดินเข้ามากระชากแขนของฐากูรออกจากแขนของมัดไหมอย่างแรง ...ซึ่งฐากูรกลับไม่เข้าใจ มัดไหมเหมือนกับว่าอาลัยอาวรณ์เขามาก แต่ทำไมอยู่ ๆ ถึงมากับคนอื่นได้ “เป็นอะไรกันเหรอ” ฐากูรเลื่อนสายตาไปหามัดไหม เขาต้องการคำตอบจากเธอ แต่ทว่า “ฉันต้องถามว่าเราเป็นอะไรกันเหรอ ทำไมถึงมีสิทธิ์ถามแบบนี้” เขาถามราวกับหึงหวง ราวกับว่าตนนั้นเป็นแฟนกัน ซึ่งคำถามของหล่อนก็เล่นเอาจุกอกไม่น้อย เขาเป็นคนปฏิเสธให้สถานะกับเธอ แต่ตอนนี้กลับไม่พอใจที่เห็นเธอกับผู้ชายคนอื่นเสียอย่างนั้น “ตอบไม่ได้เหรอคะ” “_” “หึ ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่” เธอยกมือขึ้นกอดอก ส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับความชัดเจนที่เขาไม่เคยมีให้ “แต่เราก็เคย...” “ไม่ต้องพูดค่ะ มันเป็นอดีตไปแล้ว” ว่าเสียงเรียบ “เพราะมีคนใหม่สินะ” ว่าพร้อมกับเลื่อนสายตามองไปยังหนุ่มข้างกายเธอ สายตานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ไม่ใช่” เธอรีบปฏิเสธ แม้นจะเป็นการดีที่จะเอาเจ้านายหนุ่มมาเป็นไม้กันหมา แต่ว่ายังไม่ทันได้ขอความคิดเห็นกับเขา แต่ทว่า “ทำไมเธอจะมีคนใหม่ไม่ได้ล่ะ” คิมหันต์กลับยกแขนขึ้นโอบไหล่บางของมันไหม รั้งเบา ๆ ให้เธอขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ...ฐากูรถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะพยักหน้าเข้าใจ ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงที่ไม่ได้ติดต่อกันนั้นตนก็คิดถึงเธอมาก แต่พอเห็นเธอมีใหม่ไวขนาดนี้ความรู้สึกดีที่ยังคงหลงเหลืออยู่ก็มลายหายไปจนหมดสิ้น “ไวกว่าที่คิดนะ” ว่าจบก็เดินกระแทกไหล่คิมหันต์ไปอย่างแรง จนอีกฝ่ายเซเล็กน้อย แต่พอเจ้าตัวจะหันไปเอาเรื่อง มัดไหมก็ยกมือขึ้นแตะแขนของเขาเบา ๆ ปรามไว้ไม่ให้อีกฝ่ายมีเรื่องกัน ที่นี่เป็นโรงพยาบาลแถมเขาคนนั้นยังเป็นหมออีกด้วย “ห้ามผมทำไมครับ” เขารู้สึกไม่พอใจ เดาว่าผู้ชายคนเมื่อครู่นี่แหละคือพ่อของลูกในท้องของเธอ “อย่ามีเรื่องเลยค่ะ ฉันเป็นห่วงคุณนะคะ ที่นี่โรงพยาบาลและก็เป็นถิ่นของเขา” “แต่ว่ามัน...” พอจะพูดก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจุ้นมากเกินไป คิมหันต์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “กลับกันเถอะคุณคิม” “_” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบทันที แต่เขามีเรื่องอยากถามเธอแทน “คนนั้นเป็นพ่อของลูกคุณเหรอ” “อึก...” มัดไหมกลืนน้ำลายลงคอ หลุบตาต่ำไม่กล้าสู้หน้า แค่นี้ก็พอเดาได้แล้ว “ผมเข้าใจแล้วครับ” ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ก็พอรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเห็นแก่ตัวมากแค่ไหน “กลับกันครับ” ...มัดไหมค่อย ๆ พยักหน้ารับ เธอหันไปมองทางที่ฐากูรเดินไป แต่ก็ไม่พบเขาแล้ว เขายังคงดูดีเหมือนเดิม ยังดูสุขภาพดีไม่เจ็บไข้ ในใจลึก ๆ ก็เป็นห่วง ห่วงจนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาลูบท้องของตัวเองปอย ๆ “ทำไมไม่บอกเขาล่ะครับ” พอขึ้นมาบนรถยนต์คันหรู คิมหันต์ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม แววตาของเธอยังมีเยื่อใย ทำให้เขาเองเสียใจไม่น้อย “ไม่ดีกว่าค่ะ” “_” “เขาไม่เคยรักฉัน หึ ถ้าเกิดเขารู้...เขาอาจจะรักลูก แต่ลูกต้องมาทนเห็นพ่อไม่รักแม่ ฉันว่า...ฉันเลี้ยงลูกเองคนเดียวดีกว่า” เธอมีเงินเก็บ และยังสามารถทำงานได้ ดีกรีก็ไม่ได้ธรรมดา มัดไหมเชื่อว่าตนจะทำได้ และพลังการเป็นแม่คนนี้ก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น มีไฟกลับมาทำงานเพื่อลูกแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ...ขณะเดียวกันคนขับรถข้างกาย คิมหันต์เองก็รู้สึกเห็นด้วยกับที่หล่อนพูด ไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนที่เขาชอบ แต่เป็นเพราะครอบครัวที่ดี ไม่จำเป็นต้องประกอบไปด้วยพ่อแม่เสมอไป แต่ต้องประกอบไปด้วยพ่อแม่ที่ดีต่างหาก หากใครคนใดคนหนึ่งไม่ดี ไม่มีเสียยังดีกว่า... สี่ปีต่อมา... บรรยากาศช่วงเย็นเมฆเริ่มก่อตัว จากท้องฟ้าสดใสแปรเปลี่ยนเป็นสีดำอมเทา มัดไหมขมวดคิ้วมุ่น เธอต้องไปรับลูกสาว ที่เนิร์สเซอรี ซึ่งเป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กเล็ก หญิงสาวฝากเลี้ยงลูกกับสถานที่แห่งนี้มาตลอดหนึ่งปี เธอเลี้ยงลูกเองจนกระทั่งลูกสาวได้สองขวบ เงินเก็บที่มีก็ค่อย ๆ ร่อยหรอลงเต็มที มัดไหมคิดว่าตนนั้นต้องรีบกลับมาทำงาน เธอได้อภิสิทธิ์พิเศษในการกลับมาทำงานที่ทำงานเดิม ซึ่งหลังจากวันนั้นตนก็เริ่มสนิทกับประธานบริษัท มัดไหมพอดูออกว่าเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เธอไม่พร้อมที่จะโฟกัสเรื่องความรักใด ๆ เลย ในสมองมีแต่คำว่าลูกเท่านั้น “ให้ตายสิ รถติดแน่เลย” ฝนตกทีไรคนกรุงฯ ต้องเผชิญกับปัญหารถติดแน่นอน ไม่ชินเสียที ติดทีไรก็บ่นยาวตลอด มัดไหมบ่นอุบอิบมาตลอดทาง คิ้วโก่งเรียวสวยนี้ขมวดมุ่นเข้าหากัน เธอชะเง้อคอมองท้ายรถทางด้านหน้า ก่อนจะเหยียบเบรกพร้อมกับถอนหายใจออกมาเสียงดัง “เฮ้อ...” ก่อนจะคว้าโทรศัพท์กดโทรหาพี่เลี้ยง ซึ่งรอไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ “ขอโทษด้วยนะคะ ช่วยดูแลโมจิต่อหน่อยนะคะ ฝนตกรถติดมากเลย” [อ้อ ได้เลยค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ] แม้นอีกฝ่ายจะว่าอย่างนี้แต่หัวอกคนเป็นแม่นั้นก็ยังหวั่นใจอยู่ดี แค่ห่างลูกไม่กี่นาทีก็เหมือนกับห่างหลายวันหลายเดือน แน่นอนว่าอยู่ไม่เป็นสุข มัดไหมชะเง้อคอมองรอบรถตลอดเวลา สายฝนที่ปรายลงมาไม่หยุดยิ่งทำให้ท้อใจมากกว่าเดิม ...นานกว่ารถจะเลื่อน ค่อย ๆ เลื่อนออกไปอย่างช้า ๆ กระดึ๊บไม่ต่างจากหนอนเลยก็ว่าได้ กว่าจะถึงเป้าหมาย มัดไหมโทรหาพี่เลี้ยงจนอีกฝ่ายต้องถือสายค้างไว้ “แม่ใกล้ถึงแล้วนะคะ” [คุณแม่ ฮึก หนูอยากกลับบ้าน] เสียงร้องไห้ของลูกสาวยิ่งทำให้คนเป็นแม่รู้สึกไม่ดี “อีกนิดแล้วจ้ะ” ว่าแล้วก็เหยียบคันเร่งไปต่ออีก และในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง ทันทีที่จอดรถมัดไหมก็ลงจากรถทันที หัวใจของเธอเต้นโครมคราม รู้สึกผิดที่มารับลูกช้า สงสารลูกที่ต้องทนอยู่ที่นั่นหลายชั่วโมงมากกว่าที่ควรจะเป็น “คุณแม่!!” เสียงของลูกน้อยนั้นเป็นยาชูกำลังชั้นดี มัดไหมคุกเข่าลงพื้น อ้าแขนต้อนรับลูกสาวที่วิ่งเข้ามาหา โอบกอดรอบคอของคนเป็นแม่ไว้แน่น “แม่ขอโทษนะลูกนะ” กดปลายจมูกลงที่กระหม่อมบาง โอบกอดลูกน้อยราวกับว่าไม่ได้เจอกันมาแรมปีทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกันเมื่อเช้านี้ “โมจิเป็นยังบ้างคะ” เธอเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามพี่เลี้ยง ซึ่งอีกฝ่ายก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม แม้นว่านี่จะเลยเวลางานไปแล้วก็ตามแต่ ทว่าที่นี่เป็นสถานที่เลี้ยงเด็กราคาแพง แน่นอนว่าพี่เลี้ยงทุกคนถูกคัดมาเป็นอย่างดี “น่ารักค่ะ ไม่งอแงเลยวันนี้ พัฒนาการเร็วมาก พร้อมเข้าอนุบาลสุด ๆ” ได้ยินอย่างนั้นก็อดที่จะดีใจไม่ได้ ลูกฉลาดและพัฒนาการดีมาก คงเป็นเพราะดีเอ็นเอของพ่อเขา “หึ...” เธอหัวเราะเบา ๆ เมื่ออยู่ ๆ นึกแบบนี้ออกมา ไม่เคยลืมหรอกว่าใครเป็นพ่อของเจ้าตัวเล็ก แม้นเวลาจะล่วงเลยมาถึงสี่ปีแล้วก็ตามแต่ “โมจิ ไหว้พี่ส้มส้มเร็ว” “สวัสดีค่ะ หนูกลับแล้วนะคะ” โมจิพูดจาฉะฉาน แม้นบางคำจะมีตะกุกตะกักบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ “สวัสดีจ้า กลับดี ๆ นะ” “ขอบคุณนะคะ” มัดไหมว่าพร้อมกับจูงมือน้อย ๆ ของคนเป็นลูก กลับไปขึ้นรถยนต์อีโคคาร์สัญชาติญี่ปุ่น “วันนี้กินไรดีคะ คนเก่ง” “ไข่เจียว กรอบ ๆ” โมจิตอบคนเป็นแม่พร้อมกับค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองมารดาผ่านกระจกมองหลัง ด้วยความที่ต้องนั่งบนคาร์ซีต ซึ่งคำตอบของลูกสาวก็ทำให้เธอหลุดขำออกมาไม่ได้ การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและต้องทำงานไปด้วย เรื่องอาหารนั้นมันไม่ง่ายเลย เมนูไข่เจียวจึงเป็นเมนูที่เธอทำให้ลูกสาวกินประจำ ส่วนสารอาหารอื่น ๆ ก็มักจะซื้อมาทานจากข้างนอกได้ “งั้นเดี๋ยวแม่แวะซื้อกับข้าวเพิ่มละกลับไปทอดไข่เจียวให้หนูนะ” ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ พอเงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลังก็เห็นว่าลูกสาวหลับปุ๋ยไปแล้ว “หึ เหนื่อยล่ะสิ” ว่าด้วยรอยยิ้ม ลูกหลับง่าย กินง่าย ฉลาด แถมหน้าตาก็น่ารัก ใครเห็นเป็นเอ็นดู โมจิมีใบหน้าคล้ายกับเธอ แต่สีผิวของลูกนั้นได้พ่อมาเต็ม ๆ ตัวขาวมาก มากจนเห็นเลือดฝาด และผมสีดำสนิท แพขนตาสีดำ นัยน์ตาสีนิลดำเหมือนกับพ่อเขา แววตาของลูกสาวนั้นมีเสน่ห์ไม่ต่างจากคนเป็นพ่อ “เฮ้อ...” เธอถอนหายใจออกมาพลางส่ายหน้าเบา ๆ เวลาไม่ได้ทำให้ลืมเลือนเรื่องราวในอดีตได้ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวนี้ทำให้เธอจำฝังใจ กระนั้นมันก็ทิ้งความสวยงามไว้ในรูปแบบของลูกสาว ที่มาเป็นกำลังใจให้เธอดำเนินชีวิตต่อไปได้ ...มัดไหมจอดรถข้างถนน เธอเงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลังอีกครั้ง เห็นลูกสาวหลับปุ๋ยเลยไม่อยากปลุก เลื่อนสายตามองร้านอาหารไม่ไกลจากที่จอดรถ เลื่อนสายตามองลูกสาวอีกครั้ง “แป๊บเดียวไม่เป็นไรหรอกมั้ง” พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลงจากรถโดยที่ไม่ได้ปลุกลูกสาว คิดจะไปไม่กี่นาที ทว่าพอเดินไปแล้วกลับมีลูกค้าต่อแถวอยู่มากพอสมควร มัดไหมถอนหายใจออกมาเบา ๆ คงต้องกลับไปปลุกลูก ให้เด็กอยู่ในรถเพียงลำพังนั้นไม่ดี เธอรู้ ทว่าพอเดินไปเปิดประตูฝั่งที่ลูกสาวนั่งอยู่นั้น “โมจิ เดี๋ยวแม่จะไปซื้อของ หนูตื่นก่อนนะ ไปด้วยกัน” เพราะต้องต่อคิวนานเลยไม่อยากทิ้งลูกไว้บนรถ ทว่าเสียงของเธอนั้นไม่ได้ทำให้โมจิขยับตัวเสียด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ลูกสาวไม่ใช่คนที่ปลุกยาก “โมจิ!” มัดไหมหัวใจหล่นวูบ อยู่ ๆ ลูกก็ไม่ได้สติ มือไม้ของเธอสั่นเทา หญิงสาวพยายามตั้งสติยกนิ้วชี้ขึ้นอังจมูกลูกสาว ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อคนเป็นลูกนั้นยังหายใจอยู่ แต่ว่าทำไมถึงปลุกไม่ตื่นล่ะ “โมจิได้ยินแม่ไหม โมจิ!!” มีเหงื่อท่วมตัวคนเป็นลูก มัดไหมน้ำตาไหลพรากลูกสาวคงหมดสติไป มือไม้ของเธอสั่นเทาพลางเลื่อนขึ้นลูบหน้าผากของลูกสาว เลื่อนมือลงปลดสายรัดเข็มขัด ถอดเสื้อทางด้านบนของลูกออก ให้โมจิไม่อึดอัด “ฮึก อดทนนะลูกนะ” เธอไม่คิดที่จะโทรหารถพยาบาล เพราะตนขับรถไปเองถึงไวกว่า กว่ารถพยาบาลมาลูกสาวคงไม่รอด คิดได้อย่างนั้นเธอก็วิ่งอ้อมรถไปนั่งประจำฝั่งคนขับ โชคดีที่ตอนนี้ฝนหยุดตกมากแล้ว มัดไหมกดเปิดกระจกทุกบานของรถยนต์ เหยียบคันเร่งจนมิด เร่งเครื่องพาลูกสาวไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที แต่เป็นนาทีที่บีบหัวใจของเธอที่สุด “ช่วยด้วยค่ะ!!” พอลงจากรถยนต์ได้ เธอก็ตะโกนเสียงดังให้เวรเปลหน้าห้องฉุกเฉินมารับลูกสาว “ฮึก มีเด็กหมดสติค่ะ อึก น่าจะขาดอากาศหายใจ” “โอเคครับ คุณแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ตอนนี้ถึงมือหมอแล้ว” มีแพทย์ฉุกเฉินวิ่งออกมาด้วย มัดไหมร้องไห้ไปมองหน้าซีดเผือดของลูกสาวไปด้วย ซึ่งตอนนี้แพทย์กำลังจับชีพจรของเจ้าตัวเล็ก “ชีพจรอ่อนมาก” “ชะ ช่วยลูกฉันด้วยนะคะ ฮึก ได้โปรด” ยิ่งได้ยินเสียงของบุคลากรทางการแพทย์คุยกัน หัวใจของคนเป็นแม่ก็แทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ “ครับ เดี๋ยวคุณแม่รอข้างนอกก่อนนะครับ” เวรเปลพาลูกสาวของเธอเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน แต่พอเธอจะวิ่งตามไปด้วยแพทย์ฉุกเฉินก็ห้ามไว้เสียก่อน “อึก คุณหมอ ช่วยลูกสาวฉัน ฮึก ชะ ช่วยลูก” “ครับ ๆ ผมจะทำให้เต็มที่” มัดไหมแข้งขาอ่อนแรง ตัวของเธอนั้นสั่นเทาราวกับว่าเป็นลูกนกตกน้ำ ก่อนที่บานประตูห้องฉุกเฉินจะค่อย ๆ ปิดลง “ฮึก ฮือ~” ร่างบางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง ยกมือขึ้นกุมหน้าอก เธอเจ็บที่หน้าอกข้างซ้าย มันบีบหัวใจคนเป็นแม่เหลือเกิน ไม่กี่นาทีเท่านั้น เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นที่พลาดไป มัดไหมอดที่จะโทษตัวเองไม่ได้ แต่แล้ว “มัด...” อยู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะ เป็นเสียงที่เธอไม่ได้ยินมานานตลอดสี่ปีที่ผ่านมา เจ้าของใบหน้าสวยค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง เธอตกใจที่เห็นเขา... “ฐา...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD