พิษรักลวงหลอก
ตอนที่ 6 ถึงจะมีพันธะแต่หัวใจหมายปองอีกคนให้ทำยังไง
Part กันต์
ณ ผับของไอ้แซก ที่ผม ไอ้แซก ไอ้ภู รวมไปถึงเหล่าบรรดาเมียๆของพวกมันมาอยู่ที่นี่ด้วย ผมเหมือนคนโสดในกลุ่มที่ไม่เคยควงใครมา คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ตัวคนเดียวอย่างคนไร้พันธะ ที่มีพันธะแต่ผมไม่เคยคิดอยากจะมี
“ ไอ้สมิธมันจะมาอยู่กับเมียที่ไทยแล้วว่ะ ” ไอ้แซกเอ่ยขึ้น สมิธคือเพื่อนร่วมรุ่นวิศวะเก่าในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เป็นคนออสเตรเลียที่ได้ภรรยาเป็นคนไทย
“ จะมาเมื่อไหร่ว่ะ? ”
“ อาทิตย์หน้าว่ะ กูเจอมันเมื่อสองวันที่แล้ว มันกำลังจัดการเดินเรื่องอยู่ ”
“ คนรักเมียต้องตามเมียใช่ไหมละไมของพี่ ” เสียงของไอ้ภูที่เอ่ยออดอ้อนเมียไม่ไหว ไม่ว่านานแค่ไหน ลูกจะโตเท่ามัน มันก็ยังคลั่งรักละไมเมียเด็กของมันอยู่อย่างนั้น
“ พี่ภูอย่าพูดแบบนี้สิคะ สงสารพี่กันต์ คนโสดนะคะ ”
“ จริงด้วยละไม พี่กันต์โสดมาก โสดที่แค่เงายังหาไม่เจอ ” ปาลินเมียไอ้แซกเอ่ยแซวผมอีกคน
“ กำลังชมพี่อยู่ใช่ไหม ”
“ เปล่าค่ะ เหน็บ! ”
“ อ้าว ”
“ ฮ่าๆๆ ”
ผมมักจะเป็นคนที่ให้ทุกคนได้พูดถึงเรื่องผมอยู่เสมอ ทั้งเหน็บทั้งแซวได้ทุกวัน ก็อย่างว่าผมมีพันธะคู่หมั้น วีนัสผู้หญิงที่ครอบครัวอยากได้เป็นสะใภ้คลุมถุงชนให้ผม แต่ผมไม่ได้รู้สึกหรืออะไรกับวีนัส มีแต่วีนัสเองที่คอยจุกจิกตามรังควานชีวิตผม แต่ก็ทำได้แค่นั้นเพราะผมไม่เปิดโอกาสให้วีนัสเข้ามาในหัวใจได้
“ นี่กูถามจริงนะ ถ้าครอบครัวมึงให้มึงแต่งงานกับวีนัสขึ้นมาจริงๆ มึงจะทำไงว่ะ ” คำถามนี้ทุกคนคงสงสัยมานาน แม้ปฏิกิริยาของผมที่แสดงออกคือไม่อย่างเดียว แต่ถ้าเรื่องเกิดขึ้นมาจริงๆทุกคนคงสงสัย ไอ้กันต์คือตัวแทนหมู่บ้านถามผม
“ กูไม่แต่ง ”
“ หมายถึงถ้าเป็นวีนัสไม่แต่งใช่ไหมคะ ” ปาลินเอ่ยถามผม
“ ใช่ ”
“ มึงมีใครในใจใช่ไหมว่ะ? ”
“ ……………. ” ไอ้แซกทำผมที่ใจล่องลอยไม่มีจุดหมาย ทำให้ฉุกคิดถึงผู้หญิงชื่อไอรีนอีกครั้ง
“ ผู้หญิงที่ร้านอาหารที่มึงให้เอาขนมหวานไปให้คนนั้นใช่ไหมว่ะ ”
ผมคือคนเอาขนมหวานไปให้ไอรีนกับเพื่อน ผมเห็นท่าทางของไอรีนกำลังร้องไห้เศร้าสร้อยเสียใจ คิดว่าของหวานจะช่วยเยียวยาได้ แล้วมันก็ช่วยได้จริงๆ ไอรีนกินขนมหวานแล้วมีรอยยิ้มกับเพื่อนโปรยออกมาให้ผมเห็น
“ กูชอบไอรีน ” ผมเอ่ยออกมาอย่างไม่อายใคร ถึงจะมีพันธะแต่หัวใจหมายปองอีกคนให้ทำยังไง
“ ถ้าไม่ใช่อีนางวีเน่า ปาเชียร์พี่กันต์ค่ะ ”
“ สู้ๆนะคะ ไมก็เชียร์พี่กันต์อีกคนค่ะ ”
“ ว่าแต่คนที่พี่กันต์หมายถึง น้องผู้หญิงคนนั้นรึเปล่าคะ ”
“ ?? ” ผมหันไปมองตามที่ปาลินเมียไอ้แซกบอก สายตาผมเบิกกว้างเพ่งมอง
เมื่อผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่มุมอับด้านล่าง หันหลังให้กับเวทีคือไอรีน ผู้หญิงที่พบอยากพบเจอแต่ไม่มีโอกาสได้พบเจอกัน ตอนนี้ผมได้เจอแล้ว แต่ไอรีนไม่มองคนผ่านไปมา เอาแต่ก้มมองแก้วเหล้าราวกับไม่ได้มาสนุกสนานปลดปล่อย แต่มาดื่มเหล้าเพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น
ไอรีนนั่งอยู่คนเดียว มีผู้ชายเข้าไปขอชนแก้วแต่ไอรีนกลับไม่มีปฏิกิริยาจะเอ่ยตอบหรือมีท่าทีสนใจ ผมเพ่งมองไอรีนอยู่นาน จะพูดว่าผมรวบรวมความกล้าก็ได้ ใจเต้นแรงตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก
“ ไอ้กันต์ มึงจะไปไหนว่ะ ” ไอ้ภูจับแขนชะงักผมไว้ ที่จู่ๆผมก็ลุกจากเก้าอี้จะเดินออกจากห้อง
“ กูจะไปหาไอรีน ”
“ มึงแน่ใจแล้วใช่ไหมว่ะ ” ไอ้แซกเอ่ยถามผม ไม่ได้เชิงห้ามแต่เป็นการเอ่ยถามถึงการตัดสินใจของผม
“ ใจกู มันบอกให้ปล่อยไอรีนไปไม่ได้อีกแล้ว ”
ผับที่ใกล้เวลาปิด ผู้คนเริ่มทยอยออกไป กลุ่มเพื่อน กลุ่มคนมีแฟนก็โอบพากันออกไป คนโสดที่มาหาคนโสดในนี้คล้องคอ คล้องแขนจับคู่พากันออกไปตามที่นัดพบกันไว้ เป็นเรื่องราวธรรมดาของผู้คน one night stand คือเรื่องปกติของคนหนุ่มสาว แต่ไม่ใช่ผม และก็คงไม่ใช่ ‘ไอรีน’ เช่นกัน
“ พี่ขอนั่งด้วยได้ไหม? ”
“ ……….. ” ไอรีนละสายตาจากแก้วเหล้า หงายหน้ามามองผม จากสีหน้าคงกำลังครุ่นคิดว่าผมเป็นใคร หรือไม่ก็คนคุ้นหน้า ไอรีนไม่ตอบแต่หันไปมองแก้วเหล้าตามเดิม ผมถือวิสาสะนั่งข้างๆพร้อมเทเหล้าอีกแก้วเพื่อดื่มเป็นเพื่อน
“ ไม่สบายใจเหรอ? ”
“ ………….. ”
“ ผู้หญิงตัวคนเดียวที่มาผับแค่ดื่มเหล้า ไม่สนุกกับแสงสีดนตรีดังกระหึ่ม มักจะมีเรื่องเครียดไม่สบายใจนะ ”
“ พี่เป็นหมอดูเหรอ ” ประโยคแรกที่ตอบผม อย่างน้อยไอรีนก็ไม่ได้รังเกียจขับไล่ผม
“ ไม่อยากเป็นหมอดู พี่อยากเป็นเพื่อนไอรีนมากกว่า ”
“ …………. ”
“ ให้พี่นั่งเป็นเพื่อนไอรีนนะ ”
“ รู้จักชื่อรีนได้ยังไง ? ” ไอรีนคิ้วขมวดอย่างสงสัย ไอรีนจำผมไม่ได้จริงๆ แต่ผมว่าต้องมีคุ้นหน้ากันบ้าง
“ น้อยใจจัง จำพี่ไม่ได้เหรอ คนที่ไอรีนขโมยกอดหลบแฟนเก่ากับเพื่อน คนที่ไอรีนเดินชนที่ร้านอาหาร พี่ชื่อกันต์ คราวนี้จำพี่ได้รึยัง ”
“ ……………. ” จากคิ้วผูกโบว์ ตอนนี้ได้คลายลง ไอรีนคงจะคลับคล้ายคลับคลาหน้าผมและก็คงจะคิดออกแล้วด้วย
“ พี่ชื่อกันต์ อายุ 31 ปี พี่อยากรู้จักไอรีนนะ ”
“ ไอรีน 25 ”
“ เรามาชนแก้วทำความรู้จักกันดีกว่า ” ผมยื่นแก้วเหล้าไปแล้วไอรีนก็ยื่นแก้วเหล้าของตัวเองมาชนกับแก้วผม ถือว่าผมทำความรู้จักได้ขั้นนึงแล้ว
“ ผับใกล้จะปิดแล้ว ไอรีนมายังไง ขับไหวรึเปล่า ให้พี่ไปส่งไหม ”
“ พี่มีแฟนหรือมีเมียไหม? ” ไอรีนไม่สนคำถามของผม แต่เอ่ยถามประเด็นเรื่องนี้มา ทำผมแอบตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ผมคงยอมให้ผู้หญิงตรงหน้าหายไปจากชีวิตอีกไม่ได้ ผมต้องทำทุกอย่างแม้ต้องหลอกลวงกันตั้งแต่เริ่มแรกเลยก็ตาม
“ พี่ไม่มีแฟน พี่โสดคับ ” ไอรีนตั้งหน้าตั้งตาฟังคำตอบของผม ก่อนจะเผยรอยยิ้มจางๆออกมาปรากฏให้ผมเห็น ซึ่งมันหมายถึงการพอใจสินะ
“ อืม…รีนก็โสด ”
“ …………. ” ใจผมเต้นแรงมากที่ได้ยินแบบนี้ ผมดีใจได้ไหมที่ไอรีนยังไม่มีเจ้าของ
“ เมารึยัง กลับไหมไหมเนี่ย ”
“ ขอรีนกลับด้วยได้ไหม ? ”
“ !!! ” ผมตกใจมากที่ไอรีนเอ่ยแบบนี้ออกมา ผู้หญิงที่เอ่ยแบบนี้คือการยื่นข้อเสนอต้องการ one night stand นะ แต่สำหรับไอรีน ผมคิดว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น การเอ่ยแบบนี้ไอรีนกำลังมองผมคือที่สบายใจ
“ ไม่อยากกลับบ้านเหรอ? ”
“ …………. ” สายตาของไอรีนดูเศร้าลงทันทีจนผมสังเกตได้อย่างชัดเจน แววตาดูเศร้ามากเหมือนที่ผมได้เห็นตอนที่ร้านอาหาร
“ ถ้าบ้านคือที่ทุกข์ใจ ไปพักใจห้องพี่ได้นะ ”
“ …………. ” ไอรีนดูตกใจในคำตอบของผม แววตาแฝงถึงความดีใจมากล้น ผมเอื้อมมือไปจับมือไอรีน
“ ให้พี่เป็นที่สบายใจให้ไอรีนนะ ”
“ …………… ” ไอรีนไม่ตอบที่เผยรอยยิ้มจางๆออกมาพร้อมพยักหน้าให้ผมเบาๆ
ผมพาไอรีนมาที่คอนโดของผม ตลอดทางไอรีนไม่ได้นั่งเงียบมีการชวนผมคุยบ้าง ตอบคำถามของผมบ้าง ราวกับกำลังพยายามปลดปล่อยความรู้สึกแย่ๆภายในจิตใจอยู่ มาถึงห้องผมเป็นเจ้าของห้องที่ดี หยิบขวดน้ำดื่มต้อนรับให้ไอรีนตามสบายราวกับอยู่ห้องตัวเอง ผมที่ดื่มเหล้าชอบมาทานโจ๊กร้อนๆ ผมเสิร์ฟโจ๊กให้ไอรีนด้วย
“ โจ๊กช่วยแก้แฮงค์ได้นะ ”
“ ค่ะ ” ต่างคนต่างทานโจ๊ก พูดคุยกันสนุกๆถึงเรื่องราวทั่วไป ผมยกผลไม้มาปอกใส่จานให้ไอรีนทานเล่นด้วย
“ ทำไมพี่ถึงดีกับรีนจัง ”
“ เพราะพี่รอไอรีนอยู่มั้งคับ ”
“ ……………. ”