บทที่4
“เจ้าขาดเหลืออะไรก็บอกนางนะลูก” ทันทีที่ฟ่านเฉิงเฉิงเดินไปยังทิศทางเรือนนอนของตัวเองที่อยู่ร่วมกับหวงอิ่งจื่อ แม่สามีก็เร่งมาบอกสำทับสิ่งที่ควรกระทำในการอยู่ที่ตระกูลนี้กับแม่นางหลีซูเหยาในทันที
หวงอิ่งจื่อได้แต่ยืนนิ่ง แน่นอนว่าการต้อนรับแขกของสามีควรเป็นเรื่องของฮูหยินอย่างนาง เพียงแต่ปกตินางได้รับสิทธิขนาดนั้นเสียทีไหนกัน นางมีชีวิตดีกว่าสาวใช้ในจวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“พี่สาวพาข้าไปที่พักเถอะ”
หวงอิ่งจื่อเดินพาหลีซูเหยามุ่งไปยังเรือนอวี้ฟางด้วยใจที่เย็นเยือก
“ข้าลำบากมาพี่สาวคงไม่รังเกียจให้ข้าอยู่ร่วมเรือนกับท่านพี่เฉิงหรอกนะเจ้าคะ”
“ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก” คำตอบนั้นไม่ได้ตรงกับนางใจแม้แต่นิด แต่จะให้นางตอบว่าไม่พอใจงั้นหรือ นางทำได้หรือเปล่าเล่า
“ข้าก็แค่กังวลกลัวพี่สาวจะคิดมาก”
ไม่รู้ว่าหวงอิ่งจื่อคิดไปเองหรือเปล่าเหมือนว่าหญิงสาวแปลกหน้าอย่างหลีซูเหยาต้องการเน้นย้ำบางอย่างกับนาง แม้จะคิดเช่นนั้น แต่หากแท้จริงแล้วทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันมากกว่าคนรู้จักจริง ๆ นางก็คงจะทำอะไรไม่ได้ อย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่สะใภ้ที่ไม่ได้รับการต้อนรับ
“เจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนเสียนาน”
ยังไม่ทันจะเดินเข้าเรือนเสียงของชายหนุ่มที่หวงอิ่งจื่อไม่ได้คุ้นเคยนักก็ดังขึ้น
“ข้าไม่รู้ว่าท่าน...จะรอ” แม้จะอยากเรียกว่าท่านพี่เหมือนกับภรรยาผู้อื่นเรียกสามีตนแต่หวงอิ่งจื่อก็ไม่กล้า
“ต้องรอสิ ชุดข้าหนักขนาดนี้นึกว่าจะถอดเองได้หรือไร”
หวงอิ่งจื่อได้ฟังก็เร่งเดินเข้าไปถอดเกราะและชุดต่าง ๆ ออก แม้ว่านี่จะเป็นการเดินทางกลับมาเมืองหลวง แต่เพราะต้องการแสดงความยิ่งใหญ่ของกองทัพให้กับชาวบ้านได้รับรู้จะได้ไม่กังวล ชุดในตอนนี้ของชายหนุ่มจึงเหมือนกับตอนออกรบไม่ผิดเพี้ยน
“ข้าจะกลับมาเหนื่อย ๆ อยากอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนก็ไม่กล้าจะค้านท่านแม่ มีคนบอกว่าท่านแม่เฝ้าสวดมนต์ทั้งยังไปขอพรที่วัดบนเขาให้ข้าปลอดภัย หากคำขอของท่านแม่เป็นเพียงแค่ให้ข้ากินของที่ท่านเตรียมเอาไว้ให้ข้าก็ปฎิเสธไม่ได้”
หวงอิ่งจื่อไม่กล้าเอ่ยอะไร นางไม่รู้ว่าชายหนุ่มบอกเรื่องเหล่านี้กับนางทำไม อีกอย่างกับข้าวทั้งหมดบนโต๊ะนั่นก็เป็นนางที่ตระเตรียมเองคนเดียวทั้งหมด
“แต่ข้าจะกลับมาเรือน เจ้ามิรู้ข่าวก่อนเลยหรือ” คำต่อว่าของชายหนุ่มทำให้มือที่กำลังจะถอดชุดเกราะอันสุดท้ายออกสั่นน้อย ๆ
“ข้าไม่ค่อยว่างนักจึงไม่รู้ข่าวทางชายแดนเลย”
เสียงชายหนุ่นหัวเราะเย้ย “ดีนี่ สามีรบอยู่ที่ชายแดน แต่เจ้าบอกว่ายุ่งจนไม่อาจจะทำแม้แต่ตามข่าวที่นั่น ช่างเถอะข้าก็ไม่ได้หวังอะไรจากเจ้าอยู่แล้ว ถอดให้หมดสิ”
หวงอิ่งจื่อคิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะให้นางถอดเพียงแค่ชุดด้านนอกเท่านั้นแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่คิด และเพียงแค่ถอดชุดออกเรื่อย ๆ ร่องรอยบาดแผลก็ทำให้หวงอิ่งจื่อรู้ว่าเพราะเหตุใดอีกฝ่ายจึงต้องให้นางมาช่วยถอดชุด
“ช่วยข้าอาบน้ำด้วย”
เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่สามีภรรยาทำให้กันได้ไม่มีปัญหาหวงอิ่งจื่อจึงพยายามทำโดยไม่คิดอะไร แต่เพราะมัวแต่หลับหูหลับตาเมื่อเห็นร่างที่เปลือยเปล่าของสามีจึงทำให้ไปโดนแผลของอีกคนเข้าจนได้
“อึก นี่เจ้า เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้เช่นนั้นหรือ” หวงอิ่งจื่อทำอะไรไม่ถูก แม้ว่าจะแต่งงานกันแล้ว และอยู่ในฐานะของฮูหยินแต่ความเป็นจริงแล้วนางกับคนตรงหน้านั้นยังไม่เคยได้ร่วมหอกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่คงเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นทหารเรื่องเช่นนี้คงไม่ได้ทำให้คิดมากนัก ต่างกับนางซึ่งเป็นหญิงบริสุทธิ์
“เป็นเมียก็หัดทำหน้าที่เมียบ้าง” คำพูดของชายหนุ่มทำให้หวงอิ่งจื่อได้แต่พยักหน้ารับคำนั้น
แม้ก่อนหน้าจะเดินทางไปรบอีกฝ่ายจะเย็นชากับนางแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นหนักกว่าเก่า
“ข้าได้รับจดหมายจากท่านแม่ แต่ไม่เคยได้จากเจ้าแม้แต่ฉบับเดียว บอกหน่อยได้หรือไม่ว่าเพราะอะไร จริงอยู่ท่านลุงหวงฝากเจ้าเอาไว้ แต่หากเจ้าไม่พอใจ ข้าก็ไม่ได้รั้งนะ”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านพ่อมักจะย้ำเสมอว่าอย่าส่งข่าวไปชายแดนอย่างไม่มีเหตุผล” หวงอิ่งจื่อจำคำสอนของบิดาของนางได้ดีเสมอ แต่ไม่นึกว่านางจะโดนตำหนิเพราะเรื่องนี้
”นั่นเป็นเพราะท่านลุงหวงอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สูงนัก หากส่งข่าวบ่อย ๆ ก็จะถูกทำโทษ ทั้งยังอาจจะเป็นปัญหาเมื่อยามมีข่าวในค่ายทหารหลุดออกไปข้างนอก แต่ข้าเป็นถึงแม่ทัพแล้วเผื่อเจ้าจะไม่รู้”
หวงอิ่งจื่อเบิกตากว้าง นางไม่รู้แม้กระทั่งยศของสามีตน “มิน่า”
คำของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วหนัก
“มิน่าอะไร เจ้านี่มันน่าโมโหจริง ๆ ไปเตรียมชุดเถอะ” มือแกร่งของชายหนุ่มดึงผ้าที่ใช้ลูบเช็ดไปตามเนื้อตัวของตนมาจากหญิงสาวตรงหน้า และก็ต้องขมวดคิ้วกับมือที่สาก็ของภรรยา มือเล็กๆ นั่นสากกว่ามือเขาที่จับกระบี่เสียอีก และถึงจะอยากเอ่ยถามก็คิดว่าเจ้าตัวคงไม่มีทางบอกเขาเป็นแน่
และเพราะบาดแผลทำให้ฟ่านเฉิงเฉิงยังคงแต่งตัวเองได้ไม่สะดวกนัก ทุกอย่างจึงเป็นหน้าที่ของหวงอิ่งจื่อ
“เจ้าก็ไปอาบน้ำแล้วมาทายาให้ข้า หวังว่าจะไม่ต้องรอนานอีกนะ”
หวงอิ่งจื่อได้ฟังก็ถอนหายใจหนัก นางเคยอยากให้อีกฝ่ายกลับมาเร็ว ๆ แต่ยามนี้ คำพูดที่แปลกไปจากคราก่อนอีกทั้งการกระทำ นี่ใช่ฟ่านเฉิงเฉิงที่นางรู้จักหรือไม่นะ แต่นางก็พลันนึกขึ้นได้ว่าแท้จริงแล้วนางหาได้รู้จักตัวตนของสามีของตนเองเลยสักนิด แค่ร่วมหอหรือนอนเตียงเดียวกันก็ไม่เคย