บทที่3
“นี่คือหลีซูเหยานางเป็นสหายของข้า เจ้าก็จัดหาที่อยู่ให้นางด้วย เรือนอวี้ฟางก็แล้วกัน” หวงอิ่งจื่อมองคนตรงหน้าพลางกะพริบตาปริบ ๆ ไม่รู้จะรับคำหรือจะพูดว่าอย่างไรดี
แทนที่เขาจะถามว่านางเป็นอย่างไร หรือบอกเรื่องของตนเองที่ผ่านมาบ้าง กลับให้นางดูแลคนที่เพิ่งมาเสียอย่างนั้น ทุกการกระทำของฟ่านเฉิงเฉิงทำให้หวงอิ่งจื่อพูดไม่ออกแม้เพียงคำ
“เรือนอวี้ฟานงั้นหรือ” แม้จะเพิ่งเข้ามาอยู่ในตระกูลฟ่านได้เพียงแค่สองปี แต่ก็แทบไม่เคยได้ก้าวเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น เพราะท่านแม่บอกว่าฟ่านเฉิงเฉิงหวงแหนที่แห่งนั้นมากกว่าทุกที่ในจวน แม้จะสงสัยว่ามากยิ่งกว่าห้องนอนของตัวเองอีกหรือ แต่ก็ได้รับคำยืนยันจากท่านย่าจึงทำให้หวงอิ๋งจื่อไม่สงสัยอีกต่อไป แต่วันนี้
“แต่ว่าเรือนนั้น” หวงอิ่งจื่อกำลังจะเอ่ยถามสามี แต่ก็เป็นมารดาของเขาที่เร่งให้ฟ่านเฉิงเฉิงไปไหว้ป้ายบรรพบุรุษและบิดา
“หากเจ้าทำไม่ได้ก็ให้สาวใช้ทำ” คำพูดราวกับไม่ใส่ใจก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับสตรีที่มาใหม่ สตรีผู้นั้นเดินตามติดเข้าไปในเรือนชั้นในทำให้หวงอิ่งจื่อรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก
“ฮูหยินเล็ก ท่านได้ยินนายท่านสั่งแล้ว ไปช่วยกันจัดการสิเจ้าคะ” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟ่านเฉิงเฉิงกลับมาแล้วหรือไม่ สาวใช้ถึงได้พูดเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นบางทีการจัดการที่อยู่ให้สตรีที่มาใหม่คนนั้นอาจจะต้องเป็นนางคนเดียวที่ต้องทำทั้งหมด
“ฮูหยินเล็ก” อู่เฟยที่เพิ่งวิ่งมาจากเรือนด้านหลังรีบมาดูแลเจ้านายของตนเอง
“ฮูหยินเล็กเข้าไปต้อนรับนายท่านเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้ากับคนอื่นจะไปจัดการเอง”
สาวใช้คนอื่นครางหึในลำคอ
“เจ้าไม่ได้ยินหรืออย่างไรอู่เฟย นายท่านบอกให้เจ้านายเจ้าเป็นคนจัดการ เรื่องด้านในนั่นมีอะไรต้องให้นายเจ้าเข้าไปจัดการด้วยหรือ”
“ช่างเถอะอู่เฟย” หวงอิ่งจื่อไม่ต้องการต่อความยาว สาวใช้คนนี้เป็นคนสนิทของท่านแม่เถียงกับนางไป ทั้งนางและอู่เฟยที่แทบจะไม่ได้อยู่ข้างกายอู่เฟยจะบาดเจ็บและถูกลงโทษเสียเปล่า ๆ
และแม้ว่าเรื่องที่หน้าประตูใหญ่ตอนที่ฟ่านเฉิงเฉิงกลับมาจะทำให้หวงอิ่งจื่อรู้สึกว่าตนอยู่ผิดที่ผิดทางอยู่แล้ว แต่เหมือนว่าเหตุการณ์ตอนนี้จะทำให้นางรู้สึกเช่นนั้นมากกว่าเดิม
“มาแล้วก็นั่งสิหวงอิ๋งจื่อ” เป็นท่านย่าที่เอ่ยออกมา ยามนี้ ทั้งสองข้างของสามีด้านหนึ่งเป็นมารดาของฟ่านเฉิงเฉิง อีกด้านเป็นสตรีที่ชื่อว่าหลีซูเหยานั่งขนาบอยู่ หวงอิ่งจื่อนั่งลงระหว่างสตรีที่มาใหม่กับท่านย่า
ใช้เวลาสักพักกว่าหวงอิ่งจื่อจะดูสาวใช้จัดการเรือนที่พักของคนมาใหม่ แต่มันช้าขนาดทำให้ท่านแม่กับสตรีที่มาใหม่สนิทกันถึงเพียงนี้เลยหรือ
“ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าเจ้าคือเหยาเอ๋อร์” เสียงของแม่สามีทำให้คนมาใหม่อย่างหวงอิ่งจื่อมีสีหน้าสงสัย
“พี่สาวคงยังไม่รู้ ข้ากับท่านพี่เฉิงนั้นเคยรู้จักกันมาก่อน”
หวงอิ่งจื่อไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร
พี่สาวอย่างนั้นหรือ
สตรีผู้นี้เรียกนางเช่นนี้คงไม่ได้หมายความว่าจะเข้ามาเป็นภรรยาอีกคนจริง ๆ ใช่หรือไม่ แล้วคำว่าท่านพี่เฉิงนั่น นางไม่เคยกล้าเรียกฟ่านเฉิงเฉิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เช่นนั้นหรือ” ความรู้สึกราวกับเป็นคนนอกของตนทำให้อาหารตรงหน้ายิ่งดูไม่น่ากินเข้าไปใหญ่ แต่จะให้ลุกไปตอนนี้ก็คงจะทำไม่ได้
หวงอิ่งจื่อจำต้องทนอยู่กับบรรยากาศที่อึดอัดบนโต๊ะอาหาร แม่สามีพูดคุยกับทุกคนบนโต๊ะยกเว้นนาง ราวกับนางไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้
มิเท่านั้น
“เฉิงเอ๋อร์ลูก น้องลำบากขนาดนี้เจ้าก็รับนางมาดูแลไม่ดีหรือ ข้าเองก็ไม่เคยมีลูกสาว รับเจ้าเป็นลูกอีกคนจะมีปัญหาอะไรกัน” หวงอิ่งจื่อมองหลีซูเหยาที่ลุกขึ้นอย่างกะทันหันก่อนจะไปนั่งอยู่ข้าง ๆ กับแม่สามีพลางอิงซบไปที่ตักราวกับออดอ้อนด้วยความไม่เข้าใจและน้อยใจ นางไม่เคยได้รับความเอ็นดูแม้เพียงหางตาแลจากแม่ของสามีเลยสักครั้ง
หวงอิ่งจื่อมาอยู่ตั้งนานแต่แม่สามีไม่เคยพูดจาราวกับตอนรับ ดวงตาของหวงอิ่งจื่อสั่นไหวน้อย ๆ และมือขยับจากภาพของสตรีแปลกหน้าที่กำลังมีแม่สามีของนางลูบหลังลูบไหล่ก็เจอเข้ากับสายตาเย็นชาของสามีของตน
“เดี๋ยวเจ้าก็พานางไปที่เรือนพักด้วย” คำสั่งของฟ่านเฉิงเฉิงทำให้หวงอิ่งจื่อทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับคำสั่งนั่นก็เท่านั้น
“กลับไปนั่งที่เถอะลูก”
ลูก
เสียงของแม่สามีทำให้หวงอิ่งจื่อกำมือแน่น
“พี่สาวข้านั่งตรงนี้ท่านคงจะไม่คิดมากใช่หรือไม่” หวงอิ๋งจื่อทำได้แค่พยักหน้าตอบคำของหลีซูเหยาที่ทำท่าตกใจเมื่อเพิ่งจะสังเกตุว่านางนั้นนั่งคั่นระหว่างสามีภรรยา
“ไม่เป็นอะไรหรอก” เสียงหวานตอบกลับไปหวงอิ่งจื่อฝืนยิ้มแย้ม
“ก็ถูกแล้วเจ้าดูแลท่านแม่ก็นั่งกับท่านแม่ไปน่ะดีแล้ว” คำพูดของแม่สามีเหมือนจะเป็นการย้ำเตือนหน้าที่ที่หวงอิ่งจื่อต้องทำอีกครั้ง
“เจ้าค่ะ”
หลังจากกินอาหารเย็นกันเสร็จแล้วบุรุษหนุ่มเพียงคนเดียวบนโต๊ะก็เอ่ยบอกกับภรรยา เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยกับนางถึงเรื่องระหว่างเขาและอีกฝ่าย
”เสร็จแล้วรีบกลับมาที่เรือนด้วย”
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเขาเอ่ยเช่นนี้เพราะอะไร แต่หวงอิ่งจื่อก็ยกยิ้มน้อย ๆ และเร่งเดินไปส่งหลีซูเหยาที่เรือนอวี้ฟางชักสีหน้าทันทีที่ได้ยินคำนั้นเช่นเดียวกัน แต่คงไม่มีใครทันสังเกตุ