บทที่ 1.2
หวนคืน
จ้าวซิงอีหยุดม้าที่เชิงผาสูง สายลมคิมหันต์พัดผ่านเส้นผมยาวที่มัดรวบไว้ครึ่งหนึ่งพลันพลิ้วไหวไปตามแรงลม
“มองจากมุมนี้จะเห็นเมืองต้าโจวทั้งหมด”
เสียงทุ้มละมุนของหลี่มู่หรงดังขึ้น ก่อนที่เขาจะหยุดม้าลงที่ข้างๆ จ้าวซิงอี ดวงตากลมทอดสายตามองลงไปยังเบื้องล่าง ทั้งที่ต้าโจวงดงามถึงเพียงนี้ ในครั้งก่อนนางกลับไม่เคยมองเห็นเลยสักครั้ง ทุกพื้นที่ของสายตาของนางล้วนมองเพียงหลี่มู่เฉิน
“พี่รองท่านอยากรับตำแหน่งท่านอ๋องโจวต่อหรือไม่”
หลี่มู่หรงได้ยินคำถามจากสตรีข้างกายก็พลันขมวดคิ้วเข้ม สายตาคมมองใบหน้าด้านข้างของท่านหญิงต่างเมืองอย่างสงสัย ระคนหวาดระแวง หากแต่เมื่อนางหันมาสบสายตา ความจริงใจในแววตาของนางกลับทำให้ความสงสัยหวาดระแวงในใจของเขาจางหายไปจนหมดสิ้น
“ขอเพียงท่านยอมให้สัญญากับข้าหนึ่งข้อ ข้าสัญญาเป็นตายจะยืนเคียงข้างท่าน”
น้ำเสียงหนักแน่นที่เอ่ยออกมาอย่างมั่นคงทำให้หัวใจของท่านชายรองที่ควบคุมกองทัพหลวงแห่งต้าโจวหวั่นไหวสั่นคลอนอย่างที่ไม่เคยเป็น ก่อนจะรวบรวมสติเอ่ยถามนางกลับ
“ข้อสัญญาของน้องหญิงคือ”
“ชั่วชีวิตไม่ทรยศหักหลังข้าและต้าฉิน”
ไม่ทรยศหักหลังนางและต้าฉิน คำพูดประโยคนี้แม้ดูสามัญหากแต่ยามที่นางเอ่ยกลับคล้ายแบกหินก้อนใหญ่ไว้บนบ่า ดวงตากลมหม่นหมอง ราวกับเคยพบพานการทรยศหักหลังที่ยากจะยอมรับ
“หากท่านตกลงให้สัญญาต่อข้า ตัวข้าจ้าวซิงอีก็ยินดีสัญญาต่อท่าน ชั่วชีวิตจะไม่ทรยศหักหลังท่านและต้าโจวเช่นกัน”
“ได้!”
หลี่มู่หรงขานรับก่อนจะหมุนตัวหันหน้าไปยังหน้าผา แผ่นหลังกว้างเหยียดตรง สายตามั่นคงเงยขึ้นมองแผ่นฟ้าสีครามเบื้องหน้า ยกมือขวาขึ้นพร้อมกับเอ่ยเสียงดังก้อง
“แผ่นฟ้าเป็นพยาน แผ่นดินเป็นสักขี ข้าหลี่มู่หรงขอให้คำสัญญาต่อท่านหญิงจ้าวซิงอี...”
ยามที่เอ่ยถึงประโยคนี้สายตาคมก็หันมาสบแววตากลมที่ปวดร้าวของสตรีข้างกาย พร้อมกับเอ่ยเสียงหนักแน่น
“ชั่วชีวิตไม่ทรยศหักหลังต่อนางและต้าฉิน”
“ท่านชายระวัง!”
เสียงองครักษ์เอ่ยเตือนดังก้อง หางตาของจ้าวซิงอีเห็นลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งตรงมายังหลี่มู่หรง ฝ่าเท้าของนางพลันดีดตัวขึ้น กระโจนดึงร่างของเขาหลบวิถีธนูจนตกลงจากหลังม้าไปพร้อมกัน
“อารักขาท่านชาย ท่านหญิง!”
หลี่มู่หรงขยับตัวลุกขึ้นพร้อมกับดึงคนตัวเล็กที่ใช้ร่างกายของตนเองเป็นเกราะกำบังให้เขา ดวงตาคมเบิกตากว้างเมื่อพบว่าบนไหล่ขวาของนางมีลูกธนูปักอยู่ พร้อมกับตวัดตามองไปยังต้นวิถีธนูแล้วเอ่ยเสียงดุดัน
“ล่าตัวมาให้ได้! เป็นต้องเห็นคน! ตายต้องเห็นศพ!”
จ้าวซิงอีเอื้อมมือไปด้านหลังก่อนจะดึงลูกธนูออกอย่างเด็ดเดี่ยว หากแต่กลับสร้างความตื่นตระหนกให้บุรุษตรงหน้าจนเขาเอ่ยเสียงดุ
“เจ้าทำอะไรของเจ้า ผู้ใดให้ดึงลูกธนูออกเช่นนี้”
หลี่มู่หรงลุกขึ้นไปเปิดห่อผ้าข้างตัวม้าแล้วเดินกลับมาหานางอย่างเร่งรีบ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันในทันทีที่เห็นว่าในห่อผ้าของท่านชายรองแห่งต้าโจวนั้นคือเครื่องมือทำแผล
“ยามพาสตรีท่องเที่ยวบุรุษอื่นล้วนพกของมีค่าติดกาย ท่านเป็นบุรุษแบบใดกันจึงพกของพวกนี้ติดตัว”
หลี่มู่หรงไม่ตอบคำถามคนเจ็บ ใบหน้าเคร่งขรึมนั่งลงดึงตัวนางเข้าแนบอกแล้วใช้มีดสั้นตัดเสื้อบริเวณบาดแผลของจ้าวซิงอีใส่ยาและพันแผลห้ามเลือดอย่างชำนาญ
“คราวหลังอย่าทำเช่นนี้อีก”
หลี่มู่หรงมัดปมผ้าพันแผลพร้อมกับเอ่ยเสียงจริงจัง ท่าทางเช่นนี้ของเขาช่างแตกต่างจากภาพความทรงจำในอดีตของจ้าวซิงอีอย่างสิ้นเชิงริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอ่อนโยนเอ่ยเสียงหวานมั่นคง
“คำสัญญาของข้าเมื่อครู่ย่อมรวมถึงปกป้องท่านด้วย”
ดวงตาคมของหลี่มู่หรงพลันสั่นไหว ทว่าเพียงชั่วครู่ก็กลับมานิ่งสงบเช่นเดิม แขนแกร่งช้อนอุ้มคนเจ็บขึ้นนั่งบนหลังม้า แล้วตวัดตัวขึ้นนั่งซ้อนด้านหลังนาง
“ท่านหญิงจ้าว... จงจำคำของเจ้าในวันนี้ไว้ให้ดี”
................................................