ตอนที่ 1 เด็กฝึกงาน (2)

1701 Words
ตอนที่ 1 เด็กฝึกงาน (2) ขนิษฐาโดยสารลิฟต์ลงมาที่ชั้นสิบห้าที่เป็นออฟฟิศหลักของฝ่ายดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง หรือเรียกง่ายๆ ว่าฝ่ายการตลาด ซึ่งก็เลตไปราวๆ ห้านาทีได้ พอเดินมาถึงตรงโต๊ะประจำของตน ยังไม่ทันจะนั่งก็ถูกพี่ผู้หญิงในทีมการตลาดคนหนึ่งเรียกใช้งาน ให้เอาแฟ้มไปส่งให้เลขาฯ ที่ชั้นสิบเก้า สาวน้อยเดินกอดแฟ้มขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นดังกล่าว และพอมาถึงที่โต๊ะของเลขานุการหน้าห้องผู้บริหารคนใดก็ไม่อาจทราบได้ เพราะขนิษฐาไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้ตนมาที่หน้าห้องทำงานของใคร ได้แต่หันซ้ายแลขวามองหาคนที่เธอน่าจะสามารถส่งแฟ้มเอาไว้ได้ แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเลย และในจังหวะนั้นก็มีเสียงเอ่ยถามจากทางด้านหลัง “ติดต่ออะไรเอ่ย” ชายหนุ่มร่างสูงสง่าหน้าตาหล่อเหลาและท่าทางใจดีเอ่ยขึ้น ขนิษฐาหันขวับไปมอง ก่อนจะรีบยกมือไหว้เขาแม้ไม่รู้จักก็ตาม “หนูเอาแฟ้มมาส่งค่ะ” “แฟ้มอะไร” “แฟ้ม...พี่ที่ฝ่ายการตลาดให้เอามาค่ะ หนูไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร” พี่คนที่ไหว้วานให้เธอเอาแฟ้มมาส่งบอกเธอแค่นี้จริงๆ นะ...อ้ายเอาแฟ้มไปส่งให้พี่ที แค่เนี้ย และเธอก็ไม่กล้าเปิดดูด้วย “อ๋อ มา...เดี๋ยวพี่ถือไปเอง” สาวน้อยลังเลอยู่เพียงครู่ แต่อีกใจก็คิดว่าคนตรงหน้าคงรู้แหละว่าเป็นงานอะไร ไม่งั้นไม่อาสาช่วยอย่างงี้หรอกมั้ง คิดได้ดังนั้นเธอจึงยื่นแฟ้มให้เขา แล้วยกมือไหว้ “ขอบคุณมากค่า” จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปเพื่อจะลงลิฟต์ไปชั้นล่าง จึงไม่ได้เห็นว่าชายคนดังกล่าวเดินเข้าไปในห้องของรองประธานกรรมการ นายสหัสนัย โชคศิริเศรษฐกุล วันนี้ภารกิจของหมูน้อยไม่ได้ยุ่งวุ่นวายอะไรมากมาย พอเที่ยงปุ๊บเด็กฝึกงานอย่างเธอก็ได้รับอนุญาตจากพวกพี่ๆ ให้ไปหาข้าวหาปลากินได้ตามสบาย ขนิษฐาก็เลยเอ้อระเหยลงไปเดินหาของกินแถวๆ ร้านอาหารที่มีเรียงรายอยู่ไม่ไกลจากอาคารสำนักงาน พอกินเสร็จก็เดินลอยชายสบายใจดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย จนเดินมาถึงร้านกล้วยทอดเผือกทอดก็หยุดมองอย่างสนใจ ทีแรกตั้งใจว่าจะสั่งมาชิมสักหน่อย แต่เมื่อเห็นว่ามีลูกค้ารออยู่หลายคนและเผือกก็ยังทอดไม่สุก ก็เลยตัดใจคิดว่าเข้าออฟฟิศก่อนดีกว่า คิดแล้วก็ยกมือขึ้นดูนาฬิกา ปรากฏว่าอีกห้านาทีจะบ่ายโมง เห็นดังนั้นหมูน้อยก็แทบจะร้องเจี๊ยก! ใครจะไปคิดว่าเวลาพักผ่อนมันจะผ่านไปไวขนาดนี้ เช่นนั้นแล้วจึงรีบเผ่นกลับตึกเร็วไว “รอด้วยค่า รอหนูด้วยค่า” ขนิษฐาวิ่งหน้าตั้งเข้ามา และในจังหวะที่คิดว่าพลาดลิฟต์แล้วแน่ๆ ก็กลายเป็นว่าลิฟต์เปิดออกพอดี สาวน้อยยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งหน้าตั้งเข้าไปข้างในพร้อมส่งเสียงร่าเริง “ขอบคุณค่า” “ชั้นไหนเอ่ย” เสียงทุ้มของคนที่อยู่ในลิฟต์นั้นก็ตอบกลับมาทันควันเหมือนกัน คนตัวเล็กพยายามระงับอาการหอบเหนื่อยที่วิ่งมาแล้วรีบตอบ “ชั้นสิบห้าค่า ขอบคุณค่ะ” พูดจบก็เงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผู้ชายใจดี ก่อนที่ในวินาทีต่อมาจะตาโตขึ้นมานิดหนึ่ง เมื่อจำได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนเดียวกับที่เธอส่งแฟ้มให้เขาเมื่อเช้านี้ ก็เลยรีบยกมือไหว้แม้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครก็ตาม “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยกมือรับไหว้พร้อมแย้มยิ้มมุมปากนิดๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรขนิษฐาถึงรู้สึกได้ว่าอาการหอบเหนื่อยมันกลับมาอีกแล้ว ทั้งที่สถานการณ์ตอนนี้ก็แค่ขึ้นลิฟต์กับคนแปลกหน้าแท้ๆ แต่ทำไมหัวใจมันถึงได้เต้นรัวเร็วอย่างนี้นะ พอมายืนด้วยใกล้ๆ เห็นหน้าชัดๆ พี่เขาดูหล่อละมุนมากๆ เลย งื้อ... ในขณะที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยอยู่นั้น เสียงกังวานของเขาก็เอ่ยถามขึ้นมาอีก “ฝึกงานที่ฝ่ายการตลาดหรือครับ” “ใช่ค่า” “อ๋อ” เขารับคำสั้นๆ ก่อนจะหันกลับมามองเธอเต็มตา เมื่อขนิษฐาเอ่ยซักถามอย่างอัธยาศัยดี “พี่ทำงานที่นี่นานแล้วหรือคะ” “สักพัก” ชายหนุ่มตอบกลางๆ ด้วยว่าเขาเพิ่งกลับมาสานงานต่อหลังกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่ถึงปี เลยถือว่าไม่นานเท่าไร “อ๋อค่า หนูเพิ่งฝึกงานที่นี่ได้สามสี่วันเองค่ะ” “แล้วชอบมั้ยล่ะ” “ก็สนุกดีนะคะ แต่ยังทำอะไรไม่ค่อยเป็น แหะๆ” หมูน้อยลืมตัว เผลอหัวเราะแหะๆ ฮี่ๆ เหมือนตอนอยู่กับลุงเล็ก โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางต๊องๆ ที่แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาตินั้น ทำให้คนที่มีเรื่องว้าวุ่นใจรู้สึกผ่อนคลายเพราะขบขำและรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้แปลกดีจริงๆ และก่อนที่จะมีบทสนทนาประสาคนโดยสารลิฟต์ตัวเดียวกันต่อ ลิฟต์ก็เปิดออกถึงชั้นของขนิษฐาซะก่อน ก่อนจะก้าวออกไปหมูน้อยก็ยกมือไหว้คนใจดีและหน้าตาดีอีกรอบ จากนั้นก็เดินยิ้มแฉ่งออกไปพร้อมกับครุ่นคิด พี่คนนี้ใจดีจัง พูดจาก็ดี เหมือนเมื่อเช้าที่เอาแฟ้มไปส่งให้เราไม่มีผิดเลย ดูท่าว่าขนิษฐาจะแฮปปี้กับการฝึกงานที่นี่ไม่น้อย รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เจอแต่คนน่ารักๆ พอเดินมาถึงโต๊ะทำงานของตนก็เลยแจกจ่ายยิ้มให้กับทุกคนอย่างอารมณ์ดี ซึ่งพี่ๆ เกือบทุกคนก็ดูจะเอ็นดูเธออยู่ไม่น้อย แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ขนิษฐาไม่กล้าคุยด้วย คนคนนั้นเป็นผู้ชาย มาฝึกงานก่อนเธอได้ราวๆ สองสัปดาห์แล้ว เขาชื่อปรัตถกร หรือเป้ เป็นคนค่อนข้างเคร่งขรึม พูดน้อย แต่ก็ขยันไม่ใช่เล่น ดูเหมือนพี่ๆ แทบทุกคนในฝ่ายงานจะชอบเรียกใช้ให้ปรัตถกรไปทำนู่นทำนี่ให้เยอะมาก แถมตัวเขาเองก็เก่งด้านไอทีมากด้วย แล้วยังสามารถช่วยพวกพี่ๆ ดูแลเว็บไซต์ของบริษัทได้อีกต่างหาก ความจริงขนิษฐาอยากคุยด้วย อยากมีเพื่อน เพราะในฝ่ายนี้ก็มีแค่เธอกับปรัตถกรเท่านั้นที่เป็นเด็กฝึกงาน แต่ในเมื่อเขาดูท่าทางไม่ได้อยากรู้จักเธอสักเท่าไร ขนิษฐาก็เลยเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ทำหน้าที่ตามที่ได้รับคำสั่งไป และแล้วเธอก็ได้งานเพิ่ม เมื่อพี่แม็กกี้ที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายเรียกทีมงานสามคนไปคุยอะไรด้วยสักอย่าง ราวๆ สิบนาทีต่อมา หนึ่งในสามคนนั้นก็เดินมาหาขนิษฐา “อ้ายไปหาแฟ้มการตลาดมาให้พี่ที เอาห้าปีย้อนหลัง อยู่ในห้องเก็บของนะ ห้องเก็บของอยู่ชั้นสิบเก้าที่เราไปส่งแฟ้มเมื่อเช้านั่นแหละ” “ได้ค่ะ” รับคำสั่งแล้วขนิษฐาก็ขึ้นลิฟต์ตรงไปยังห้องเก็บของที่ว่านั่นทันที เธอพอรู้ว่าแฟ้มการตลาดที่พี่เขาต้องการหน้าตาเป็นยังไง เพราะวันแรกที่มาฝึกงานพี่เขาก็เอามากางให้ดูพร้อมทั้งออนเดอะจ๊อบเทรนนิ่ง (On the job training) คร่าวๆ ไปด้วยแล้ว เมื่อมาถึงก็รีบหาแฟ้มการตลาดที่ว่านั่นทันที สำหรับข้อมูลห้าปีย้อนหลังก็มีราวๆ ห้าแฟ้ม หาได้สี่แฟ้มแล้ว ส่วนแฟ้มอันล่าสุดดันไม่ได้ถูกจัดเรียงไว้ด้วยกัน หมูน้อยกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วจึงได้เห็นว่ามันอยู่ด้านบนสุดของชั้นวาง สาวน้อยที่สูงราวๆ หนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรพยายามยื้อจนสุดแขน เหลืออีกนิดจะหยิบได้ แต่ก็ไม่ได้สักที พยายามอยู่นาน และในจังหวะที่คิดว่าน่าจะต้องปีนขึ้นไปหยิบ ก็มีเสียงเอ่ยถามจากทางด้านหลัง “เอาอะไรครับ” “อุ๊ย...ขอโทษค่ะ” ขนิษฐายกมือไหว้พี่ชายใจดีอีกเป็นครั้งที่สาม ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาจ๊ะเอ๋กับเขาที่ห้องนี้อีก “เอาแฟ้มเหรอ” “ค่ะ” “มา พี่หยิบให้” ชายหนุ่มขยับเข้ามาจากที่เดิมทียืนอยู่หน้าห้อง “อันไหนครับ” “สีดำอันนั้นค่ะ” “นี่นะ...โอเค” เพราะความที่ตัวสูงเขาจึงไม่ต้องพยายามอะไรมากก็สามารถหยิบแฟ้มให้เธอได้อย่างง่ายดาย “ขอบคุณมากนะค้า” “หนูเอาแฟ้มการตลาดไปทำอะไร” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นแฟ้มชัดๆ “พี่ที่ฝ่ายการตลาดให้เอาไปให้ค่ะ” “อ๋อ...แล้วถือไปหมดหรือเปล่า” “ถือได้ค่า ไม่หนักค่ะ” ขนิษฐายิ้มแหยๆ ให้เขา ก่อนจะโค้งตัวหอบแฟ้มขึ้นเหมือนจะขออนุญาตเขาออกจากห้องกลายๆ “แล้วหนูบอกพี่แม็กซ์ขึ้นมาหาพี่ทีนะ มาตอนนี้เลย” “เอ่อ...ค่ะ” เมื่อเห็นว่าเธอทำหน้างงๆ เขาก็เลยพูดต่อ “บอกว่าพี่เรียวเชิญ ตอนนี้เลยนะ” “ค่ะ” เขาเดินออกไปสักพักแล้ว แต่ขนิษฐายังคงยืนอึ้งอยู่กับความอ่อนโยนที่เจือความไว้ตัวนั้น พี่เขาชื่อพี่เรียวเหรอ... และเมื่อขนิษฐาลงมาถึงชั้นที่สิบห้าและรายงานพี่แม็กกี้หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกว่าพี่แม็กซ์ “อะไรนะ! พี่เรียวให้พี่ไปพบเหรอ” “ค่ะ” ขนิษฐาเห็นผู้อำนวยการฝ่ายสาวสวยรีบหยิบเอกสารลวกๆ แล้วก็รุดไปขึ้นลิฟต์ทันที โดยที่เธอก็ได้แต่สงสัยว่าพี่คนนั้นที่ชื่อพี่เรียวคือใครกันแน่ มีอำนาจถึงขั้นเรียกพี่แม็กกี้ที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายไปพบได้แบบนี้เชียวหรือ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD