ตอนที่ 1 เด็กฝึกงาน (1)
เป็นเวลาสามวันมาแล้วที่ขนิษฐาได้ฝึกงานที่บริษัท ออร์แกนิก เฟรช ซึ่งเป็นบริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรรายใหญ่ของประเทศไทยแห่งนี้ ความจริงแล้วตอนที่เลือกที่ฝึกงาน ขนิษฐานั้นก็มองหาหลายๆ บริษัท แต่ไม่ได้คิดที่จะมาสมัครที่บริษัทแห่งนี้เลย เพราะอยากไปฝึกงานในองค์กรที่ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีมากกว่า
แต่บังเอิญว่าเพื่อนสนิทอย่างวันวิสาข์อยากมาฝึกงานที่นี่และมีเหตุให้ต้องฝึกงานที่บริษัทของพ่อ กรรมเลยมาตกที่ขนิษฐา เพราะวันวิสาข์ขอร้องและอ้อนวอนว่าเพื่อนจ๋ามาฝึกงานที่นี่แทนเค้าทีเถอะ นะๆ พลีสๆ อะไรประมาณนี้ สุดท้ายขนิษฐาก็เลยจัดการยื่นเรื่องต่างๆ นานา แล้วก็ได้มาฝึกงานที่นี่แทนเพื่อนที่อยากมาแต่ไม่ได้มานั่นเอง
หน้าที่ความรับผิดชอบหลักๆ ก็ยังไม่มีอะไรมาก ด้วยว่าเพิ่งมาเริ่มฝึกได้แค่สามวัน งานที่ได้รับมอบหมายส่วนใหญ่จึงเป็นการถ่ายเอกสาร เอาแฟ้มงานไปส่ง ไปรับกาแฟ ไปสั่งขนมเบรก หรือไปคอยเสิร์ฟน้ำให้พี่ๆ ที่เข้าประชุมมากกว่า หรือไม่ก็ไปช่วยพี่ๆ หน่วยธุรการจดรายงานการประชุมและแจกเอกสาร
และวันนี้ก็เป็นวันที่สี่ของการฝึกงาน โชคไม่ดีที่เช้านี้สาวน้อยออกจากบ้านช้ากว่าทุกทีจึงเจอรถติด เมื่อมาถึงที่ออฟฟิศแล้วก็เลยค่อนข้างกระหืดกระหอบนิดๆ ยังโชคดีอยู่บ้างที่ยังเหลือเวลาอีกสิบห้านาทีก่อนจะถึงเวลาเริ่มงาน
ขนิษฐาเข้าไปในลิฟต์ได้ก็รีบกดชั้นที่ต้องการ แต่ก่อนจะกดปุ่มปิดก็มีเสียงขอร้องดังแว่วมาเสียก่อน
“รอด้วยค่า”
ขนิษฐาไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ สาวน้อยรีบกดปุ่มเปิดลิฟต์เพื่อให้คนมาใหม่เดินเข้ามาข้างในได้สะดวก
คนที่เดินเข้ามาในลิฟต์นั้นตัวเล็กบอบบาง อายุราวๆ วัยกลางคน แต่ยังดูสวย หน้าตาท่าทางก็ดูใจดี ดูยังไงก็อาวุโสกว่าขนิษฐาแน่นอน
และในจังหวะที่ผู้อาวุโสกว่าหันมาส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ขนิษฐาก็คิดเองว่าถ้าไม่ใช่ผู้บริหารคนหนึ่งของที่นี่ก็น่าจะเป็นลูกค้าของบริษัทหรือเปล่า จึงยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ” หญิงสาวผู้แก่กว่าพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนจะเอ่ยต่ออีก
“รบกวนกดชั้น...ค่ะ”
ขนิษฐารับคำเสียงเบาก่อนจะกดชั้นดังกล่าว ได้ยินคำขอบคุณเบาๆ จากอีกฝ่าย เลยหันกลับไปยิ้มให้ และตอนนั้นเองที่ได้พิจารณาอย่างจริงจัง ถึงได้เห็นว่าคนร่วมโดยสารลิฟต์ถือข้าวของพะรุงพะรังเลยทีเดียว จึงเอ่ยถามอย่างเกรงๆ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่โอเค แต่ความตั้งใจของสาวน้อยคืออยากช่วยจริงๆ
“หนูช่วยถือไหมคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจหนู เดี๋ยวป้าถือเอง”
“ไม่เป็นไรค่า หนูช่วยได้จริงๆ นะคะ”
เมื่อธมนเห็นว่าอีกฝ่ายคะยั้นคะยออย่างมีน้ำใจแบบนั้น ก็เลยยื่นถุงกระดาษให้ขนิษฐาช่วยถือสองถุง พร้อมกับชวนคุย
“หนูฝึกงานที่นี่หรือคะลูก” ถามออกไปแบบนั้นเพราะเห็นการแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักศึกษา
“ใช่ค่า”
“อยู่ฝ่ายไหนจ๊ะ มาฝึกนานหรือยัง ทำไมไม่เคยเห็นหน้า”
แม้จะสงสัยว่าหญิงวัยกลางคนที่ดูใจดีท่านนี้เป็นใคร แต่ด้วยคำถามที่ถามออกมานั้นก็ธรรมดาไม่ได้เป็นความลับอะไร ขนิษฐาเลยเล่าออกไปจ้อยๆ
“อยู่ฝ่ายดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งค่ะ”
“อ๋อ ตรงฝ่ายการตลาดนี่เอง”
“ใช่ค่า เพิ่งมาทำได้สามวันนี่เองค่ะ ยังงงๆ อยู่” ท้ายประโยคอ้อมแอ้มเล่าอย่างเขินๆ
“เรียนการตลาดเหรอคะ”
“ใช่ค่า”
ธมนยิ้มอย่างเอ็นดู และเมื่อเห็นว่าถึงชั้นที่สิบห้าของฝ่ายดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งแต่สาวน้อยแสนจ้ำม่ำน่ารักยังไม่ออกไป จึงเอ่ยเตือน
“ถึงชั้นหนูแล้วนี่จ๊ะ มา เดี๋ยวป้าถือเอง”
“ไม่เป็นไรค่า เดี๋ยวหนูช่วยถือไปส่งก่อนได้ค่ะ”
“อ้อ ขอบใจจ้ะ”
สองสาวต่างวัยโดยสารลิฟต์มาด้วยกัน จนมาถึงชั้นที่ยี่สิบซึ่งเป็นที่ทำงานของผู้บริหารระดับสูงอย่างประธานกรรมการบริหารและผู้บริหารคนอื่นๆ
เดินออกจากลิฟต์มาราวๆ สิบก้าวก็ถึงห้องทำงานของประธานกรรมการที่มีป้ายชื่อกำกับหราหน้าห้อง และนั่นก็ทำให้ขนิษฐาได้รู้ว่าคนที่เธอช่วยถือของมาส่งให้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ คงเป็นคนสำคัญของท่านประธานแน่ๆ
“ขอบคุณหนูมากนะจ๊ะที่ช่วยถือมาส่ง หนูชื่ออะไรคะ”
“น้องอ้าย เอ่อ อุ้ยอ้ายค่ะ”
“ชื่อน่ารักจัง คนก็น่ารัก” ธมนยิ้มอย่างถูกใจสาวน้อยตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ” คนถูกชมยิ้มแฉ่งอย่างไม่ปิดบังความดีใจที่ถูกชมซึ่งๆ หน้าแบบนั้น
และในจังหวะเดียวกันนั้นประตูก็เปิดออก พร้อมกับร่างสูงของใครบางคนก้าวเข้ามา
ชายวัยกลางคนที่ยังดูหล่อเหลาขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อเห็นว่ามีเด็กน้อยในชุดนักศึกษายืนอยู่กับภรรยาในห้องทำงานของเขาด้วย
“พี่ริวคะ”
“จ้ะ”
“น้องช่วยถือของมาส่งค่ะ น่ารักมากเลย”
“อ๋อ” สหัสวัตพยักหน้ารับรู้พลางยิ้มให้สาวน้อยที่หน้าตาน่ารักอย่างอ่อนโยน
ขนิษฐารีบยกมือไหว้ผู้ชายที่ยืนอย่างสง่าอยู่ตรงหน้าข้างๆ คุณป้าใจดีทันที และเขาก็ยกมือรับไหว้พร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้อีกรอบ
“ขอบคุณมากนะ” สหัสวัตเอ่ย
“ไม่เป็นไรค่า หนูขออนุญาตลงไปข้างล่างก่อนนะคะ”
“จ้ะ ไว้ป้าลงไปเยี่ยมที่ชั้นสิบห้านะ” ธมนเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง ด้วยรู้สึกชอบสาวน้อยคนนี้จริงๆ อยากได้มาเป็นลูกสาวเลยล่ะ
สองสามีภรรยายกมือรับไหว้ขนิษฐาอีกรอบ ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้กันเมื่ออยู่ในห้องกันตามลำพังแล้ว...