ตอนที่ 8 ความจริง

1306 Words
“งั้นก็ตามใจฉันตั้งแต่ตอนนี้เลยละกัน ฉันอยากจนไอ้นี่มันแข็งไปหมดแล้ว” คริสบดเบียดแก่นกายที่แข็งตัวอย่างเต็มที่ ไปยังหน้าขาของเจ้าหล่อน มือข้างหนึ่งก็ถลกเสื้อขึ้นอย่างช้า ๆ ราวกับต้องการเอาชนะเธอให้ได้ “นี่มันระเบียงบ้าน คุณจะทำที่นี่ไม่ได้นะ ไม่อายลูกน้องคุณบ้างเลยรึไงกัน หน้าด้านหน้าทน” ชญานีต่อว่าเขาอย่างเบาเสียง มองไปรอบตัวด้วยกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า ดวงหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อถูกจ้องมองปานจะกลืนกิน “ทำไมต้องอายนี่มันบ้านฉัน” เขาไม่ฟังโน้มบหน้าลงมาประกบจูบ ตรึงข้อมือไว้เหนือศีรษะ ตักตวงลมหายใจเธออย่างบ้าคลั่ง ส่งปลายลิ้นเข้าไปชอนไชกวาดต้อนความหวานอย่างหื่นกระหาย “อื้อ...” เมื่อได้กลิ่นกายอันหอมเป็นเอกลักษณ์ คริสก็ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ทั้งที่ตอนแรกว่าจะแค่แกล้งให้กลัวเท่านั้น กำลังจะรูดซิปกางเกงเพื่องัดเอาท่อนเนื้อใหญ่ออกมา แต่ทว่ากลับต้องสะดุดเพราะคำกล่าวของเจ้าหล่อน “ฉันกำลังเป็นประจำเดือน ช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งจะได้ไหม” “ฉันไม่เชื่อ เมื่อคืนนี้เรายังมีอะไรกันอยู่เลย” ตอนนี้อะไรก็ฉุดความต้องการของเขาไม่อยู่แล้ว จึงตัดสินใจปลดตะขอกางเกงชญานี เพื่อจะดูว่าเธอมีรอบเดือนจริงหรือไม่ “คุณมันบ้าไปแล้ว เรื่องแบบนี้ใครเขาจะโกหกกันเนี่ย ฉันเริ่มจะทนคุณไม่ไหวแล้วนะ ฮือ...” ชญานีทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อายใคร นั่นทำให้คริสชะงักงันถอนมือกลับมา ยอมปล่อยให้สาวเจ้าเป็นอิสระ ยืนเท้าสะเอวมองอย่างไม่สบอารมณ์ “จะร้องไห้อีกนานไหม ทำเอาซะหมดอารมณ์เลย แกล้งทำป่ะเนี่ย” “ใครจะแกล้งร้องไห้อย่างนี้ล่ะ ฮือ ก็ฉันบอกว่ามีประจำเดือนคุณก็ไม่เชื่อ จะเอาอย่างเดียวเลยอ่ะ” ชญานีร้องไห้งอแงราวกับเด็กน้อย ยิ่งเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นเรื่อย ๆ ดูซิว่าคนอย่างคริสจะอายเป็นไหม “จะหยุดไม่หยุด” “ฉันไม่หยุด ในเมื่อทำดีแล้วไม่ได้ดี ก็ไม่รู้จะทำดีต่อไปทำไม ฮือ” “ก็บอกให้เงียบไง คนได้ยินกันทั้งบ้านแล้ว” “ก็ได้ยินไปสิ คนจะได้รู้ว่าคุณน่ะชอบรังแกผู้หญิงแค่ไหน” “ถ้างั้นก็นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ ฉันขึ้นไปทำงานล่ะ” คริสส่ายหน้า ถอนหายใจอย่างรำคาญ ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปในบ้าน ชญานียังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น จนเห็นว่าเขาเข้าไปในบ้านแล้วจึงหยุดร้องไห้ ปาดน้ำตาออกจากแก้มขาว ฉีกยิ้มอย่างพอใจ “คนอย่างคุณมันต้องเจอไม้นี้ ไม่เชื่อหรอกว่าจะอายไม่เป็น” กล่าวนินทาลับหลังแล้วชญานีก็รีบเดินเข้าครัว เพื่อนำบัวลอยไข่หวานไปให้พิมพ์ผกา .......... เดินมาถึงแล้วเธอก็เข้าไปหาพิมพ์ผกาในห้องนั่งเล่น และพบว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังนั่งถักนิตติ้งอยู่เพียงลำพัง เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินเข้าไปหา “สวัสดีค่ะป้าพิมพ์” “อ้าว! หนูนี มาได้ยังไงเนี่ย” “หนูแอบหนีมาค่ะ วันนี้ทำบัวลอยไข่หวานเลยเอามาฝาก กว่าจะหาทางมาได้ทำเอาซะหมดน้ำตาไปเป็นถังเลย” “ขอบใจหนูมากนะ น่าทานเชียว แล้วนี่เอาวัตถุดิบมาจากไหนล่ะเนี่ย” “พอดีหนูเห็นอยู่ในครัวเลยทำมาเอาใจคุณคริสน่ะค่ะ” “สงสัยฉันเองนั่นล่ะที่ซื้อไว้แล้วคงลืม พอดีช่วงหลัง ๆ ย้ายมาอยู่ฝั่งนี้ เลยไม่ได้ไปยุ่มย่ามในครัวโน้นสักเท่าไหร่” พูดถึงเรื่องนี้แล้วพิมพ์ผกาก็รู้สึกน้อยใจ ที่ลูกชายทำราวกับเธอเป็นคนอื่นอย่างนี้ “หนูว่าป้าพิมพ์ลองทานดีกว่าไหมคะ” เจ้าหล่อนรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะเห็นสีหน้าพิมพ์ผกาไม่ค่อยดีนัก “โอเคจ้ะ ฉันไม่นึกเลยว่าหนูจะทำเมนูอย่างนี้เป็น” “พอดีก่อนที่หนูจะเปิดร้านขายเครื่องประดับ เคยทำงานในร้านอาหารไทยมาก่อนค่ะ เลยทำเป็นเกือบหมดทุกอย่าง” “อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง” ว่าแล้วก็ลงมือรับประทานของหวานที่ชญานีนำมาฝาก เมื่อลิ้นสัมผัสรสชาติพิมพ์ผกาก็พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง พยักหน้าให้คนที่รังสรรค์เมนู “หืม อร่อยมากเลยจ้ะหนูนี” “จริงเหรอคะ” “ฉันจะโกหกหนูทำไมล่ะ อร่อยมากจริง ๆ ทานแล้วคิดถึงรสชาติดั้งเดิมที่เมืองไทยเลยล่ะ” “ขอบคุณนะคะที่ชมหนู ไม่เหมือนสองคนนั้น” “คริสกับเอเดนน่ะเหรอ” “ค่ะ” “ก็สองคนนั้นยังมีอคติกับหนูอยู่ไง ถึงไม่ให้กำลังใจอย่างนั้น ไม่ว่าใครจะมองยังไงแต่ป้าดูคนออก ว่าคนอย่างหนูไม่มีทางฆ่าใครได้ลงคอหรอก” “ขอบคุณค่ะป้าพิมพ์ ป้าพิมพ์คะหนูว่าจะขอใช้โทรศัพท์อีกจะได้ไหม” “ได้สิจ๊ะ งั้นฉันนั่งทานรอละกันนะ” “ขอบคุณมากค่ะป้า” หลังจากนั้นชญานีก็เดินไปโทรศัพท์หาเพื่อน เพื่ออธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เสร็จแล้วก็เดินกลับมาหาพิมพ์ผกา ที่ตอนนี้ได้รับประทานบัวลอยไข่หวานจนเกลี้ยงถ้วยแล้ว “เสร็จแล้วเหรอจ๊ะ” “เสร็จแล้วค่ะป้า หนูโทรไปบอกเพื่อนว่าสบายดีมันจะได้สบายใจ หนูเองก็จะได้ไม่ต้องเป็นกังวล” “ฉันขอโทษแทนลูกชายด้วยนะจ๊ะ ที่ทำนิสัยแย่ ๆ อย่างนี้กับหนู ฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว คริสเป็นคนยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ก็เหมือนที่ห้ามไม่ให้เข้าสู่วงการมาเฟียเหมือนพ่อ แต่คริสก็ทำมันและทำได้ดีจนกลัวว่าสักวัน ลูกชายฉันจะมีจุดจบเหมือนอย่างพวกมาเฟียที่เคยเห็น” พิมพ์ผกาเล่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ราวกับแบกความทุกข์นี้ไว้เป็นเวลานานแล้ว “หนูยอมรับว่าโกรธคุณคริสมาก แต่ความโกรธนั้นมันลดลงได้ก็เพราะป้าพิมพ์ ป้าเป็นคนดีขนาดนี้ หนูเชื่อว่าป้าคงจะสอนคุณคริสมาอย่างดีเช่นกัน แต่อะไรที่ทำให้เขาไม่ลงรอยกับป้าล่ะคะ พอจะเล่าให้หนูฟังได้ไหม” พิมพ์ผกาทำหน้าเหมือนหนักใจเล็กน้อย นั่นทำให้ชญานีคิดว่าตัวเองเสียมารยาท ที่ไปถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอย่างนี้ “หนูขอโทษที่ทำให้ป้าพิมพ์ต้องหนักใจ ถือซะว่าหนูไม่ได้ถามเรื่องนี้ละกันนะคะ” ชญานียกมือไหว้ “ป้าไม่ได้หนักใจเลยจ้ะ เพียงแต่ป้าไม่อยากพูดถึงมันอีกแล้ว เพราะนึกถึงทีไรป้าก็รู้สึกเจ็บ เจ็บที่เป็นต้นเหตุให้ลูกชายต้องเป็นอย่างนี้” “อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิคะ บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ป้าคิดก็ได้นะคะ” “ฉันจะบอกหนูถึงสาเหตุที่คริสเกลียดขี้หน้าฉันขนาดนี้ นั่นเพราะฉันเป็นคนฆ่าพ่อของแกไงล่ะ ฉันเป็นคนฆ่าสามีตัวเอง แล้วมันก็เป็นตราบาปมาจนถึงทุกวันนี้” ได้ยินอย่างนั้นชญานีก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก กำลังดึงสติว่าสิ่งที่ได้ยินมานั้นมันคือเรื่องจริงงั้นหรือ มิน่าล่ะความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่นี้ถึงได้ดูแย่มาก ตอนนี้เธอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องโผเข้ากอดเพื่อปลอบใจพิมพ์ผกา ที่กำลังร้องไห้อย่างหนักหน่วง เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เจ็บปวดในอดีตอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD