“ทำไมนายท่านถึงไว้ใจเธอขนาดนั้นครับ บางทีเธออาจจะเล่นละครตบตาเราอยู่ก็เป็นได้”
“ฉันอยากลองดูว่าเธอจะมีพิษสงอะไรบ้าง จับตาดูไว้ให้ดีอย่าให้คลาดสายตานะ”
“ครับเจ้านาย”
ทั้งสองคุยกันอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านในยามเช้าของวันใหม่ หลังจากคุยเรื่องงานเสร็จแล้วจึงสนทนาเรื่องวกกลับเข้ามาเรื่องของชญานี เอเดนเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้านายจึงรู้สึกเป็นกังวล แต่ทว่าถึงอย่างไรก็จะไม่มีทางให้มันเกิดอะไรขึ้นเด็ดขาด
กำลังจะเดินออกไปแต่ทว่าคนที่เพิ่งถูกนินทาก็เดินเข้ามาพอดี เธอถือถาดอะไรบางอย่างเข้ามาด้วย ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต่างก็ฉงนในใจ
“อย่าเพิ่งไปค่ะ มาทานบัวลอยไข่หวานด้วยกันก่อนสิคุณเอเดน”
เอเดนทำหน้างง หันไปมองผู้เป็นเจ้านาย คริสพยักหน้าอนุญาตให้ลูกน้องอยู่ที่นี่ด้วยกัน
“ทำอะไรมาให้พวกฉันกินนะ” คริสถามย้ำอีกครั้งเพราะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
“บัวลอยไข่หวานค่ะ เป็นขนมหวานไทยที่ขึ้นชื่อมาก ๆ ฉันคิดว่าพวกคุณน่าจะเคยทานมาก่อนนะ แต่ฝีมือฉันอร่อยที่สุดในโลกเลยค่ะ” เธอกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เดินถือถาดเข้ามาวางที่โต๊ะกระจกตรงหน้าคริส
“ฉันไม่เคยกิน” เขาตอบหน้านิ่ง มองเธออย่างไม่ไว้ใจ
“ลองดูนะคะ อร่อยแน่นอน นี่ค่ะ” เธอยกมันออกมาวางไว้ตรงหน้าคริสถ้วยหนึ่ง และไว้ตรงหน้าเอเดนถ้วยหนึ่ง แล้วยืนรอชมผลงานตัวเอง
“จะเชื่อใจได้ไหมเนี่ย ใส่ยาพิษหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ถ้าทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าฉันฆ่าตัวเองไปด้วย ไม่มีทางคิดสั้นอย่างนั้นหรอกน่า”
“ฉันไม่มีทางไว้ใจเธอ ต้องกินให้ฉันดูก่อน”
“ได้เลย” เธอเดินเข้ามาแล้วหยิบช้อนตักขนมหวานในถ้วยขึ้นมารับประทาน กลืนลงคออย่างเอร็ดอร่อย
“ของเอเดนด้วย” คริสออกคำสั่งต่อ
“อื้ม”
ชญานีรับประทานบัวลอยไข่หวานในถ้วยของเอเดน ก่อนจะยืนยิ้มให้คนทั้งสองด้วยท่าทีเป็นมิตร
“ทานสิคะ”
“ถ้ากินเข้าไปแล้วฉันท้องเสียหรือเป็นอะไรขึ้นมาเธอต้องรับผิดชอบ”
“เดี๋ยวผมทานก่อนดีกว่าครับเจ้านาย” เอเดนหยิบถ้วยของหวานขึ้นมาอย่างคลางแคลงใจ แต่ก็หยิบช้อนตักเข้าไปในปากแต่โดยดี เมื่อลิ้นสัมผัสรสชาติของหวานที่เข้าไปในปากแล้ว เอเดนถึงกับเบิกตาด้วยความประหลาดใจ เพราะรสชาติมันอร่อยกว่าที่คิดไว้เสียอีก ตักขึ้นมาทานช้อนแล้วช้อนเล่าจนเกลี้ยง
“เป็นไงบ้างคะคุณเอเดน”
“ก็...พอใช้ได้นะ” เจ้าตัวอยากจะชมแต่ก็กลัวว่าหญิงสาวจะได้ใจ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วนายก็ไปทำงานต่อเถอะเอเดน”
“ครับเจ้านาย” เอเดนลุกขึ้นจากโซฟาแล้วโค้งคำนับผู้เป็นเจ้านาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองชญานี “ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าชอบเอาไว้วันหลังฉันจะทำให้ทานใหม่นะคะ”
อีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินออกไปจากตรงนั้น ชญานีจึงหันไปสนใจคริส พบว่าตอนนี้เขากำลังจ้องหน้าเธอราวกับต้องการจะออกคำสั่งอะไรบางอย่าง
“มีอะไรงั้นเหรอคะ”
“เปล่า เดินเข้ามานั่งข้างฉันสิ”
ได้ยินอย่างนั้นชญานีก็ไม่ไว้ใจทันที คิดว่าสิ่งที่อยู่ในหัวเขาคงไม่พ้นเรื่องใต้สะดืออย่างแน่นอน แต่ก็ต้องยิ้มใจดีสู้เสือเข้าไว้ เดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ตามคำสั่ง
หมับ!
แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิด อีกฝ่ายคว้าหมับเข้าที่เอว ดึงเธอเข้าไปใกล้จนแทบไม่มีช่องว่างเหลือ ดวงหน้าหล่อหันมา จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยราวกับต้องการล้วงความลับที่ซ่อนเอาไว้
“เก่งเนอะเรื่องการแสดงเนี่ย”
“ฉันไม่ได้แสดงอะไรเลยนะคะ นี่ล่ะคือตัวตนที่แท้จริงของฉัน”
“เหรอ ถ้างั้นต้องทำให้ตลอดรอดฝั่งนะ อยากรู้ว่าจะทำไปได้สักกี่น้ำ” คริสยิ้มมุมปากแล้วมองไปที่ถ้วยขนมหวาน
“แล้วถ้าจับตัวมาผิดคนจริง ๆ คุณจะยอมขอโทษฉันไหม คุณจะชดใช้ให้กับสิ่งที่ฉันได้รับยังไงบ้าง”
“ได้ฉันจะยอมขอโทษเธอ จะให้ฉันทำอะไรก็ยอมถ้าเธอไม่ใช่อย่างที่ฉันเข้าใจ แต่ฉันมั่นใจว่าไม่ผิดตัวแน่” สีหน้าชายหนุ่มยังคงยิ้มแย้ม ไม่ได้มีความกังวลใด ๆ
“คุณพูดแล้วนะห้ามคืนคำเด็ดขาด”
“แน่นอน ฉันพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอต้องป้อนขนมนี่ให้ฉันกิน”
ชญานีพ่นคำก่นด่าในใจแต่ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ! ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“ฉันรู้ว่าเธอแอบด่าฉันในใจ” คริสจ้องตาเธออย่างไม่ลดละ ชญานีรีบหลบสายตาแล้วหยิบช้อนตักบัวลอยไข่หวานขึ้นมาจ่อที่ปากเขา
“ฉันว่าคุณรีบทานดีกว่า”
“รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะ คงเป็นอย่างที่ฉันคิดสินะ” คริสเหล่ตามองเธอก่อนจะอ้าปาก เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว เจ้าตัวก็รู้สึกไม่ต่างจากเอเดน รสชาติมันอร่อยอย่างบอกไม่ถูก เห็นอย่างนี้ก็นึกถึงตอนเมื่อยังเป็นเด็ก ที่มารดาเคยทำขนมไทยให้รับประทาน มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก ก่อนที่จะเกิดเรื่องนั้นขึ้น
“อร่อยไหมคะ”
“ไม่เห็นจะอร่อยเลย”
“จริงดิ แต่สีหน้าคุณมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย” ชญานีจ้องหน้าเขาอย่างจับผิด คริสได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะอ้าปากรอ
ชญานีอดขำไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีราวกับเด็กน้อยของเขา เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนที่มีมุมน่ารัก แต่กลับเป็นมาเฟียผู้มีอิทธิ ที่มีลูกน้องจำนวนไม่น้อยอย่างนี้ เธอป้อนเขาคำแล้วคำเล่าจนหมดถ้วย
“เอาเพิ่มอีกไหมคะ”
“ไม่ อยากกินอย่างอื่นมากกว่า” คริสจ้องมองที่ริมฝีปากบาง ชญานีรู้ตัวจึงรีบเม้มปากเอาไว้ พยายามแกะมือเขาออก
“ฉันขอตัวค่ะ”
“จะไปไหน” น้ำเสียงห้วนสั้นเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ ไม่ยอมปล่อยร่างบางให้ห่างกายเลยสักนิด
“ฉันจะเอาบัวลอยไข่หวานไปให้ป้าพิมพ์”
“ฉันไม่ให้ไป”
“แต่ฉันทำไว้เยอะมาก อยากให้ป้าพิมพ์ได้ทานด้วย”
“ก็บอกว่าไม่ให้ไปยังไงล่ะ ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของฉันแล้ว ฉันจะสั่งอะไรก็ย่อมได้”
“แต่ฉันอยากให้ป้าพิมพ์ทานด้วยนี่คะ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ชอบแม่ตัวเอง แต่ฉันก็นับถือท่านเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึง ไม่ว่าจะยังไงฉันก็จะไปให้ได้” เธอพยายามลุกขึ้นแต่ทว่าคริสกลับผลักร่างให้นานราบบนโซฟา คร่อมตัวทับทาบไว้ทุกสัดส่วนจนแทบขยับตัวไม่ได้
“นี่คุณจะมากไปแล้วนะ”
“ทำไม! จะออกลายแล้วเหรอ ทำเป็นพูดดีได้แค่ไม่กี่นาทีก็จะดีแตกแล้วเหรอ แม่นักฆ่าตัวแสบ”
“คนใช้อคติมอง ยังไงก็ไม่มีทางเจอแสงสว่างหรอก ใช่! ฉันตั้งใจพูดดีกับคุณเพื่อให้คุณเห็นใจฉัน แต่คุณกลับยั่วโมโห อย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน” ชญานีชักสีหน้าใส่เขา
“ก็ฉันมันเป็นแบบนี้แล้วจะทำไม อยากเอาใจฉันไม่ใช่เหรอ ทำให้ได้ตลอดรอดฝั่งสิแม่ตัวดี” กล่าวจบก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ส่งปลายลิ้นออกมาลากเลียพวงแก้มขาว ทำหน้าหื่นราวกับพวกโรคจิตก็ไม่ปาน
“อี๋...ฉันทำแน่คุณคอยดูละกัน ฉันจะทำให้คุณใจอ่อนให้ได้”