บทที่3

2063 Words
ตลอดการเดินทางหลายชั่วโมง น้อยครั้งที่จะมีบทสนทนาเกิดขึ้น และส่วนใหญ่จะเป็นคำถามสั้นๆ เสียมากกว่าที่เมฆาจะหันมาถามคนที่เอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักคำตั้งแต่เริ่มเดินทาง “คุณหิวไหม ทนอีกนิดได้รึเปล่า ผมสั่งให้คนที่บ้านเตรียมอาหารเอาไว้ให้แล้ว” เสียงเข้มถามขึ้นทำลายความเงียบ เห็นชัดว่าเขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงคนข้างกายอย่างที่ไม่เคยคิดห่วงใครคนไหนมาก่อน อย่างน้อยก็หลายปีมาแล้วที่มันเป็นแบบนั้น “ทนได้ค่ะ ยังไม่หิวเท่าไหร่” ใบหน้าคมพยักรับก่อนจะหันไปตั้งใจขับรถต่อ แต่กระนั้นก็ยังไม่วายหันมามองเพื่อนร่วมทางเป็นระยะ เหมือนจะกลัวหล่อนกระโดดลงจากรถหนีกันไปก็ไม่ผิด… จนกระทั่งรถของเขาค่อยๆ เลี้ยวเข้ามาในบริเวณฟาร์ม สายตาของอีกคนก็เบิกกว้างขึ้นอย่างอดตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งที่ตรงหน้าไม่ได้ ภาพนั้นทำให้คนแอบมองถึงกับลอบยิ้ม อย่างน้อยก็เหมือนว่าจะเธอจะชอบที่นี่เพราะคงต้องอยู่มันไปอีกนาน ถ้าไม่ชอบก็อาจจะลำบากหน่อยเพราะว่าเขาเองก็ไม่ยังไม่มีความคิดจะปล่อยเธอเป็นอิสระเหมือนกัน ชายหนุ่มปล่อยให้อีกคนเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติสองข้างทางโดยไม่คิดจะเอ่ยขัดอะไร เขายังคงตั้งมั่นอยู่กับการขับรถจนกระทั่งถึงที่หมายปลายทาง ซึ่งก็ไม่ใช่ที่อื่นใดนอกจากบ้านไม้สักหลังใหญ่ของตัวเอง ที่ตอนนี้มีร่างท้วมของใครบางคนยืนชะเง้อคอรออยู่ไม่ไกล “ลงมาสิ” เมื่อรถจอดสนิทพร้อมกับเสียงเรียกเบาๆ ที่ดังขึ้นสติของเพียงจันทร์ก็กลับเข้าที่ ทำให้รู้ว่าตอนนี้เธอกับเขานั้นได้มาถึงที่หมายแล้ว ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ ที่สวยจนทำให้อดรู้สึกอิจฉาทุกคนที่นี่ขึ้นมาไม่ได้ เธอค่อยๆ ก้าวขาลงจากรถมายืนข้างๆ เจ้าของทุกสิ่งที่นี่ในขณะที่ใครอีกคนนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร “ป้านึกว่าคุณเมธจะมาถึงค่ำๆ เสียอีก ยิงตรงยาวมาเหรอคะ” แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยคำถามว่าหญิงสาวเจ้าของหน้าตาอ่อนหวานข้างกายของเจ้านายคือใครกันหนอ แต่หญิงชราก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าเจ้านายน้อยของนางนั้นไม่ชอบคนยุ่งเรื่องส่วนตัว “ครับ นี่ป้าแขคนเก่าคนแก่ของที่นี่ ส่วนนี่เพียงจันทร์ ต่อไปนี้เธอจะมาอยู่ที่นี่กับพวกเราในฐานะคนของผม! ฝากป้าช่วยดูแลเธอให้ผมด้วย” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยแนะนำหญิงสาวข้างกายเพียงสั้นๆ ก่อนที่เขาจะขอร้องให้ป้าแข คนรับใช้เก่าแก่รับช่วงตัวแล้วขับรถออกไปโดยไม่ยอมบอกอะไรกันเลยสักคำว่าเขาไปไหน อีกนานแค่ไหนกว่าจะกลับ “นายคงจะเข้าไปตรวจดูความเรียบร้อยในไร่น่ะค่ะ มาเถอะค่ะคุณเข้าบ้านกัน เดี๋ยวป้าจะแนะนำคนอื่นๆ ให้ได้รู้จัก” คนที่ให้คำตอบแก่เธอกลับกลายเป็นคุณป้าสูงอายุคนหนึ่งที่กำลังส่งยิ้มมาให้กันอย่างเป็นมิตร นั่นทำให้เธอต้องรีบส่งยิ้มตอบกลับไปให้ก่อนจะเดินตามท่านเข้าไปในตัวบ้าน เพื่อทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ที่เฝ้ารอกันอยู่ด้านในนั้น “นายมาถึงแล้วเหรอป้าแข แล้ว…คุณคนนี้คือ…” คำถามแรกที่ดังขึ้นทันทีที่ก้าวขาเข้าในบ้านเป็นของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุน่าจะไม่เกินสิบสี่สิบห้า คำถามนั้นเรียกสายตาของคนอื่นๆ ให้หันมามอง ‘คนแปลกหน้า’ กันอย่างพร้อมใจ เดือดร้อนผู้อาวุโสสุดที่ต้องเอ่ยตอบ “นี่คือคุณเพียงจันทร์ ต่อจากนี้คุณเขาจะมาอยู่ที่นี่ในฐานะคนของนาย!” สิ้นคำว่า ‘คนของนาย’ ก็เกิดเสียงซุบซิบขึ้นเบาๆ ด้วยเพราะนานมากแล้วที่เจ้านายจะพาใครเข้ามาที่นี่ ภาพจำสุดท้ายคือผู้หญิงที่เข้ามาแล้วจากไปพร้อมๆ กับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นับจากนั้นจนถึงวันนี้ ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนเอาชนะหัวใจของผู้เป็นนายได้อีกเลย “เอาล่ะๆ อย่ามัวแต่จ้องคุณเขาอยู่แบบนั้นเสียมารยาท! มาช่วยกันยกของคุณเขาขึ้นไปข้างบนเร็ว!” เสียงของคุณป้าผู้ใจดีทำให้เพียงจันทร์ต้องหันกลับยิ้มให้ท่านอย่างขอบคุณที่อุตส่าห์ช่วยกันเธอออกจากสายตาหลายคู่ของใครต่อใครก็จนป่านนี้ก็ยังจ้องมองมาที่เธอไม่ยอมละสายตาไปไหน “ก็คนมันตกใจนี่ป้า นี่ฉันคิดว่าจะไม่มีวันนี้แล้วซะอีก หนูชื่อสีนิลนะคะคุณ คุณเพียงจันทร์สวยจังค่ะ แถมชื่อยังเพราะอีก มิน่าล่ะนายถึง…โอ้ย! หนูเจ็บนะป้า!” “เจ็บก็หุบปาก! คุณเขามาถึงเหนื่อยๆ แทนที่จะหาน้ำหาท่ามาเสริฟมัวแต่มายืนพูดมากอยู่ได้! เอากระเป๋าคุณเขาขึ้นไปไว้ข้างบน!” เด็กสาวโอบครวญได้ไม่นานก็จำต้องทำตามคำสั่งแต่ไม่นานก็หันกลับมาถามผู้เป็นป้าเข้าอีกรอบ… “ว่าแต่ ให้หนูเอากระเป๋าของคุณเขาไปไว้ที่ห้องไหนกันล่ะป้า!” “นั่นสิ ข้าก็ลืมถาม เอาไว้ที่ห้องแขกก่อนก็แล้วกัน” ส่วนจะต้องเปลี่ยนไปให้ที่ห้องใหญ่ไหมนั้น คงต้องรอให้เจ้านายกลับมาเสียก่อน แล้วค่อยถามเอาอีกที! หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อยแล้วเพียงจันทร์ก็เริ่มทำความรู้จักกับทุกคนในบ้านทีละคนทำให้ได้รู้ว่านอกจากป้าแขกับสีนิลหลานสาวแล้วนั้น บ้านหลังนี้ยังมีน้าจิตกับพี่ดวงที่คอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำความสะอาดอยู่ทุกวัน จนถึงสองทุ่มทั้งหมดถึงพากันกลับบ้านพักซึ่งอยู่ไกลจากที่นี่หลายสิบกิโล เรื่องที่ได้รับฟังมาทำให้รู้ว่าหลังจากสองทุ่มของทุกวันไปแล้วจะเท่ากับว่ามีแค่เธอกับเจ้าของบ้านที่หลังจากเอาเธอมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านจนถึงป่านนี้ เขาก็ยังไม่กลับมาอยู่กันตามลำพังสองคนเท่านั้น! นั่นทำให้เธอกลัวไปต่างๆ นาๆ ว่าไม่แน่บางทีเขาอาจเรียกร้องสิทธิ์ที่ควรได้ในคืนนี้ และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอจะทำอย่างไรดี! แม้จะบอกตัวเองอยู่ตลอดให้ยอมรับชะตากรรมเสีย อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด แต่พอถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ เธอก็ทำใจไม่ได้เพราะว่านี่มันเป็นครั้งแรกของเธอ และเธออยากให้มันเกิดขึ้นในวันที่เธอพร้อมมากกว่านี้ อย่างน้อยๆ เธอก็อยากทำความรู้จักกับเขาก่อน จากนั้นถ้าเกิดว่าเขาจะเรียกร้องอะไรก็สุดแล้วแต่ใจของเขาเลย กว่าเมฆาจะกลับมาอีกครั้งเวลาก็ล่วงเลยไปทุ่มกว่า โชคดีที่เขากลับมาทันอาหารค่ำ ไม่อย่างนั้นคงต้องพึ่งมาม่าเหมือนอย่างทุกที “ที่นี่เราทำแต่อาหารง่ายๆ พอจะกินได้รึเปล่า” กระนั้นชายหนุ่มก็ยังเป็นห่วงคนข้างกาย เพราะไม่รู้เลยว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร “ได้ค่ะ เพียงกินอะไรก็ได้ค่ะ” เพียงจันทร์ตอบรับเพียงสั้นๆ ทั้งๆ ที่ใจอยากอธิบายให้เขาฟังใจแทบขาดว่าอาหารง่ายๆ ของเขานั้นคืออาหารดีๆ สำหรับเธอและใครอีกหลายคนมาก แต่ก็ได้แค่คิดไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะรู้มาจากคนอื่นๆ ในบ้านว่าเขาไม่ชอบคนพูดมาก ทั้งคู่นั่งทานข้าวเย็นร่วมกันท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ จะมีก็แต่เพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรเท่านั้นที่ดังขึ้นมาจากบริเวณต้นการเวกใหญ่หน้าบ้าน ไม่มีบทสนทนา ไม่มีแม้แต่คำพูดคุยใดๆ ให้ได้ยิน “ป้าไปก่อนนะคะคุณเพียง อย่าลืมล็อกประตูหน้าต่างให้ดีนะคะ ถึงที่นี่จะไม่เคยมีประวัติไม่ดีแต่ก็ควรกันเอาไว้ก่อนดีกว่า” กระทั่งเมื่อทุกอย่างผ่านพ้น คนรับใช้ก็ทยอยกันเข้ามาเก็บโต๊ะ ก่อนที่หญิงชราจะเอ่ยลากัน และไม่ลืมเตือนให้คนที่บัดนี้ต้องรับหน้าที่เป็นคนปิดบ้านไม่ให้ลืมเรื่องสำคัญ ที่บ่อยครั้งที่นางสังเกตได้ว่าเจ้านายมักจะลืม “ค่ะป้าแข” เพียงจันทร์รับคำพร้อมรอยยิ้ม เธอยืนส่งจนแน่ใจแล้วว่าทุกคนพากันขึ้นรถไปแล้วถึงได้เริ่มต้นปิดประตูหน้าต่างไล่ไปทีละบานอย่างตั้งใจ ก่อนจะเดินกลับมาหาร่างสูงของเจ้าของบ้านที่เหมือนจะยืนรอกันอยู่ที่บันได เมื่อเขาเริ่มเดินขึ้นชั้นบนเธอจึงเดินตามขึ้นมาเงียบๆ ก่อนจะหยุดลงที่หน้าห้องที่ข้าวของของเธออยู่ด้านใน “หยุดทำไม!” เพราะเสียงของอีกคนเงียบไปเมฆจึงหยุดเดินก่อนจะถามขึ้นเมื่อเห็นว่านอกจากเธอจะไม่เดินตามกันมานั้นแล้วนั้นยังหยุดแน่นิ่งอยู่ที่หน้าห้องแขก ห้องที่เขาไม่เคยเปิดมันเพื่อต้อนรับใคร “คะ” “ผมถามว่าคุณหยุดอยู่หน้าห้องนั้นทำไม” “ข้าวของของเพียงอยู่ห้องนี้ค่ะ” เพียงจันทร์ให้เหตุผลด้วยท่าทีหวั่นๆ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะให้เธอใช้ห้องไหนในการหลับนอนแน่ “ถ้างั้นก็รีบไปเอาออกมา” จนกระทั่งเมื่อเสียงเข้มดังขึ้นอีกครั้ง “คุณจะให้เพียงไปนอนที่ไหนคะ” ถึงได้ตัดสินใจถามไปตรงๆ “ผมนอนไหนคุณก็นอนห้องนั้น เร็วๆ หรืออยากให้ผมเข้าไปเอาให้” หญิงสาวส่ายหน้าเป็นพัลวันก่อนจะรีบเข้าไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบน้อยของตัวเองออกมา และเดินตามเขาไปยังห้องนอนใหญ่ท่ามกลางหัวใจที่เต้นรัวไม่ยอมหยุด ไหนว่าเขารักความเป็นส่วนตัวมาก แล้วทำไมถึงได้ให้เธอมานอนที่ห้องของตัวเองแบบนี้ หญิงสาวได้แต่คิด ไม่กล้าที่จะถามออกไป เมฆาเปิดประตูห้องนอนก่อนจะเดินนำเพื่อนร่วมห้องคนใหม่เข้ามา ใช่ว่าจะไม่เห็นท่าทีสั้นๆ ของอีกฝ่าย แต่นั่นก็หาได้ใช่สิ่งที่เขาควรสนใจไม่ เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ได้คิดซื้อเธอมานั่งดูเล่นอยู่แล้ว ของทุกอย่างเพื่อใช้เงินซื้อมาก็ต้องใช้งานได้ ไม่เว้นแม้แต่เธอ! “ผมมีกฎการอยู่ร่วมกันแค่สามข้อ ถ้าทำได้ทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหานั่นคือหนึ่ง! ผมไม่ชอบให้ข้าวของในห้องนี้เคลื่อนที่ ข้อสอง! อย่าล่วงล้ำเรื่องส่วนตัวของผมไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม!” คนที่จู่ๆ ก็ถูกสั่งให้ต้องหยุดนิ่งเพื่อฟังกฎของเขาทำได้แต่เพียงพยักหน้ารับฟังเท่านั้น เข้าใจดีว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร มีความสำคัญแค่ไหน “ข้อสุดท้ายคือข้อที่คุณควรจำให้ขึ้นใจ! นั่นคือห้ามหลงรักผมอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากตัวเองแล้วผมไม่คิดที่จะรักใครอีก!” จนเมื่อกฎข้อสุดท้ายถูกเอ่ยขึ้น ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบขึ้นทันที “ยากไปรึเปล่า หรือว่าคุณ…” “ไม่ค่ะ ฉันสัญญาค่ะว่าจะทำตามกฎของคุณอย่างเคร่งครัด ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันรู้ดีว่าตัวเองมาที่นี่ในฐานะอะไร” เมฆาไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้ารับเบาๆ เท่านั้น อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็พูดรู้เรื่อง เขาจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มันยึดยาวผิดนิสัย จะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ส่วนเรื่องความรักบ้าบออะไรนั่น ลืมไปได้เลย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD