บทนำ
บทนำ
แรกพบสบตา
ท่ามกลางบรรยากาศอันตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากหญิงชราวัยกลางคนทำให้ นพดล ลูกชายเจ้าสัวปราณอยากจะพาตัวเองออกไปให้พ้นจากสถานการณ์ตรงหน้าเสียเหลือเกิน ติดแต่แค่เพียงเขาขยับ ต้นขากลับถูก ‘ลูกหนี้รายใหญ่’ ของพ่อกอดเอาไว้แน่น บอกให้รู้เป็นนัยๆ วาอีกฝ่ายจะไม่ยอมล้าถอยกลับไปหากยังไม่ได้ในสิ่งที่ตนนั้นปรารถนา
“ผมช่วยไม่ได้จริงๆ ครับป้าแก้ว เรื่องนี้ผมว่าป้ารอคุยกับพ่อคุณเองจะดีกว่า” สุดท้ายก็ได้แต่เอ่ยคำเดิมที่พูดมาไม่ต่ำกว่าสามครั้งเห็นจะได้กลับไป และหวังว่าครั้งนี้อีกฝ่ายนั้นจะเข้าใจว่าเรื่องที่กำลังอ้อนวอนขอร้องยอมให้เขาใจอ่อนอยู่นั้น มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น
“เห็นใจป้าหน่อยเถอะนะคะคุณนพ ถ้าไม่เดือดร้อนจริงๆ ป้าคงไม่ทำแบบนี้ นังเพียงมันสะอาดหมดจดจริงๆ นะคะ ป้ารับรองได้” กระนั้นอีกฝ่ายก็ยังดื้อดึงที่จะ ‘นำเสนอ’ สินค้ามีชีวิตตัวน้อยๆ ที่ได้แต่นั่งก้มหน้าหลบซ่อนน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาประจานความอับอายของตัวเองให้เขาไม่เลิก ภาพที่เห็นทำให้เขารู้สึกสงสารผู้หญิงตรงหน้าไม่น้อย หากแต่เขาคงช่วยอะไรเธอไม่ได้มากไปกว่าปฏิเสธ
“ผมก็อยากช่วยนะครับป้า แต่ผมมีครอบครัวแล้วป้าก็รู้” และเขาก็รักแพรวพราวภรรยาของเขามากด้วย ไม่มีทางที่เขาจะคิดนอกใจเธอเพราะหากทำเช่นนั้นนอกจากเขาจะต้องสูญเสียภรรยาที่รักไปตลอดกาลแล้วนั้น ‘ใครบางคน’ อาจตามมาดับลมหายใจของเขาไปด้วยโทษฐานที่ทำให้น้องสาวของมันต้องเสียใจ ซึ่งเขาไม่มีทางให้เรื่องบ้าๆ นั่นเกิดขึ้น ทางเดียวที่จะจบทุกอย่างคือตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธต่อไป
“ให้นังเพียงมันเป็นเมียน้อยคุณนพก็ได้ค่ะ ป้าไม่ถือ รับรองเลยค่ะว่าป้าจะสั่งให้มันอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวที่สุด จะไม่ให้มันสร้างปัญหาให้คุณนพกับคุณพราวแน่นอนค่ะ” คำพูดของมารดาทำให้คนที่ได้แต่นั่งเงียบมาตลอดการนำเสนอขายของท่านเจ็บจนอยากหายตัวไปจากตรงนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่เพราะอีกฝ่ายเป็น ‘แม่’ เธอจึงทำได้แค่อดทนอดกลั้น เก็บกดความปวดร้าวเอาไว้ภายในใจแต่เพียงลำพัง
“ผมช่วยไม่ได้จริงๆ ครับ ต้องขอโทษด้วย” หนนี้นพดลบอกเสียงแข็ง เหมือนจะบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าความอดทนของเขามีขีดจำกัด
“ตะ…แต่…” ยังไม่ทันที่หญิงชราจะได้เว้าวอนอะไรต่อ เสียงฝีเท้าหนักๆ ของใครบางคนกลับดังขึ้นขัดจังหวะเข้าเสียก่อน ใครบางคนที่ชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง
“ขอโทษที ฉันไม่คิดว่าแกกำลังมีแขก” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นเบาๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่เพื่อนรักชั่วครู่ก่อนที่มันจะถูกดึงดูดไปเมื่อใบหน้าอ่อนหวานของมนุษย์เพศหญิงที่นั่งอยู่ที่พื้นเงยหน้าขึ้นมาสบตากันโดยบังเอิญ
‘สวย’
นั่นคือความรู้สึกแรกที่เข้ามาปะทะ ก่อนที่ความอยากรู้จะเข้ามาแทนที่ แต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่ถามอะไร ด้วยรู้นิสัยของเพื่อนดีว่าสุดท้ายแล้ว มันจะเป็นฝ่ายเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังด้วยตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นป้ากลับก่อนนะคะ ถ้าคุณนพเปลี่ยนใจให้คนไปบอกป้าไปตลอดเวลาเลยนะคะ ไปนังเพียง กลับ!” เพราะถูกขัดจังหวะเลยทำให้แก้วตาเกิดอาการหงุดหงิดไม่น้อย นางตัดสินใจหันไปตวาดใส่บุตรสาว ก่อนจะฉุดกระชากให้อีกฝ่ายลุกขึ้นเดินตามหลังกันออกไป
“อย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น! ยัยป้าที่เพิ่งจะลากลูกสาวเดินออกไปนั่นชื่อแก้วตา เมื่อสามเดือนก่อนแกมาขอกู้เงินจากพ่อฉันสองล้านโดยเอาบ้านมาค้ำประกัน แต่พ่อฉันเพิ่งจะมาจับได้ทีหลังว่าโฉนดที่เอามาค้ำมันเป็นของปลอม บ้านที่ว่านั่นน่ะขายไปตั้งนานแล้วก็เลยให้คนไปเรียกตัวมาคุย” คำอธิบายที่ยาวเหยียดของเพื่อนทำให้เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาบ้าง แต่กระนั้นก็ยังอยากจะรู้ต่อ
“แล้ว…” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เพื่อนรักที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นน้องเขยของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ภาพจำของน้องสาวที่ได้พบครั้งสุดท้ายทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีความสุขแค่ไหนกับชีวิตคู่ มันทำให้เขาหมดห่วงแต่ก็ยังถือโอกาสที่ว่างจากงานในฟาร์ม ขับรถมาเยี่ยมทั้งคู่บ่อยๆ เมื่อมีโอกาส
“ป้าแกก็เลยจนปัญญา เที่ยวเอาลูกสาวมาเร่ขายไปทั่ว หวังจะหาเงินมาปลดหนี้พ่อฉันเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องติดคุกตอนแก่” ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากอีกฝ่ายหาเงินสองล้านมาคืนพ่อของเขาไม่ได้ตามระยะเวลาที่ท่านกำหนด สถานที่ต่อไปที่จะต้องพากันไปซุกหัวนอนเห็นทีจะหนีไม่พ้นคุกอย่างที่ว่า จะสงสารก็แต่เด็กเพียงจันทร์นั่น ด้วยพอจะรู้จักนิสัยใจคอของอีกฝ่ายมาบ้าง ว่าเนื้อแท้ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเลย หรือจะเรียกว่าดีผิดแม่ก็คงไม่เป็นการกล่าวหาที่เกินไปสักเท่าไหร่
“แต่แกก็ปฏิเสธ”
“แกอยากเห็นฉันถูกน้องสาวแกฉีกอกเอารึไง! จริงๆ ก็สงสารเด็กมันอยู่หรอก เคยมาช่วยงานเมียฉันที่ร้านทุกวันหยุดอยู่บ่อยๆ นิสัยใจคอผิดกับคนเป็นแม่ราวฟ้ากับเหว รายนั้นวันๆ เอาแต่หาเรื่องเข้าบ่อน ลูกทำงานได้มาเท่าไหร่ก็แย่งเอาไปจนหมด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงจริงๆ วะ” หากจะยกหนี้ให้ก็ทำไม่ได้เพราะบิดาคงไม่มีทางยอม
เพราะท่านเป็นคนเด็ดขาดกับเรื่องพวกนี้พอสมควร หากไม่ติดความสงสารเชื่อเถอะว่าสองแม่ลูกนั่นคงถูกลูกน้องของพ่อเขาอุ้มไปฆ่าตั้งแต่ที่ท่านรู้เรื่องโกหกนั่นแล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านให้โอกาสอีกครั้ง
“แล้วแบบนี้แม่เขาจะทำยังไงต่อ” คำถามที่ยังคงดังต่อเนื่องขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้นพดลขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะมันผิดไปจากนิสัยของเพื่อน ที่จะมานั่งซักไซ้ถึงเรื่องราวของคนอื่นอย่างที่มันกำลังทำอยู่
“ถ้าถามฉันฉันคิดว่าป้าแกคงไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะขายลูกใช้หนี้ง่ายๆ หรอกวะ รายต่อไปคงจะหนีไม่พ้นไอ้เสี่ยอ้วน ไอ้แก่นั่นมันคงยอมจ่ายอยู่หรอก เห็นว่าเล็งเด็กเพียงจันทร์นั่นมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว คนสมัยนี้จิตใจมันต่ำทรามกันเสียจริง ขนาดหมามันยังรักลูกเลย นี่อะไรเกิดเป็นคนแท้ๆ คิดแต่จะขายลูกตัวเองกิน!” ข้อนี้เมฆาออกจะเห็นด้วยกับเพื่อนรักอยู่ไม่น้อย ยิ่งพอคิดถึงดวงตาคู่ใสของผู้หญิงคนนั้นเขาก็ยิ่งรู้สึก
หากแต่เขาไม่ใช่คนดีที่จะมาสงสารใครง่ายๆ ความรู้สึกที่มีตอนนี้มันเต็มไปด้วยความอยากได้ อยากครอบครองหล่อนมากกว่า
ซึ่งช่างน่าตกใจเพราะเขาไม่เคยเกิดอารมณ์รุนแรงกับใครแบบนี้มาก่อน อาจจะเป็นเพราะดวงตาคู่โศกคู่นั้นของหล่อนก็เป็นได้กระมัง
“ฉันซื้อเอง!”
“ห๊ะ!”
“จัดการที่เหลือให้ด้วย อีกสามวันจะมารับ!” คนพูดเองเออเองเสร็จสรรพก็ลุกขึ้นเดินหนีออกไป ปล่อยให้เสียงร้องตะโกนของเพื่อนดังขึ้นตามหลังมา แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้เขาต้องหันกลับไปสนใจ