เป็นเวลาตีหนึ่งกว่า รถสีดำเจ็ดที่นั่งกลางเก่ากลางใหม่ขับมาอย่างช้าแล้วเข้าจอดเทียบท่าเลยบ้านของภากรผู้เป็นมาเฟียใหญ่ไปนิด แล้วดับไฟหน้ารถเอาไว้ แต่ไม่ได้ดับเครื่องยนต์ของรถ
คนภายในรถนั่งกันนิ่งเงียบเพื่อรอเวลาทำตามแผนการบางอย่างที่ผู้เป็นหัวหน้าได้ตกลงกับเจ้าของบ้านเอาไว้
พอรถสีดำจอดรอไม่ได้ไม่นาน รถหรูสีกรมเกือบจะดำของภากรที่ถูกขัดล้างจนสีนั้นเงางามสะท้อนกับแสงจันทร์เป็นประกายวิบวับกับรถอีกสองคันของลูกน้องของเขาก็ขับออกจากบ้านไปราวกับนัดหมายกันเอาไว้
และนั้นทำให้คนในรถที่มากันหกคนรีบลงจากรถเพื่อทำตามแผนการลักพาตัวที่วางเอาไว้ในทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เพราะอาจมีคนจับตามองอยู่ก็เป็นได้ เลยจำต้องทำอะไรแบบโจรมืออาชีพเขาทำกัน
“ไปเปิดประตู”
ชลธรหันไปสั่งการลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบาเพื่อไม่ให้มีคนนอกได้ยิน หลังจากที่เฝ้ารออยู่บนรถเหมือนพวกโจรลักพาตัวเด็กมาสักพักหนึ่งได้ เพื่อให้ภากรผู้เป็นเจ้าของบ้านพร้อมด้วยลูกน้องออกไปจากบ้านก่อน
เขานั้นกำลังปลอมตัวเป็นโจรลักพาตัวอยู่เลยจำต้องทำทุกอย่างให้เหมือนจริงมากที่สุด แม้กระทั่งการพูดจาทั้งที่ปกติเป็นคนเสียงดัง
เป็นการเสียเวลาเป็นอย่างมากแต่ก็เพราะเขาสัญญาไปแล้วกับภากรว่าจะทำ ก็เลยจำต้องเล่นตามน้ำไปทุกอย่างแบบไม่มีการข้ามขั้นตอนใดๆทั้งนั้น
ค่อนข้างที่จะขัดกับความเป็นจริงพอสมควร ด้วยเขานั้นชอบทำอะไรแบบรวดเร็ว ลัดขั้นตอนเพื่อให้ทุกอย่างจบภายในสองนาทีได้ก็ยิ่งดี ไม่ชอบอะไรที่มีลำดับขั้นตอนแบบนี้เลย
นี่ถ้าไม่ใช่ลูกของภากร ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงระเบิดบ้านให้พังสักครึ่งหลังในเวลาไม่ถึงนาที แล้วก็เข้าไปพาตัวคนในบ้านออกมาเลย ไม่มางัดประตูให้เสียเวลาอะไรแบบนี้หรอก
“ครับ นายหัว”
ลูกน้องของชลธรที่มีทักษะงัดแงะเป็นที่หนึ่งรีบวิ่งไปงัดแงะประตูรั้วบ้านของมาเฟียใหญ่ในทันที
ทำทุกอย่างด้วยความชำนาญ ไม่นานประตูรั้วที่ไม่ได้ถูกล็อกอย่างแน่นหนามากนักก็เปิดออก
เขาก็รีบเปิดประตูให้นายหัวและพรรคพวกอีกสี่คนเดินเข้าไปภายในบ้านทักที
“มึงเฝ้าต้นทางเอาไว้”
พอเข้าบ้านได้แล้ว ชลธรก็ยังคงเล่นตามน้ำต่อไปเพื่อไม่ให้ใครเกิดความสงสัยในการเป็นโจรลักพาตัวของเขา
เพราะถ้าเป็นศัตรูของภากรมาเห็นเขา พวกมันอาจไม่เชื่อถ้าเขาไม่ทำให้สมจริง
และพวกมันอาจตามหญิงสาวที่เขาพาตัวไป ถ้าพวกมันรู้ว่าเขาไม่ได้ลักพาตัวเธอเรียกค่าไถ่อย่างที่ควรจะเป็น
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็เรื่องความปลอดภัยของหญิงสาวก็จะลดลงจากที่ควรจะเป็นแน่นอน เพราะคงไม่มีใครปลอดภัยถ้าถูกตามฆ่าแม้จะอยู่บนเกาะส่วนตัวที่มีเขาเป็นเจ้าของก็ตาม
“ครับ นายหัว”
ลูกน้องหนึ่งคนรออยู่ตรงแถวๆ หน้าประตูรั้วเพื่อเฝ้ามองด้านนอกเอาไว้ อีกคนอยู่ตรงประตูทางเข้าตัวบ้าน และอีกสามคนเดินนำผู้เป็นนายหัวเข้าไปในบ้านเพื่อเปิดทางให้
ทำงานกันอย่างมีระบบระเบียบตามที่ถูกฝึกมาอย่างดีจากครูฝึกคนเดียวกับที่สอนผู้เป็นเจ้านายของพวกเขา
“ทางสะดวกครับ”
สามคนที่เดินนำไปก่อนไม่นานก็กลับออกมาเมื่อเคลียทางให้เรียบร้อยดีแล้ว
อันที่จริงไม่ได้เรียกเคลียทางหรอก เรียกว่าไปสำรวจบ้านมากกว่าเพราะภายในบ้านไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
“ไปเอาตัวผู้หญิงออกมา”
ชลธรเดินเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่เป็นครั้งที่สองของวันเพื่อทำตามคำสัญญาที่เขาไม่ค่อยเต็มใจทำสักเท่าไหร่ แต่เพราะเพื่อนขอร้องให้ทำเขาถึงได้ยอมทำ ทั้งที่ก็ไม่ได้ชอบดูแลใครโดยเฉพาะผู้หญิงที่มักจะนำพาเรื่องปวดหัวมาให้
เขาเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ตรงไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านในสุดของบ้าน และเขาก็ยืนรออยู่ตรงหน้าประตูนั้น ให้ลูกน้องเขาไปพาลูกสาวของภากรออกมา
งานนี้ค่อนข้างจะง่ายเพราะว่าภากรได้วางยานอนหลับให้ลูกสาวกินเรียบร้อยไปแล้วเพื่อไม่ให้เธอขัดขืนโจรลักพาตัวจำเป็นอย่างเขา
“ครับ”
ลูกน้องสามคนรีบเปิดประตูห้องนอนที่ไม่ได้ล็อกเข้าไปในทันที แล้วก็รีบวิ่งกลับออกมาด้วยหน้าตาตื่นตกใจ
“วิ่งกลับมาทำไม กูบอกให้พาเอาตัวผู้หญิงมาไงล่ะ”
ชลธรถึงกับหัวเสียที่ลูกน้องมีท่าทีราวกับหนีเสือออกมาแบบนั้น
เขาเผลอตวาดลูกน้องเสียงดังอย่างลืมตัวว่ากำลังปลอมเป็นโจรย่องขึ้นบ้านคนอื่นอยู่
นี่ถ้าภากรไม่ได้ให้ลูกน้องแอบกันอยู่อย่างเงียบภายในบ้านเพื่อเปิดทางให้กับเขา เขาและลูกน้องอีกห้าคนคงโดนยิงตายคาบ้านไปแล้วเพราะความเสียงดัง
“ผมไม่กล้าจับตัวเธอ”
หนึ่งในลูกน้องทั้งสามคนพูดออกมาแล้วก็หันหน้ามองไปกันทางอื่นไม่กล้ามองไปที่ประตูห้องนอน
เจ้านายตรงหน้าพวกเขาก็กลัวแต่ว่ากลัวเรื่องข้างในห้องนอนของหญิงสาวมากกว่า
“เป็นบ้าอะไรกันวะ”
เขายังคงตะคอกใส่ลูกน้องเสียงดังเมื่อใช้ให้ทำงานแล้วไม่ได้ดั่งใจ
เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ลูกน้องคนสนิททั้งสามหน่อทำงานไม่ได้เรื่องแบบนี้
“นายหัวไปดูเองเถอะครับ”
คนทั้งสามยังคงไม่กล้ากลับเข้าไปในห้องนอนของหญิงสาว ยังคงยืนหันหน้าไปทางอื่นกันอยู่ตรงหน้าห้องนั้น