วันศุกร์เย็นหลังเลิกงานหมอหนุ่มก็ขับรถยนต์คันหรูมาจอดรอรับบุญป่วงอยู่หน้าบ้าน หญิงสาวสะพายเป้เดินมายังรถและมีพ่อกับแม่เดินมาส่งด้วย เขาลงไปยืนรอรับบุญป่วงทำราวกับเป็นแฟนหนุ่มมารับแฟนสาวไปเที่ยว แต่สำหรับเขาไม่ใช่ เขาเอ็นดูหญิงสาวเหมือนน้องสาวเท่านั้น เขาคิดแบบนั้น แต่สายตาของเขามันไม่ได้แสดงออกมาเช่นนั้น ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนมองออก แม้จะไม่ชัดเจน แต่มันก็ถือว่าเป็นสิ่งดีเพราะหมอหนุ่มคนนี้ถือเป็นผู้ชายดีที่น่านับถือคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ฝากน้องด้วยนะคุณหมอ”
“ครับแม่จำปี”
“ป่วงไปก่อนนะจ๊ะพ่อจ๋า แม่จ๋า เดี๋ยววันอาทิตย์เย็นก็กลับแล้วจ้ะ”
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวถึงกรุงเทพฯ ดึก” หมอหนุ่มเอ่ย
“ขับรถดี ๆ นะหมอ”
“ครับผู้ใหญ่”
รับคำแล้วยกมือขึ้นไหว้ลาทั้งสองแล้วเดินไปยังฝั่งคนขับรถแล้วบุญป่วงก็ขึ้นรถตามเขาไปเช่นกัน เมื่อพร้อมแล้วก็ติดเครื่องยนต์ออกตัวรถไปทันที เพราะตอนนี้ก็ห้าโมงเย็นแล้ว
ขับมาถึงทางที่รถเขาติดหล่มก็กลัวว่าจะติด โชคดีที่สองวันที่ผ่านมาแดดแรงทำให้ถนนเริ่มแห้งเลยทำให้รถวิ่งได้สะดวกกว่าเดิม กลับไปกรุงเทพฯ ต้องให้ลุงเมินล้างรถให้สักหน่อยแล้ว
ระหว่างทางบุญป่วงก็ไม่พูดไม่จา เขาเองก็ไม่พูดไม่จา จนตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงกรุงเทพฯ เขาเลยถามหล่อนว่าจะไปค้างที่ไหน เพราะตอนนี้ก็มืดค่ำแล้ว
“ป่วงจะไปพักหอพักค่ะหมอ”
“พี่ว่าไปพักบ้านพี่ก็ได้นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่งที่มหา'ลัยเอง”
“ไม่ค่ะ ป่วงเกรงใจ อีกอย่าง ป่วงนัดเพื่อน ๆ แล้วด้วยว่าเราจะไปกินข้าวด้วยกันวันนี้” เธอปฏิเสธ
“พี่เมื่อยแล้วสิ ทางจะไปหอพักของป่วงคนละทางกับทางบ้านพี่ พี่ว่าไปค้างบ้านพี่ดีกว่า พี่ให้ที่บ้านเตรียมห้องพักให้เราแล้ว” พูดเองเออเองโดยไม่สนใจว่าหล่อนจะเต็มใจหรือไม่
“ไม่น่ามากับหมอเลย วันอาทิตย์ป่วงจะกลับเอง ไม่กลับกับหมอนะจ๊ะ ป่วงไม่อยากกลับกับคนเอาแต่ใจตัวเอง”
แล้วหล่อนก็ต้องจำยอมไปพักค้างบ้านหมอหนุ่มจนได้ แล้วก็ต้องโทรศัพท์บอกเพื่อน ๆ อีกว่าตนไม่ได้ไปนอนที่หอพักแล้ววันนี้
"หึหึ วันกลับค่อยว่ากัน”
แล้วความเงียบก็เข้าครอบงำอีกครั้ง เมื่อสาวอ้วนเงียบ เขาเองก็เงียบแล้วยิ้มชำเลืองมองคนนั่งข้างกายขณะขับรถไปยังบ้านของตน จริง ๆ แล้วเขาไปส่งเธอได้ แต่ไม่อยากไปส่ง อยากพาเธอไปพักบ้านเขามากกว่า เพราะจะได้ปลอดภัย เดี๋ยวนี้หอพักแม้จะบอกว่าความปลอดภัยดี แต่ก็ใช่ว่าจะดีจริง ๆ
คุณหญิงปวีณานั่งรอลูกชายคนโตกลับบ้าน แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็ต้องกลับ แม้ฟักทองจะงานยุ่งแค่ไหนก็ต้องสละละทิ้งงานมา น้อยครั้งนักที่ครอบครัวเรือพ่วงจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ตั้งแต่สามีของนางจากไปเมื่อสามปีก่อนด้วยโรคมะเร็งตับ ครอบครัวก็ไม่ค่อยเป็นครอบครัว คนแก่แบบนางก็เหงา ลูกชายทั้งสองก็ต่างทำงานทำหน้าที่ของตน และวันนี้วันที่จะได้พร้อมหน้าพร้อมตากันจึงทำให้นางยิ้มแก้มปริทั้งวัน นางสั่งสาวใช้จัดเตรียมกับข้าวกับปลาอาหารการกินของโปรดของลูกชายทั้งสองไว้
“คุณหญิงคะ ตอนนี้กับข้าวเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วค่ะ” สุณีแม่บ้านคนสนิทเดินเข้ามาบอกนายหญิงของนาง
“ขอบคุณนะแม่สุณี ตอนนี้ลูกชายของฉันยังไม่โผล่หัวมาสักคนเลย” นางเอ่ยเสียงแผ่ว พลางมองจ้องไปยังทางหน้าห้องนั่งเล่น แล้วก็มีเสียงรถแล่นเข้ามาจอดในบ้าน นั่นแหละนางถึงยิ้มออก
“ไปดูกันเถอะว่าเป็นตาฟักหรือตาเขือ” นางลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่รอสุณี ด้านป้าสุณีเมื่อเห็นคุณหญิงลุกเดินนำหน้าไปก่อนนางก็รีบลุกขึ้นเร่งสาวเท้าเดินตามท่านไป
“ตาฟักเหรอลูก แม่ก็นึกว่าเป็นพี่เขือของเราซะอีก” พอเดินพ้นห้องนั่งเล่นออกมาก็เห็นลูกชายคนเล็กถือกระเป๋าทำงานเข้ามาในบ้าน
“ครับแม่ปลิว ไม่เป็นไรครับป้าสุณี เดี๋ยวฟักเอาไปเก็บบนห้องเองครับ”
ยิ้มอ่อนโยนเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่ แล้วก็หันมาบอกป้าสุณีไม่ต้องช่วยถือกระเป๋าให้ตน เขาจะเอาไปเก็บเอง
“ลูกขอเอากระเป๋าไปเก็บก่อนะครับแม่ปลิว” ผละจากอ้อมกอดอุ่น ๆ ของแม่แล้วเดินจากไป
คุณหญิงปวีณามองตามแผ่นหลังกว้างของลูกชายไปด้วยใบหน้าล้นยิ้ม
“ดูตาฟักสิสุณี ไม่เคยทำให้ให้ฉันผิดหวังเลย ต่างจากตาเขือพี่ชายของเขา รายนั้นน่ะบอกให้ไปขวาก็ไม่ไปกลับไปตรงข้ามตลอด เฮ้อ!" พูดถึงมะเขือแล้วถอนหายใจแรง บ่นถึงไม่ทันไรเสียงรถก็แล่นเข้ามาในบ้านอีกครั้ง พอเสียงเด็กรับชายในบ้านเอ่ยทักทาย นางจึงรีบเดินไปต้อนรับลูกชายคนโต ทำให้สุณียิ้มตามคุณผู้หญิงของตน
“เขือมาแล้วเหรอลูก”
นางทักลูกชายทันทีทีเห็นหน้าหล่อของมะเขือ ด้านชายหนุ่มก็หันมาทางผู้เป็นแม่ทันที เมื่อได้ยินเสียงทักทายยินดี
“ครับแม่ปลิว สวัสดีครับ ป่วง นี่แม่พี่ ไหว้ซะสิ” ยกมือไหว้คุณแม่ที่เคารพรักแล้วหันมาบอกบุญป่วงให้ไหว้ท่าน
“สวัสดีค่ะ” สาวอ้วนมีกระเป๋าเป้ติดหลังยกมือขึ้นไหว้เจ้าของบ้าน ด้านคุณหญิงปวีณาหันไปทางหญิงอ้วนใหญ่ตัวดำที่เดินเคียงข้างลูกชายของตนเข้ามาในบ้าน ก็หันไปส่งสายตาเป็นคำถามเอาความกับลูกชาย
“เดี๋ยวค่อยคุยกันครับ เขือหิวไส้จะขาดแล้วแม่ปลิว” เขารู้ว่าคุณหญิงแม่ต้องการคำอธิบายว่าเด็กอ้วนคนนี้คือใคร เขาส่งกระเป๋าเสื้อผ้าแบบถือใบเล็กให้สาวใช้รับไป และสั่งให้เอากระเป๋าของบุญป่วงไปเก็บไว้ที่ห้องที่เขาโทร.มาสั่งให้เตรียมไว้ด้วย
“แม่ไม่รู้ว่าแขกของลูกเป็นผู้หญิง” นางรู้แต่ว่าลูกชายจะพาเพื่อนมาค้างที่บ้าน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นสาวอ้วนคนนี้ นางมองสำรวจร่างอ้วนที่ยิ้มมาทางตนด้วยสายตาดูถูก
“จะชายหญิงก็เพื่อนได้ทั้งนั้นแหละครับแม่ปลิว ไปกันเถอะ เขือหิวแล้วนะแม่ปลิว ป่วงไปกันเถอะ” ท้ายประโยคหันไปพูดกับสาวอ้วน หล่อนพยักหน้ารับ ก้มมองเท้าตัวเองอย่างเจียมตัว เดินตามเจ้าของบ้านเข้าไปในบ้าน
“สุณีไปตามตาฟักลงมาเลยนะ ฉันกับลูกเขือและแขกของลูกเขือไปรอที่ห้องรับประทานอาหาร”
“ได้ค่ะคุณหญิง” รับคำแล้วหันไปยิ้มเป็นมิตรให้กับสาวอ้วนก่อนจะเดินจากไป