หลังจากเลิกเรียนวิชาสุดท้ายตอนบ่ายสามพวกเราปีหนึ่งบางส่วนก็นั่งรออยู่ใต้ตึกเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง บางส่วนก็กลับหอพักกันแต่ฉันผู้ที่คอนโดอยู่ไกลนั้นต้องนั่งรออยู่ที่นี่
โชคดีที่ปาล์มมี่อยู่เป็นเพื่อนพร้อมกับเพื่อนสาวสองอีกคนที่ชื่อทิวลิป เมื่อก่อนก็ชื่อไอ้ทิวเฉยๆแต่ให้เรียกทิวลิปเพื่ออรรถรสเหมือนกับปาล์มมี่ที่จริงแล้วมันชื่อไอ้ปาล์ม นี่เป็นเรื่องเล่าจากปากเพื่อสาวทั้งสองของฉันเอง
"แม่นางสตอเบอรี่" ปาล์มมี่ที่หันไปเจอเข้ากับเพลงที่เดินผ่านมาพอดีก็พูดขึ้นมาแต่ยัยนั่นไม่ได้ยินหรอกเพราะอยู่ไกลกันพอสมควร
"อือ แกก็คิดเหมือนฉันเหรอบีหนึ่ง" ทิวลิปหันไปมองเพลงอีกคนแล้วเบะปากคว่ำ "วันก่อนฉันไปร้านเครื่องสำอางค์ เจอนางเข้าพอดีนางพูดลอยๆเหมือนดูถูกว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อ นังนี่มันคิดว่าตัวเองเป็นใคร"
"แต่แปลกนะผู้ชายชอบคนแบบนี้ เพราะรุ่นพี่พากันแซวมัน แหม เพื่อนฉันสวยกว่าอีกอย่าให้ดัน" ปาล์มมี่หันมาอวยยศฉันที่นั่งพิจารณาเรื่องของเพลงอยู่
พี่ฮ่องเต้คงจะชอบยัยเพลงนี่แบบไม่ต้องสงสัยหรืออาจจะมีอะไรมากกว่านั้นที่ฉันยังไม่รู้
"เรามาปั้นยัยใบชาเถอะ เอาให้แม่นั่นตกรอบไปเลยค่ะ"
"จัดไปค่ะกระเทย"
แปะ!
แล้วเพื่อนสาวสองของฉันมันก็แปะมือกันพร้อมกับใช้นิ้วมือปัดผมสั้นแค่สองนิ้วของตัวเองตวัดขาขึ้นมาไขว่ห้างพร้อมกันเหมือนซ้อมมาอีกต่างหาก
"พวกแกจะทำอะไรฉัน" เริ่มกลัวแล้วนะดูจากสีหน้าพวกมันแล้วเหมือนอยากจับฉันไปศัลยกรรมทั้งตัว เพื่อให้เอาชนะยัยเพลงนั่นน่ะ
"ก็จับแกมาเป็นนางเอกไง ดูทรงผมแกดิมัดทำไมแบบนี้เหมือนอีป้าข้างบ้านฉันเลย คิ้วน่ะเขียนมั่ง หน้าแกใสอยู่แล้วแต่ก็ต้องทาแป้งบ้าง ปากด้วยไม่รู้เคยแตะลิปสติกบ้างมั้ย!" แล้วยังปาล์มมีมันมาด่าฉันทำไมกันเนี่ย
"ฉันทาลิปมันมาแล้วเถอะ"
"ไม่ได้!" ทิวลิปตวาดใส่ฉันบ้าง เลื่อนมือมาบีบคางฉันเชยขึ้นอย่างกับพวกตัวร้ายในละคร "แกน่ารักกว่ามันอีก นิสัยก็ดีกว่าถ้าแกเปลี่ยนตัวเองอีกนิดหน่อยก็คงชนะเลิศ"
แล้วฉันต้องเอาชนะยัยนั่นให้ได้เหรอ เฮียเต้จะหันมาสนใจฉันด้วยมั้ย เอาเป็นว่ามันคือเหตุผลที่ดีพอสมควรในตอนนี้
"แล้วจะให้ฉันทำอะไร"
"ไม่ต้องทำอะไร ฉันจะจัดการเอง" เพื่อนสองคนยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วหยิบมือถือมาหารูปทรงผมอะไรของพวกมันไป คงไม่ได้หามาให้ฉันหรอกนะ กลัวจริงๆ
หลังจากเลิกรับน้องเสร็จแล้วปาล์มมี่ก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งฉันที่คอนโดและอาสาจะมารับฉันไปเรียนทุกวันอีกด้วยถ้าชีวิตตอนนี้เป็นนิยายซักเล่มคงคิดว่ามันปลอมตัวเป็นกระเทยมาจีบฉันอยู่
ก็ดีเหมือนกันไม่อยากจะไปยุ่งกับเฮียเต้เดี๋ยวก็มาโวยวายอีก
แกร๊ก!
พอเปิดห้องเข้ามาก็พบว่าเฮียกลับมาแล้วแถมยังนอนดูโทรทัศน์อยู่ตรงโซฟาอย่างสบายใจอีกต่างหาก
"เฮียก็ว่าง ทำไมไม่ไปรับชาล่ะ"
"..." เขาไม่ตอบทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูดเลยซักนิดเดียว หยิบมือถือขึ้นมากดอะไรยุกยิก
หรือว่ากำลังคุยกับยัยเพลงกันนะ
"ชามีเพื่อนแล้วนะ ไม่ง้อเฮียก็ได้" ฉันเดินไปหย่อนตัวนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวอีกตัวที่อยู่ปลายเท้าของเขา
"ก็ดี"
"ชื่อเพลง น่ารักมาก" รองพื้นหนาสามมิลด้วยอันนี้ยัยปาล์มมี่มันบอก
พอพูดชื่อนี้ออกไปเฮียเต้ก็หยุดทุกการกระทำทันทีก่อนจะปรายตามามองฉันที่นั่งยิ้มหวานอยู่ แล้วกลับไปเล่นมือถือต่อเหมือนไม่ใส่ใจ
"มาบอกทำไม"
"ก็อยากเล่าให้ฟัง สามีทั้งคนจะไม่เล่าเรื่องตัวเองให้ฟังได้ไง" ฉันพูดยียวนแล้วหยัดตัวลุกขึ้น "เดี๋ยวทำสปาเกตตีคาโบนาราของโปรดเฮียให้ทานนะ"
"..." เฮียเต้ไม่ได้ตอบและฉันเองก็ไม่ได้หาเรื่องต่อเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบายๆแล้วออกมาทำกับข้าว ทำตัวเป็นศรีภรรยาที่น่ารักของเฮียสักหน่อยเผื่อสามีจะหันมารักบ้าง
หลังจากฉันทำกับข้าวเสร็จก็จัดใส่จานไว้ให้เฮียแล้วตัวเองก็ไปอาบน้ำ มาทำงานที่อาจารย์สั่งและให้ส่งภายในสองวันนี้
พอออกมาดูก็เห็นเฮียนั่งทานกับข้าวที่ฉันทำให้อยู่คนเดียวเงียบๆ แต่พอเห็นฉันเฮียเต้ก็แกล้งกลืนไม่ลงซะงั้น อะไรของเฮีย วางมาดเหรอ
"ไม่อร่อยเหรอเฮีย"
"ไม่"
"อ่อ แต่หมดจานเลยนะ" ว่าแล้วฉันก็ฉีกยิ้มให้ก่อนจะเดินไปล้างกระทะล้างจานที่ตัวเองทำกับข้าวทิ้งไว้
"แล้วเธอไม่กิน?"
"ไม่ละชาไม่หิว กลัวอ้วน" เห็นอย่างนี้ฉันก็รักษาหุ่นนะ ถึงจะไม่รักสวยรักงามเหมือนชาวบ้านเขาแต่หุ่นฉันต้องดูดีเสมอ
"เดี๋ยวก็ได้เป็นลมตาย"
"ถ้าเป็นลมเดี๋ยวผัวก็พาไปโรงพยาบาลแหละ"
"ปล่อยให้ตายไปเลยดีกว่า ขี้เกียจตอบคำถามหมอ" เฮียก็ไม่ได้กวนประสาทไปน้อยกว่าฉันหรอก
"ถ้าชาตายไป เฮียมีเมียใหม่ได้เลยนะ"
"..." เฮียเต้เงยหน้าขึ้นมามองฉันไม่รู้ว่าจะสื่อความหมายอะไรแล้วสุดท้ายก็หลุบตาต่ำลงไปมองจานของตัวเองอีกครั้ง "จะบอกว่าถ้าไม่ตายเธอก็ไม่ยอมปล่อยฉันว่างั้น"
"ไม่รู้สิ เดี๋ยววันไหนชาเบื่อเฮียแล้วจะมาบอกอีกทีนะ" ฉันรู้ว่าเขาอยากจะกดดันให้ฉันขอหย่านั่นแหละ เพราะที่เขายอมแต่งด้วยเพราะคิดว่าตัวเองต้องรับผิดชอบ
เอาจริงๆถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันอาจจะไม่ทำแบบนี้ เพราะมันเหมือนเป็นการทรมานเขา และฉันเองก็ทรมานไปด้วย
"เมื่อไหร่เธอจะโตเป็นผู้ใหญ่ซักที" พูดจบร่างสูงก็หยัดตัวลุกขึ้นเก็บจานของตัวเองไปล้างแล้วทำเหมือนฉันเป็นอากาศธาตุเหมือนเดิม
"เฮียจะไม่นอนในห้องด้วยกันเหรอ"
"ไม่" เขาตอบสั้นๆแล้วขยับตัวไปนอนห่มผ้าสบายใจ "จะไปไหนก็ไป อย่ามากวนง่วงแล้ว"
"ไม่ได้จะกวนสักหน่อย" ว่าแล้วฉันก็เดินเข้ามานอนในห้อง ไม่อยากจะนอนเตียงนุ่มๆก็แล้วแต่ใครเขาสนกันล่ะ
ฉันนอนเล่นมือถือตัวเองเรื่อยเปื่อยคุยกับสองสาวเพื่อนรักไปด้วยเพราะพวกนั้นบอกว่าพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนตอนเที่ยงจะพาฉันไปแปลงโฉม
อะไรของพวกนี้กันเนี่ย ฉันเองก็ไม่เข้าใจ ต้องลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ แล้วฉันไม่ดีตรงไหนแค่ไม่ชอบแต่งตัว ไม่แต่งหน้า ไม่ทำผมทรงใดๆนอกจากรวบเป็นหางม้าก็เท่านั้นเอง ฉันยึดหลักความเป็นธรรมชาติ จะได้ไม่เสียเวลาชีวิตให้มาก
แต่จะว่าไปแล้ว ที่เฮียไม่ยอมชอบฉันเพราะแบบนี้หรือเปล่านะ ยัยเพลงนั้นตรงกันข้ามกับฉันทุกอย่าง ทั้งทรงผมที่ดัดลอนทำสี การแต่งตัวกระโปรงสั้นพลิ้วจนเห็นขาอ่อนแล้วยังแต่งหน้าจัดมาเรียนอีก คำพูดคำจาก็เพราะเสนาะหู สรุปที่พูดมาทั้งหมดสิ่งที่ยัยนั่นทำอยู่ตรงกันข้ามกับฉันทุกอย่างเลย
งั้นไหนๆก็ไหนๆแล้วลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูหน่อยก็แล้วกัน