ไพลินยังคงตั้งใจทำงานด้วยการจดทุกอย่างลงในแท็บเล็ต หญิงสาวนั่งทำงานไปอย่างเงียบๆ แม้ว่าจะมีหนุ่มหล่อนั่งข้างกายก็ยังไม่หวั่นไหวเลยสักนิด เพราะเธอมีเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างการคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงยึดติดกับมันมากนัก แต่หลังจากทำงานถึงได้รับรู้ว่าการได้ครอบครองตำแหน่งนั้น มันคือเกียรติหนึ่งเดียวที่จะไม่ถูกสังคมเหยียดหยาม และเพื่อมันแล้วเธอถึงยอมทำทุกอย่าง แม้กระทั่งต้องร่วมงานกับคนที่อาจล่วงรู้ความลับของเธอก็ตามที
พายุนั่งมองใบหน้าด้านข้างที่ถูกปกปิดด้วยผมสีดำสนิทอย่างไม่เข้าใจในตัวเองนัก ในใจของเขามีความขัดแย้งกันทุกครั้งที่มองไพลิน เขาไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายหรืออึดอัดที่ได้อยู่ใกล้หญิงสาว แต่อีกด้านหนึ่งกลับคิดว่าตนเองมีรสนิยมที่ดีกว่านั้น มีสาวๆ โพรไฟล์ดีกว่าไพลินให้เลือกตั้งหลายร้อยคน แต่ทำไมเขาต้องยึดติดขนาดนี้ด้วย
จะบอกว่าชอบก็ไม่ใช่ แต่เป็นบางอย่างที่กวนใจมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นอย่างใกล้ชิด และยิ่งไปกว่านั้นคือการแสดงออกถึงการปฏิเสธอย่างชัดเจนที่ทำให้เขาอยากลองเอาชนะดูสักหน
ได้มาเล่นจนเบื่อแล้วค่อยทิ้งเหมือนอย่างที่เคยก็ได้ แต่พอคิดถึงสีหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ของหญิงสาวแล้ว กลับเป็นเขาที่กลัวว่าจะถูกเกลียด…
พายุขมวดคิ้วเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองคิดถึงเรื่องที่ไร้สาระมากเกินไปแล้ว
คนอย่างเขาน่ะหรือจะกลัว!
ไม่มีทาง!
เพียงแต่พอเห็นริมฝีปากจิ้มลิ้มนั่นเผยอขึ้นเล็กน้อย กลับทำให้เขาเผลอยื่นมือเข้าไปใกล้ และทัดผมของหญิงสาวเข้ากับใบหูเล็กอย่างไม่รู้ตัว
ซึ่งทำให้คนที่อยู่ดีๆ ก็ถูกจู่โจมถึงกับตระหนก และขยับตัวหนีด้วยความประหลาดใจ
“นายจะทำอะไร” ไพลินมองมือที่ค้างอยู่ของพายุด้วยสายตาหวาดระแวง ในหัวมีแต่ความสงสัยและคำถามเต็มไปหมด
เขาเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?
ทำไมอยู่ๆ ก็เข้ามาใกล้?
และเขาทำแบบนี้ทำไม ตั้งใจหว่านเสน่ห์?
พายุชะงักไปเช่นกันเมื่อรู้สึกตัว จากนั้นรีบชักมือกลับทันที
“เอ่อ…เราเห็นฝุ่น ใช่! ฝุ่น! มันติดผมของเธออยู่น่ะ ก็เลยเอาออกเฉยๆ”
ฝุ่นเนี่ยนะ?
แค่อ้าปากก็รู้ว่าตอแหลชัดๆ
ไพลินขมวดคิ้วอย่างไม่ไว้ใจ จากนั้นเงยหน้ามองเพดานรอบตัวก็พบว่าไม่มีสิ่งใดนอกจากแอร์ แต่ช่างมันเถอะ เพราะถ้าเธอเผลอไปกล่าวหาเขา ก็อาจจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ อีกอย่างผู้หญิงบางคนในสมัยนี้แค่เห็นคนหล่อก็เลือกที่จะเข้าข้างแล้ว
อยากจะอ้วก
“อืม…ขอบใจนะ แต่นายทำเสร็จแล้วใช่ไหม ส่งงานเข้าไปไดรฟ์กลุ่มได้เลย เดี๋ยวพวกเราจะจัดการต่อเอง ถ้าบทเขียนเสร็จเมื่อไหร่ จะส่งให้นายอ่าน” ไพลินรีบเก็บหนังสือและลุกออกจากโต๊ะทันทีเพราะไม่อยากอยู่ใกล้คนมือไวใจง่ายแบบเขา
“เดี๋ยวสิไพลิน เราก็อยากช่วยเธอเหมือนกันนะ เป็นงานกลุ่มไม่ใช่เหรอ” พายุรู้สึกถึงเส้นกั้นที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ เพราะความมือไวของตัวเอง จึงทำให้เขากระวนกระวาย
ผู้หญิงคนนี้ไม่ง่ายเลยสักนิด
ร่างสูงก้าวเดินตามติดร่างเล็กไปจนถึงชั้นวางหนังสือด้วยความกระวนกระวาย กังวลว่าจะถูกตัดความสัมพันธ์ที่ยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยการกระทำของตน
“ให้เราช่วยเถอะนะ” นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขายอมเดินตามและขอร้องผู้หญิง
ไพลินวางหนังสือเข้าชั้นดังเดิม จากนั้นหันมาเผชิญหน้ากับเจ้าของร่างสูงใหญ่ เมื่อเห็นสีหน้าเหมือนลูกหมากำลังจะถูกทิ้งของเขา จึงทำให้เธอถอนหายใจอย่างจำนน
“นายก็ช่วยไปแล้วไง ต่อไปก็ต้องทำงานเป็นนายแบบโฆษณา นั่นเท่ากับช่วยงานกลุ่มเหมือนกัน นายไม่ต้องกังวลหรอกนะว่าจะไม่มีชื่อในกลุ่ม เพราะพวกเราไม่ได้ไร้สำนึกขนาดนั้น” นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอพูดกับเขาด้วยประโยคยาวจนแทบลืมหายใจแบบนี้ แต่กลัวว่าจะพูดจาใจร้ายไปมากกว่านี้ จึงค่อยๆ หายใจลึกขึ้นเพื่อเรียกสติของตนเอง
เพราะการที่เขามาวุ่นวายกับเธอ จนทำให้เธอต้องอยู่อย่างหวาดระแวงแบบนี้ มันเริ่มทำให้เธอกลายเป็นพวกอ่อนไหวง่ายขึ้น และควบคุมอารมณ์ได้ยากขึ้นทุกวัน
หงุดหงิดชะมัด
ทางด้านพายุเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกเหวี่ยงใส่จึงทำให้เขาไม่เข้าใจหญิงสาวนัก และไม่รู้ว่าเขากำลังทำผิดอะไร เขาก็แค่อยากสนิทด้วยเท่านั้น ถึงจะไม่ใช่ทางชู้สาว แต่อย่างน้อยหญิงสาวก็เป็นเพื่อนร่วมคณะของเขา
ไพลินรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ตวาดใส่เขาไปแบบนั้นจึงหายใจเข้าออกลึกขึ้น จนกระทั่งระดับอารมณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว เธอจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม
“ขอโทษ…ช่วงนี้เรากำลังเครียดๆ น่ะ เอาเป็นว่าถ้านายอยากช่วย ก็เลี้ยงข้าวพวกเราหลังถ่ายโฆษณาสักมื้อก็แล้วกัน”
พายุค่อยยิ้มออกมาอย่างโล่งใจเมื่ออยู่ๆ ก็ได้รับโอกาสให้ได้ทำความสนิทสนมมากขึ้น
“ได้สิ เลี้ยงทุกวันเลยก็ได้ เราจะรอเธอติดต่อมานะ”